posttoday

เพียงมุมสงบ...หัวใจก็เป็นสุข

09 กุมภาพันธ์ 2553

สิ่งที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้คือ ความจริงใจของผู้กำกับมีต่อคนดู ไม่เสแสร้งอารมณ์ขัน และไม่พยายามยัดเยียดบรรยากาศซีเรียสเกินไป

สิ่งที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้คือ ความจริงใจของผู้กำกับมีต่อคนดู ไม่เสแสร้งอารมณ์ขัน และไม่พยายามยัดเยียดบรรยากาศซีเรียสเกินไป

โดย...อัคร เกียรติอาจิณ

ไม่ได้ดูหนังแบบนี้นานแล้วครับ... หนังที่ทำให้หัวใจรู้สึกหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันแช่มชื่น-ปลอดโปร่ง-ขบขัน-ซาบซึ่ง-อบอุ่น ที่สำคัญมันยังเป็นหนังที่มีองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเนื้อหา นักแสดง ฉาก ดนตรี ละมุนละไม สบายตา และน่ารักทีเดียว

เพียงมุมสงบ...หัวใจก็เป็นสุข Megane

Megane หรือ Glasses (คว้า Manfred Salzgeber Award เทศกาลหนังนานาชาติกรุงเบอร์ลิน 2008 มาครองได้ ส่วนเทศกาลหนังซันแดนซ์ 2008 มีชื่อเข้าชิงสาขา Grand Jury Prize World Cinema ประเภทดรามา) ผลงานที่อาจจะเรียกว่าฟอร์มเล็กมาก...ก แล้วก็เดินเรื่องแบบเรียบง่าย การถ่ายไม่ได้ซับซ้อน โปรดักชันไม่เน้นอลังการงานสร้าง โลเกชันก็มีแค่ฉากโต๊ะกินข้าวในรีสอร์ต ถนนลาดยางรอบทะเล ร้านน้ำแข็งใสและหาดทรายขาวโพลน

ขณะที่พล็อตเรื่องก็เล่าถึงคน 5 คน ที่ใช้ชีวิตร่วมกันบนเกาะแห่งหนึ่ง เหมือนไม่มีอะไรและไร้ทิศทาง แต่ในความรู้สึกไม่มีอะไรและไร้ทิศทางนี่ละ กลับแฝงแง่คิดไว้มากมาย

"ยูจิ" เจ้าของรีสอร์ตขนาดจิ๋ว "ซากุระ" คุณป้าวัยดึกอารมณ์ดีที่มีร้านน้ำแข็งใสริมหาด "ฮารุนะ" ครูสอนวิชาชีวะโรงเรียนมัธยม "ทาเอโกะ" สาวชาวกรุงมาดเนี้ยบ "โยโมกิ" ลูกศิษย์หนุ่มที่ออกตามหาอาจารย์

สิ่งที่โดดเด่นในหนังเรื่องนี้คือ ความจริงใจของผู้กำกับ (เคยสร้างความประทับใจมาแล้วใน Kamome Diner เล่าเรื่องผู้หญิงญี่ปุ่นไปเปิดร้านอาหาร ณ ประเทศฟินแลนด์) ที่มีต่อคนดู ไม่เสแสร้งอารมณ์ขัน และไม่พยายามยัดเยียดบรรยากาศซีเรียสเกินไป แต่ค่อยๆ เผยรายละเอียดแบบส่งทอดจากคนหนึ่งถึงอีกคน จนครบทั้ง 5 ตัวละคร พร้อมคลี่คลายปมทั้งหลายแหล่ออกมา ผ่านเหตุการณ์เล็กๆ

ช่วงแรกหนังแทบไม่มีบทสนทนาใด แต่ก็ไม่น่าเบื่อเหมือนบางเรื่อง การแช่กล้องลืมไปได้เลยไม่เห็นในเรื่องนี้แน่ๆ และนี่ก็คือจุดน่าสนใจของมันอีกอย่าง ซึ่งผมมองว่าเป็นวิธีการทำหนังประหยัดคำพูดที่ทรงพลังมากๆ โดยเฉพาะการถ่ายทอดเรื่องราว

หนังค่อนข้างให้น้ำหนักกับ "การค้นหาความสุข" อยู่ไม่น้อย และบอกเป็นนัยๆ ทำนองว่าไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ในสถานะใด เศรษฐี หรือยาจก ไฮโซ หรือโลโซ ซูเปอร์สตาร์ หรือคนธรรมดา ผู้ชาย ผู้หญิง กระทั่งเพศที่ 3 ทุกคนสามารถชื่นชมและรื่นรมย์กับชีวิตได้ตั้งแยะ เพราะความสุขมักอยู่ไม่ไกลจากตัวมากนัก

ก็เหมือนกับ ยูจิ ซากุระ และฮารุนะ ที่ยอมรับเงื่อนไขกับการใช้ชีวิตบนเกาะได้อย่างราบรื่นโดยมีเป้าหมายชัดเจนว่าพวกเขาอยู่เพื่ออะไรและเพื่อใคร

ที่ยูจิทำรีสอร์ต จริงๆ ก็เพราะอยากใกล้ทะเลไม่หวังร่ำรวย ขอแค่คนมาพักสัมผัสกับเกลียวคลื่น-สายลม-แสงแดดเป็นพอ

ร้านน้ำแข็งใสของซากุระ ก็จะเปิดให้ทุกคนกินฟรีเฉพาะฤดูร้อน เรื่องกำไรและลูกค้าเยอะไม่เคยอยู่ในสมอง เพราะสิ่งที่เธอตั้งใจให้ผู้คนรู้จักคือ การแบ่งปัน

ส่วนฮารุนะนั้นการเป็นครูชนบท ได้อยู่กับธรามชาติ เจอมิตรภาพดีๆ แวดล้อมด้วยคนน่ารักนั่นละเป็นความปรารถอันยิ่งใหญ่สำหรับเธอ

อ้อ! แล้วความสุขของ 3 คนนี้ ยังรวมถึงการได้นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกัน ได้ลิ้มรสเมนูปรุงสดใหม่จากผักปลูกเองปลอดสารพิษแกล้มบ๊วยดวงกับมือ หรือบางครั้งก็มีปาร์ตี้ริมหาด ย่างบาร์บีคิวและซดเบียร์เย็นๆ และที่ลมไม่ได้คือ การออกกำลังกายตอนเช้าและนอนผึ่งแดดตอนสาย

ต่างจากตัวละครที่ชื่อทาเอโกะ จริงอยู่ที่ใจลึกๆ เธออยากแสวงหาความสุขจากเกาะแห่งนี้ แต่ด้วยความหยิ่งยโสอวดดี และไม่แคร์คนรอบข้างที่แสดงต่อยูจิ ซากุระ ฮารุนะ ล้วนบ่งบอกว่าชีวิตสาวเมืองกรุงอย่างเธอก็ยากอยู่ที่จะสัมผัสกับคำว่าความสุขได้ ถ้าไม่รู้จักคุณค่าของมัน

ตามกันข้ามกับโยโมกิ อาจเป็นตัวละครที่มีบทน้อย ถึงอย่างนั้นคนหนุ่นแน่นเช่นเขาก็น่าจะเป็นตัวแทนมนุษย์แบบสุขนิยมยุคดิจิตอล สามารถตักตวงความสุขได้จากการปรับตัวเขากับใคร หรือสังคมใหม่อย่างไร้กังวัล

ดูเหมือนหนังจะทิ้งคำตอบในตอนท้ายให้คนดูได้ซึมซับกับคำว่ามิตรภาพมากกว่าการแสวงหาความสุข ณ มุมหนึ่งของเกาะ บนหาดทรายที่ยื่นออกไปสู่ผืนน้ำสีคราม มีรีสอร์ตขนาดจิ๋วและร้านน้ำแข็งใสตั้งอยู่ ฤดูร้อนปีต่อมาก็มีการรวมตัวกันอีกครั้งของคนหน้าเดิมๆ ยูจิ ซากุระ ฮารุนะ ทาเอโกะ และโยโมกิ

เพื่อทำกิจกรรมที่แม้จะซ้ำซาก แต่ก็สร้างความสุขได้อย่างล้นเหลือสำหรับพวกเขา...นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกัน ลิ้มรสเมนูปรุงสดใหม่จากผักปลูกเองปลอดสารพิษ แกล้มบ๊วยดองกับมือ หรือบางครั้งก็มีปาร์ตี้ริมหาด ย่างบาร์บีคิวและซดเบียร์เย็นๆ และที่ลืมไม่ได้คือการออกกำลังกายตอนเช้าและนอนผึ่งแดดตอนสาย