จีนนำเข้าทองคำสูงสุดในรอบ 2 ปี
โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัญยศิริ ประธานกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก
โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัญยศิริ ประธานกลุ่มเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก
รายงานจากบลูมเบิร์ก ระบุว่า จีนมีการบริโภคทองคำสูงมาก ในช่วงที่ตลาดทองคำปรับตัวลดลงในเดือน ธ.ค. ที่เป็นช่วงที่ราคาทองคำแกว่งตัวอยู่ในช่วง 1,060 – 1,080 เหรียญ โดยผลสำรวจพบว่าคนจีนซึ่งผู้ซื้อรายใหญ่ มีกำลังซื้อสำคัญจากกลุ่มสตรีสูงอายุ ซึ่งมีการซื้อสะสมทองเข้ามาโดยตลอด โดยการบริโภคทองคำของจีนในเดือนธันวาคมสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน โดยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นผ่านฮ่องกงจากระดับ 66.8 ตัน สู่ ระดับ 111.3 ตัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 67% และนำเข้าเพิ่มขึ้นจากสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มขึ้นจาก 16.5 ตัน สู่ระดับ 59 ตัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 257% จึงนับว่าการเข้าซื้อดังกล่าวเป็นการเข้าซื้อที่มีนัยสำคัญ ที่เข้ามาช่วยพยุงราคาในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง
ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ราคาทองคำเองได้รับอานิสงค์จากการที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวน และภาคการเงินของตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนผิดปกติในทิศทางขาลง ทำให้ทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งอย่างโดดเด่นตลอดช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมราคาทองคำกลับมาเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจนในระยะสั้น
ขณะที่ปัจจัยทางด้านพื้นฐานโดยภาพรวมที่กดดันราคาทองคำในทิศทางขาลง เริ่มเบาบางลงเนื่องจากเฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมทั้งตลาดเองยังคาดการณ์ว่าในปีนี้เฟดอาจไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ตามเป้าหมาย หรืออาจปรับขึ้นได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการที่ญี่ปุ่นประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงเป็นอัตราติดลบ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นปรับลดอัตราดอกเบี้ย สู่ระดับติดลบ 0.1% หมายความว่าญี่ปุ่นเองก็ยังต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้ดีขึ้น จากสภาพที่มีความไม่แน่นอนอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจของโลก
ราคาทองคำทางเทคนิค
โดยทางเทคนิคนั้นราคาทองคำ ยังคงปรับตัวสูงกว่าระดับ 1,100 เหรียญได้อย่างมั่นคง ทำให้วิเคราะห์ได้ว่าราคาทองคำในระยะสั้นเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น โดยที่ในเชิงเทคนิค มีแนวต้านที่สำคัญบริเวณ 1,128 เหรียญ และ 1,145 เหรียญ ตามลำดับ โดยที่แนวรับของทองคำปรับสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 1,105 เหรียญ และ 1,095 เหรียญ สำหรับทองคำของไทยนั้นได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท เนื่องจากมีเงินทุนไหลเข้าซื้อพันธบัตรระยะสั้นเป็นอย่างมาก ทำให้ทองคำไทยปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่มากนัก และทรงตัวอยู่บริเวณ 18,750 – 18,950 บาท/บาททองคำ โดยทองคำไทยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 19,000 บาท/บาททองคำ
กล่าวโดยสรุปกลยุทธ์การลงทุนควรใช้กลยุทธ์ตามทิศทางขาขึ้น ในลักษณะ Buy on Dip, Sell on Rally ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น
การปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อการทำกำไร
ทองคำดูจะเป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในช่วงนี้ ที่ตลาดหุ้นยังมีความผันผวนและไม่แน่นอน ดังนั้นการเพิ่มพอร์ตการลงทุนใน Gold Futures จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรกระทำในระยะสั้น เนื่องจากสภาพตลาดทองคำเริ่มปรับเปลี่ยนมาเป็นขาขึ้น ดังนั้นการที่จะเรียนรู้การใช้ Margin และการหาจังหวะการ Leverage ในช่วงเวลาที่ถูกต้องจะช่วยให้นักลงทุนสามารถเพิ่มผลกำไรได้เป็นอย่างดี เนื่องจากราคาทองคำที่มีการกวัดแกว่งตัวอย่างมากในช่วงระยะสั้นๆนี้ โดยคาดว่าราคาทองคำน่าจะสามารถทรงตัวอยู่ในทิศทางขาขึ้นได้อีกระยะหนึ่งไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากแรงกดดันจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้หายไปจากตลาด โดยที่ผลการสำรวจจากคิทโก ระบุว่านักวิเคราะห์โดยส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาทองคำน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้การที่นักลงทุนจะสามารถทำกำไรได้ดีต้องขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจในปัจจัยพื้นฐานรวมกับความรู้ความเข้าใจในปัจจัยทางเทคนิคประกอบคู่กัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจัยทางเทคนิคเริ่มมีผลอย่างมากต่อการลงทุน โดยเป็นเครื่องมือสำคัญในการมองหาจังหวะและโอกาสในการเข้าซื้อหรือขาย ในวันนี้จะพูดถึงจุดในการขายออกของราคาทองคำโดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการพิจารณา
โดยภาพรวมแล้ว หากเราเป็นนักลงทุนระยะสั้น เส้นค่าเฉลี่ยที่นักลงทุนน่าจะนิยมใช้กัน ได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน และ 15 วัน โดยที่จุดที่นับว่าน่าจะเป็นการขายออกสำหรับนักลงทุนระยะสั้นส่วนใหญ่อาจพิจารณาจากเส้นค่าเฉลี่ย 15 วันเป็นเกณฑ์ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนจะใช้ Time Frame ของการลงทุนที่ระดับใด ทั้งนี้ Time Frame ในการลงทุนนั้น หมายไปถึงระยะเวลาที่ใช้ในกราฟเพื่อดูความเร็วในการเข้าตัดสินใจ ซึ่งหากเป็นนักลงทุนระยะสั้นไม่เกิน 7 วัน Time Frame ที่ควรใช้ควรอยู่ในระดับประมาณ 15 นาที รวบไปกับ 1 ชั่วโมง ดังนั้นการที่จะหาจุดสมดุลของ Time Frame และเส้นค่าเฉลี่ยในช่วงต่างๆจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนในทองคำและในตลาดฟิวเจอร์ส เพราะโดยภาพรวมเมื่อเราต้องการที่จะเคลื่อนไหวเร็ว ก็ควรจะใช้กลยุทธ์ที่รวดเร็วตามสภาพของตลาดที่มีมา
บริษัท MTS Gold Futures ผู้นำในตลาดทองคำ ทั้งทองคำแท่งและ Gold Futures มีคอร์สในการอบรมต่อเนื่องถึงแนวคิดในการลงทุน รวมไปถึงมีเครื่องมือที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ นั่นคือ MTS MT PRO รวมทั้งปัจจัยในการส่งเสริมเงินรางวัลในการลงทุนให้นักลงทุน สนใจการลงทุนสามารถติดต่อได้ที่ Call Center 02-770-7777


