posttoday

“ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64

01 มกราคม 2565

3 คนดัง “ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64

“หนุ่ม กรรชัย” ผู้ทรงอิทธิพลที่แท้ทรู เด็ดทุกข่าว งามไส้เกือบทุกเทป

แม้จะไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลของวงการบันเทิงในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา แต่การทุ่มเทแรงกาย แรงใจ เพื่องานและรายการของตนเอง ทำให้วันนี้ “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” สามารถลบคำปรามาสที่เคยบอกว่า ก็แค่นักแสดงที่ได้มาทำหน้าที่พิธีกรข่าวออกไปได้อย่างหมดสิ้น

ตอนแรกใครๆ ก็คิดว่า วันที่ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” พ้นคุกออกมาทำหน้าที่คนข่าว คืนจอช่อง 3 จะทำให้กระแสนิยมและบทบาทหนุ่ม กรรชัยลดน้อยลงไปหรือไม่ แต่ถึงตอนนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ชั้นดีแล้วว่า “ไม่ใช่” และ “คนละเวย์” ขณะที่สรยุทธนำเสนอข่าวในรูปแบบการอ่านข่าว แต่ “หนุ่ม กรรชัย” กลับเดินเครื่องเต็มสูบ จนทำให้ “โหนกระแส” กลายเป็นรายการที่ใครๆ ต้องเฝ้ารอชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. เรียกว่าต้องเฝ้ากันติดจอ เพื่อดูว่ารายการจะสามารถดึงคนที่เป็นประเด็นร้อนแรงมาชี้แจงกลางรายการได้หรือไม่ และหากใครไม่ได้ดูเดี๋ยวจะคุยกับชาวบ้านไม่รู้เรื่อง

ทุกเทปที่ออนแอร์ในปี 64 เรียกว่าแทบไม่ทำให้ผิดหวัง ทุกแขกรับเชิญกลายเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์เสมอ รวมทั้งในช่วงหลังๆ ก็ยิ่งพีก มีการส่งตัวผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งเป็นแขกรับเชิญส่งให้ตร.กันจะจะกลางรายการอีกด้วย

แม้บางส่วนจะมองว่านี่คือรายการที่นำคู่กรณีมาทะเลาะกัน ทำให้สังคมแตกแยก แต่หากมองถึงเจตนาแท้จริง “หนุ่ม” กลับหวังให้ปัญหาต่างๆ ได้ยุติจากการเผชิญหน้าพูดคุยกันกลางรายการของทั้งสองฝ่าย คำถามที่ตรงไปตรงมา แต่ก็ต้อนแขกไม่ไว้หน้า ทำให้ทุกวันนี้ มีแต่คนพูดทำนองว่า ถ้าทำอะไรผิด ขอให้จับส่งตร. อย่าส่งไปรายการโหนฯ ของ “หนุ่ม”

สไตล์การทำงานของหนุ่มจึงไม่ใช่แค่อ่านข่าวออกหน้าจอ แต่เป็นการทำงานอยู่บนพื้นฐานความเห็นอกเห็นใจชาวบ้าน คอยให้คำปรึกษาหลังจบรายการไปแล้ว ติดตามประสานงานให้ ไม่ทำให้ผู้ที่มาร่วมรายการต้องโดดเดี่ยว ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ทำให้ได้ใจคนดูและแขกรับเชิญ ขณะเดียวกันก็สามารถ “เอาแขกรับเชิญอยู่หมัด” ไม่ว่าจะ “ซ่า” มาจากไหนก็ตาม จุดนี้เป็นเสน่ห์ของหนุ่ม กรรชัย ที่ทำให้รายการโหนฯ โฆษณาวิ่งชนอื้อในตลอดปีที่ผ่านมา แม้แต่ในช่องทางโซเชียล ยอดวิวในยูทิวบ์ทะลุล้านเกือบทุกเทปเลยทีเดียว แล้วแบบนี้ใครจะสามารถโค่นเขาได้?

“ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64

“ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64

 “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” สาวน้อยมหัศจรรย์ ร้องเริด เต้นเก่ง

สามารถคว้าใจแฟนคลับจากทั่วโลก ยอดผู้ติดตามอินสตราเเกรมของสาวลิซ่าปัจจุบันทะลุ 70.7 ล้านคนเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้สาวลิซ่ายังกลายเป็นเซเลบจากเอเชียและไอดอลเคป็อบที่ติดโผอินฟลูเอนเซอร์บนอินสตาแกรมในสหรัฐอเมริกาในเดือนส.ค. อีกด้วย เป็นคนดังที่หยิบแบรนด์อะไรมาใส่ ของก็หมดภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ตาม

ในส่วนของรายได้ในปี 2564 ของลิซ่า มีการคำนวณว่าแค่เพียงปีเดียว เจ้าตัวอาจทำเงินมากกว่า 1 พันล้านบาท โดยแยกเป็นค่าตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสินค้าแบรนด์หรูถึง 15 แบรนด์จาก 10 ประเทศทั่วโลก อาทิ ฝรั่งเศส อิตาลี เเคนาดา เยอรมันนี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลี จีน และไทย รวมกันแล้วคาดว่าจะมีรายได้กว่า 1 พันล้านบาท

ขณะที่ยังมีรายได้จากช่องยูทิวบ์ BLACKPINK (ที่ไม่เกี่ยวกับค่าย) อีกประมาณ 378 ล้านบาทต่อปี เป็นช่องที่รายได้สูงเป็นอันดับ 2 ในบรรดาช่อง K-Pop ทั้งหมด รองจากช่องของวง BTS นี่ยังไม่นับรายได้จากยอดขายอัลบั้มทั้งงานเดี่ยว งานวง รวมทั้งรายได้จากการรีวิวสินค้าในไอจีที่มียอดผู้ติดตามเป็นจำนวนมากก็ส่งผลให้โกยทรัพย์อื้อ เชื่อว่าความสำเร็จของเจ้าตัวจะยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ปีหน้าต้องเสิร์ฟความเด็ดให้แฟนๆ ได้ฟินกันจนจุกอกอีกแน่นอน

“ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64

“ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64

“พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ปากแจ๋ว ผู้มากับคอนเทนต์ทัชใจ ยอดขายหลัก 100 ล้านใน 5 นาที!

แม้จะเจอสารพัดดรามาจากกรณี กล่องสุ่มรวย 1 ในราคา 1 แสน และกล่องสุ่มรัก 1 ในราคา 1 หมื่น รวมทั้งการไลฟ์ขายคอร์สโบท็อกซ์-ฟิลเลอร์ ในราคา 5 พันบาท จนสะเทือนไปทั้งเมือง ถึงกับต้องหายหน้าไปแก้ปัญหาหลังบ้านอยู่นาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในปี 64 นั้น ชื่อของ “พิมรี่พาย” หรือ “พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์” แม่ค้าออนไลน์ที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้ กลายเป็นชื่อที่ถูกคนกล่าวขวัญถึงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แม้แต่อดีตนายกฯ อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ยังเอ่ยถึงเจ้าตัวผ่านแอปพลิเคชั่นคลับเฮ้าส์

โดยในปี 64 ที่ผ่านมา “พิมรี่พาย” สร้างคอนเทนต์ทำความดีช่วยเหลือสังคม ทัชใจแฟนคลับมาตลอด แต่คอนเทนต์ที่ทำเจ้าตัวดังเป็นพลุแตก ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง โลกโซเชียลให้การยกย่อง คือการที่เจ้าตัวนั้นเดินทางไปหมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่กว่า 300 กิโลเมตร ก่อนควักเงินกว่า 5 แสนบาท ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า ซื้อโทรทัศน์จอยักษ์มาติดตั้งที่ลานหมู่บ้านสานฝันวันเด็กให้แก่เด็กๆ ได้มีความสุข ซึ่งสิ่งนี้ทำคนไทยซาบซึ้ง น้ำตาไหลรินกันทั้งเมือง แม้จะมีประเด็นการเมืองตามมามากมายก็ตาม

หลังจากนั้น “พิมรี่พาย” ก็ยังได้เข้าช่วยเหลือคนไทยต่อเนื่องด้วยการติดตั้งไฟฟ้าให้ชุมชนคลองเตย ขุดบ่อบาดาลช่วยชาวบ้าน รวมทั้งยังสร้างรพ.สนาม 50 เตียง ให้โรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ในขณะที่โควิด-19 กำลังระบาดหนัก ถึงขนาด ผู้ว่าฯ ต้องกล่าวขอบคุณแทนประชาชน

ไม่เพียงแค่การช่วยเหลือสังคม การที่พิมรี่พาย สามารถทำยอดขายได้ถึง 100 ล้านบาท ใน 10 นาที และ 100 ล้านบาทใน 5 นาที ก็ทำเอาสะเทือนวงการแม่ค้าออนไลน์อยู่ไม่น้อย และเชื่อว่าคงยากที่แม่ค้าออนไลน์หน้าไหนจะมาโค่นเธอได้ ขณะที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้จัดทำกรุงเทพโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่องที่สุดแห่งปี ในหัวข้อของการสำรวจ บุคคลในสังคมไทยที่น่าชื่นชมและน่ายกย่องที่สุดแห่งปี ก็มีชื่อของ “พิมรี่พาย” อยู่ในอันดับที่ 2 อีกด้วย

นอกจากนี้สาว “พิมรี่พาย” ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องความเป็นแม่ค้าปากแจ๋ว เปิดศึกฟาดปาก ฉะ ดะคนทั่วทุกวงการ ตั้งแต่เน็ตไอดอล นักการเมือง ยันทนาย จนหน้าแหกหมอไม่รับเย็บกันหลายราย ทุกวาทะของเจ้าตัวถูกกล่าวขวัญเรื่อยมา ถูกใจบรรดาชาวโซเชียลไม่น้อยเลยทีเดียว

“ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64

“ลิซ่า-กรรชัย-พิมรี่พาย” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งปี 64