posttoday

ตราสารหนี้แกว่ง ลงทุนอย่างไรดี

31 พฤษภาคม 2559

โดย.. กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ บลจ.ธนชาต

โดย.. กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ บลจ.ธนชาต

สวัสดีครับ ช่วงนี้ผู้ลงทุนต่างก็ประสบปัญหากับการที่ตลาดแกว่งตัวกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะตลาดหุ้น  กองทุนอสังหาฯ หรือแม้แต่ตลาดตราสารหนี้เอง ที่อาจเคยคิดว่าปลอดภัย ก็ต่างได้รับผลกระทบ จากความกังวลว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ซึ่งสำหรับผมมี 3 ประเด็นที่ผู้ลงทุนตราสารหนี้ควรจะพิจารณาไว้ เพื่อให้การลงทุนตราสารหนี้ต่อจากนี้ราบรื่นครับ

1.ทำไมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับตัวสูงขึ้น

ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับตัวสูงขึ้นในระยะนี้ คือ อัตราเงินเฟ้อกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 15 เดือน โดยเดือนเมษายนปรับตัวสูงขึ้น0.07% ประกอบกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาสแรกก็ปรับตัวมาอยู่ที่ 3.2%ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.9%    ทำให้นักลงทุนคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว  ประกอบกับ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ  พูดถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในไม่กี่เดือนข้างหน้า

จริงๆแล้วไม่เฉพาะในไทยเท่านั้นที่ผลตอบแทนจากพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น เพราะในภูมิภาคเอเชียต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ทำให้กองทุนตราสารหนี้ที่ถือพอร์ต Duration ยาว ค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ   (กล่าวคือ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น  ทำให้ราคาตราสารหนี้ปรับตัวลดลง)

2.Yield curve ของพันธบัตรไทยจะขึ้นต่อไปหรือไม่

ผมคิดว่า   คาดว่าตลาดน่าจะคลายความผันผวนลง   หลังจากผ่านการประชุม FOMC     ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน  เพราะ ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรก็ปรับตัวสูงขึ้นมารับข่าวการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดแล้ว(สูงขึ้น 0.3%-0.6%)

อย่างไรก็ตามขณะนี้มีสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจสูงมาก ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 8% ต่อ GDP  ทำให้น่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดตราสารหนี้อยู่ 
ส่วนประเด็นเรื่องการเทขายจากนักลงทุนต่างชาติ พบว่าส่วนมากจะเป็นการเทขายพันธบัตรระยะสั้นมากกว่าระยะยาว    การขายพันธบัตรระยะกลาง-ยาว   ส่วนใหญ่นักลงทุนในประเทศเป็นหลัก

3.กลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำ

ผู้ลงทุนที่ชอบลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งตลาดเงินและตราสารหนี้ทั่วไป  ในส่วนของตลาดเงินอาจไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะโดยนโยบายทำให้เราถือตราสารที่มี Duration ค่อนข้างสั้น แต่สำหรับผู้ที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป ในระยะนี้อาจเห็นผลตอบแทนติดลบในบางวัน ซึ่งแนะนำว่าให้ผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนไว้ยาวเสียหน่อยก็จะลดผลกระทบลง  อาจต้องถืออย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงที่ผลตอบแทนปรับขึ้นมาแล้ว น่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นคุ้มค่ากับการรอ หรือในระยะสั้นอาจรอจนถึงช่วงเดือนมิถุนายนที่มีการประชุม FOMC น่าจะเห็นความชัดเจนขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรตลาดก็ปรับตัวรับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วส่วนหนึ่ง 

สำหรับกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.ธนชาต เราได้มีการปรับลด Duration มาแล้วในระยะหนึ่ง ทำให้สามารถลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้านักลงทุนยังกังวล ในช่วงนี้อาจเน้นลงทุนในกองทุนตลาดเงินก่อนก็ได้