posttoday

วิชญาพร จิรเวชสุนทรกุล จากเด็กขี้อาย สู่ผู้นำเชียร์

03 สิงหาคม 2557

วัยรุ่นหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาสาวน้อยชื่อ มีนวิชญาพร จิรเวชสุนทรกุล จากสื่ออินเทอร์เน็ต

โดย...กองทรัพย์ /ภาพ กิจจา อภิชนรจเรข

วัยรุ่นหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาสาวน้อยชื่อ มีนวิชญาพร จิรเวชสุนทรกุล จากสื่ออินเทอร์เน็ต เพราะเธอถือเป็นเน็ตไอดอลคนหนึ่ง และเธอคือน้องสาวของ มายด์วิรพร จิรเวชสุนทรกุล นักแสดงในสังกัดบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จึงมักถูกถามเสมอว่าจะตามรอยพี่สาวเข้าวงการบันเทิงหรือไม่ “มีนเป็นคนขี้อาย และชอบเรียนหนังสือมากกว่า” เธอมักบอกออกไปแบบนั้น

ความมุ่งมั่นด้านการเรียนฉายแววมาตั้งแต่เรียนมัธยมที่โรงเรียนชลราษฎรอำรุง จ.ชลบุรี เธอจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.69 และจากนั้นก็สอบตรงเข้าเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเลือกคณะครุศาสตร์ สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ซึ่งแม้จะเป็นคณะที่เธอบอกว่าไกลตัวและไม่ได้วาดฝันมาก่อนว่าจะเป็นครู เพราะสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดคือ แอร์โฮสเตสและนักเขียน แต่เมื่อเข้ามาสัมผัสกับความเป็นครุศาสตร์แล้ว “ครูอนุบาล” ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายในชีวิต

“ตั้งเป้าอยากลองทำอะไรหลายๆ อย่าง อย่างแรกคือ คว้าเกียรตินิยมให้ได้ ระหว่างนี้ก็ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัยให้ได้มากที่สุด มีนชอบเรียนภาษามาก เพราะอยากเป็นแอร์โฮสเตส แต่ภาษาที่สามสามารถเรียนเพิ่มเติมตามความสนใจได้ แต่ถ้าองค์ความรู้ที่นำไปใช้ในการประกอบวิชาชีพครูก็ต้องเรียนที่ครุศาสตร์ ซึ่งถ้าเรียนจบแล้วก็อยากเริ่มต้นทำงานเป็นครูอนุบาลตามที่เรียนมาก่อน ถ้ามีแววอาจจะต่อปริญญาโทด้านภาษา หรือเปิดเนิร์สเซอรี่ของตัวเอง” นิสิตใหม่วัย 18 ปี กล่าว

เมื่อถามถึงการเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้นำเชียร์คณะครุศาสตร์ มีน บอกว่า ได้รับการทาบทามจากรุ่นพี่ จากนั้นเธอจึงลองไปคัดตัว เนื่องจากมีคนสมัครจำนวนมาก และจำนวนที่รับก็จำกัด เธอจึงคิดว่าไม่ได้รับคัดเลือกแน่นอน จึงไม่ได้เตรียมตัวเท่าที่ควร เมื่อผลออกมาว่าเธอเป็น 1 ใน 13 ผู้นำเชียร์ การฝึกฝนอย่างหนักชนิดที่ไม่คาดคิดจึงเริ่มขึ้น

วิชญาพร จิรเวชสุนทรกุล จากเด็กขี้อาย สู่ผู้นำเชียร์

 

“ตอนเข้าไปคัดตัวมีนไม่ได้คาดหวัง พอผลออกมาหนูก็ เอาวะ! ลองซักตั้งหนึ่ง เพราะก็เป็นกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย ลีดคณะเป็นตัวแทนของนิสิตทั้งรุ่น ไปแข่งขันเชียร์ เราต้องเป็นผู้นำให้คนทั้งสแตนร้องเพลงไปกับเรา ดังนั้นจึงซ้อมค่อนข้างหนัก มีนซ้อมเกือบทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม บางวันอาจจะหนักถึง 5 ทุ่ม ยิ่งในช่วงจะมีการแข่งขันกีฬาเฟรชชี่กลางเดือน ส.ค. ก็ต้องซ้อมหนัก และยังต้องพร้อมสำหรับกีฬาคณะครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์ของสถาบันอุดมศึกษาในชื่อไม้เรียวเกมส์ด้วย

“ด้วยความที่เป็นคนไม่ออกกำลังกายเลย ทำให้วันแรกของการซ้อมมีนถึงกับเป็นลม วิ่งรอบตึกคณะแค่ 5 รอบ หนูเหนื่อยมาก ตั้งการ์ดค้างอีก 5 นาที แค่เท่านี้หนูก็หน้าชา ตัวชา หนูร้องไห้น้ำตาไหล แต่ก็ได้รับกำลังใจจากรุ่นพี่และเพื่อนๆ ทำให้ผ่านได้ด้วยดี นี่สองอาทิตย์ที่ผ่านมา สังเกตเห็นเลยว่าร่างกายเราเปลี่ยนไป คือแข็งแรงขึ้น ตอนนี้วิ่งวันละ 10 รอบ ก็ยังไหว การ์ดค้าง 10 นาที ก็ทำได้”

มีน บอกว่า การเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้นำเชียร์คณะนี่ทำให้เด็กขี้อายคนหนึ่งทำให้เรากล้าแสดงออก มีระเบียบวินัยและต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น “เราต้องเรียนด้วย ซ้อมเชียร์ด้วย ถือว่าหนักกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ซึ่งก็ต้องจัดตารางเวลาให้ดี และยิ่งเราเป็นผู้นำเชียร์ของคณะ ทุกคนก็จะจับจ้องเราเป็นพิเศษ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีทั้งในแง่การแต่งกายและการวางตัว ก็ทำให้เราโตขึ้น มีนยังเชื่อว่าการเรียนทำให้เรามีความรู้ แต่กิจกรรมทำให้เราทำงานเป็นและเอาตัวรอดได้ เพราะเราต้องติดต่อกับคนหลากหลาย”

เมื่อให้มีนนิยามตัวเอง เธอบอกว่า “มีนเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เติบโตมากับอากงอาม่า เรียนจบ ม.ปลาย ก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ กับพี่สาว ไม่มีญาติผู้ใหญ่ก็ต้องดูแลกันเองสองคน พ่อแม่เขาสอนให้เราดูแลตัวเอง เพราะเขาไม่ได้คอยมาตักเตือนตลอดเวลา ก็จะคิดอยู่เสมอว่าจะทำอะไรที่ไม่ดีก็ต้องคิดถึงเขาให้มากๆ เตือนใจให้เราคิดไตร่ตรองให้ดีทุกครั้งก่อนจะทำอะไรลงไป”