posttoday

ตลาดทองคำส่งท้ายปี 2557

22 ธันวาคม 2557

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มเอทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก

โดย...นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มเอทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นถึงความผันผวนอย่างมากในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้มีเม็ดเงินไหลออกจากประเทศและกลับสู่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากใกล้สู่สภาวะสิ้นปี รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์เองกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินเยน

สิ่งที่สำคัญซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของโลก คือ ภาวะความตึงตัวทางการเงินของประเทศรัสเซีย ซึ่งโดยปกติตลาดโลกเองมักจะไม่ค่อยพิจารณาไปยังเศรษฐกิจรัสเซียเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่มา จากการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯและยุโรป ทำให้เศรษฐกิจรัสเซียเกิดภาวะตึงตัว เนื่องจากฐานเศรษฐกิจของรัสเซียจะอยู่ในฝั่งยุโรป โดยเน้นไปยังการค้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งหลังจากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 41%  จึงทำให้เกิดภาวะตึงตัวทางเศรษฐกิจของรัสเซีย อันจะสังเกตได้จากจาก 2 ประเด็นหลัก คือ 1) ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์กว่า 50%

และ 2) สภาพคล่องทางการเงินของรัสเซียเริ่มหายไปมากกว่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ดังนั้น จากสภาวะดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของทั่วโลกทั้งในเรื่องของการเคลื่อนย้ายเม็ดเงิน รวมทั้งจะเห็นได้ถึงการใช้เศรษฐกิจมากดดันในเชิงสภาวะทางด้านสงครามมากกว่าการใช้อาวุธทำลายล้างกันเหมือนในอดีตที่ผ่านมาเมื่อ 50 ปีก่อน

สิ่งที่เริ่มส่งผลต่อตลาดทองคำ จะมีในส่วนที่วิเคราะห์ได้ตามปัจจัยพื้นฐานจริงๆ และบางครั้งก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เนื่องจากสภาวะของตลาดทองคำมีความข้องเกี่ยวกันกับสภาวะของค่าเงินสกุลต่างๆ จึงมีหลายๆนักวิเคราะห์มองว่า รัสเซียเองน่าจะถูกต้อนเข้าสู่มุมอับที่จำเป็นที่จะต้องขายทองคำออกมาบ้าง เพราะรัสเซีย ณ ขณะนี้ถือครองทองคำกว่า 1,150 ตัน เรียกว่าเป็นการสะสมไว้ก่อนหน้านี้ จึงน่าจะนำออกมาช่วยได้ดีเมื่อเกิดภาวะตึงตัวทางเศรษฐกิจในรัสเซีย ซึ่งประเทศไทยเองก็เคยใช้ทองคำเป็นตัวช่วยในปี 2540 แต่ไม่ได้เป็นการขายจากภาครัฐบาล แต่เป็นการขายจากภาคเอกชนเพื่อมาหนุนสภาพคล่องทางการเงิน

ผมจำได้ว่าในปี 2540 ที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และต่อมาในปี 2541 ประเทศไทยเองมีการส่งออกทองคำเป็นจำนวนมาก จึงสามารถทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาช่วยชาติจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2541 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจะเป็นสภาวะที่คล้ายๆกับที่กำลังเกิดขึ้นในรัสเซียขณะนี้

นักวิเคราะห์หลายฝ่าย ยังคงประเมินว่าราคาทองคำในปีหน้าน่าจะยังถูกกดันในทิศทางขาลงต่อเนื่อง เนื่องจากเฟดเองก็คงจะค่อยๆปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสภาพเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ดีขึ้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำจนเกินไปนัก แม้ว่าจะยังมีเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย แต่ยังคงสามารถควบคุมได้ ขณะที่น้ำมันจะเป็นตัวเสริมให้สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นมาได้

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวในกรอบแคบๆ ตามสภาวะของตลาดที่ยังหาทิศทางที่ชัดเจนไม่ได้ กรอบที่เคลื่อนตัวอยู่ ณ ขณะนี้อยู่ระหว่าง 1,190-1,210 เหรียญ ซึ่งก็ยังคาดว่าในสัปดาห์หน้า ราคาทองคำน่าจะเกิดการ Breakout ออกมาได้ โดยพิจารณาจากสภาพทางเทคนิคน่าจะเป็นเช่นนั้น เนื่องจากจะเห็นได้จากแรงกดดันจากเส้นค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปบริเวณ 1,200 เหรียญที่เริ่มกดดันและกดต่ำลงมาเรื่อยๆ จึงยังวิเคราะห์ทางเทคนิคว่า โอกาสที่ราคราทองคำจะปรับตัวลดลงยังน่าจะมีอยู่ค่อนข้างสูง โดยที่ทองคำจะมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,220 เหรียญ ขณะที่แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,185 เหรียญ ซึ่งคาดว่าถ้าราคาทองคำหลุด 1,185 เหรียญ น่าจะลงมาที่จุดต่ำสุดเดิมซึ่งเป็นแนวรับสำคัญบริเวณ 1,140 เหรียญได้ ซึ่งน่าจะเป็นแนวรับสำคัญ และคาดว่า ราคาทองคำไทยจะอยู่ที่ระดับ 18,000 บาท/บาททองคำ โดยเรามีโอกาสจะเห็นได้ในช่วงสิ้นปีเช่นกัน เนื่องจากทองคำไทยจะมีค่าเงินบาทมาเกี่ยวพันอย่างมากในขณะนี้

วิเคราะห์ภาพโดยองค์รวม การลงทุนในทองคำจึงมีความน่าสนใจอย่างมาก และจะเห็นได้ว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นก็ยังมีน้อยกว่าตลาดหุ้น รวมถึงยังมีความน่าจะเป็นในการทำกำไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สิ่งที่สำคัญคือการบริหารพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาพตลาด Derivatives ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อันจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายในตลาด TFEX ที่สูงกว่า 200,000 สัญญาในช่วงที่ตลาดผันผวน