posttoday

“ทนายตั้ม” ขอเคียงข้าง “ลุงพล” ลือหึ่งมีแบ็กดี กังขาตร. ไม่เป็นกลาง

13 มิถุนายน 2564

“ทนายตั้ม” เคียงข้าง “ลุงพล”  ลือหึ่งมีแบ็กดี! เผยไม่กังวลสักเรื่อง และอยากให้เรื่องไปสู่ศาลไวๆ

ยังคงเป็นเรื่องราวที่สังคมยังให้ความสนใจอยู่ตลอด สำหรับกรณีของ “ลุงพล” ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ และเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาทาง “ทนายตั้ม” ได้พา “ลุงพล” ไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับท่าน “สิระ เจนจาคะ” เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผบ.ตร. รวมถึงเจ้าหน้าที่ ตร.บางนาย ในประเด็นต่างๆ

ล่าสุดทางรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ?“ ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “ทนายตั้ม” ถึงเรื่องราวต่างๆ ว่า

“ทนายตั้ม” ต้องมั่นใจว่าชนะคดีชัวร์ ถึงจะรับทำคดี?

ทนายตั้ม: ก่อนที่ผมจะรับทำคดีอะไรก็แล้วแต่ ผมจะมีการตรวจสอบก่อน คดีลุงพลก็เช่นกัน ไม่ใช่เพราะเป็นลุงพลผมจึงรับทำ ผมได้ลงไปคุยกับลุงพล ไปตรวจดูข้อมูล มั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือลุงพล จึงรับทำคดี

มีแบ็กดีจริงไหม?

ทนายตั้ม: แบ็กไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับ มันเกี่ยวกับการที่ผมไปสืบเสาะหาข้อมูลมา ผมถึงรับทำคดีนี้ การเข้าถึงข้อมูลอื่นๆ มันก็มีบ้างครับ แค่รู้ว่าตำรวจรู้สึกอย่างไรกับคดีนี้ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลคดี ผมทำคดีนี้คนเดียวมาโดยตลอด ถ้าผมมีแบ็กดี ผมไม่โดน ผบ.ตร. ฟ้องร้องกลับมาหรอกครับ

เดินเข้าออกสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เลยจริงไหม เสมือนมีโต๊ะทำงานที่นั่น? 

ทนายตั้ม: ถ้าเกิดผมจะไปสตช. ผมก็ต้องแลกบัตรเหมือนคนทั่วไป และมีธุระด้วย ไม่ใช่ว่านึกอยากจะเข้าไปผมก็เข้าไปได้เลย ผมจะไปมีโต๊ะทำงานที่นั่นได้ยังไง คนที่คุณพูดถึงเขายังไม่มีสำนักงานของเขาเลยครับ ทุกวันนี้นอกจากลุงพลจะตกเป็นจำเลยสังคมแล้ว ผมเองในฐานะทนายของเขาก็ตกเป็นจำเลยสังคมด้วยเช่นเดียวกัน

ในสำนวนของตำรวจ กังวลข้อไหนบ้างไหม? 

ทนายตั้ม: ไม่กังวลสักเรื่องเลย ผมอยากให้เรื่องนี้ไปสู่ศาลไวๆ ด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ลุงพลที่ตกเป็นจำเลยสังคมเท่านั้น ทนายของลุงพลเองก็อยู่ในสถานะเดียวกันครับ

เคยเห็นสำนวนมาก่อนรึเปล่า?

ทนายตั้ม: ผมไม่เคยเห็นสำนวนคดีมาก่อน เรื่องนี้ท่านผบ.ตร. ลงมาดูคดีด้วยตัวเอง มันต้องเป็นความลับอยู่แล้ว คนอย่างผมไม่มีสิทธิ์ไปรู้ได้แน่นอน จากที่ผมไปสืบเสาะข้อมูลมา จากสื่อ หรืออะไรอื่นๆ ไอ้ที่มี มันไม่ใช่หลักฐานสำคัญที่จะสามารถเอาผิดได้เลย 

กังขากับการออกหมายจับ?

ทนายตั้ม: ก่อนตำรวจจะออกหมายจับไม่ได้มั่นใจสำนวนตัวเอง ได้ไปปรึกษาหน่วยงานนึงถึง 2 ครั้งว่าเรื่องนี้ออกหมายจับได้รึเปล่า และเรื่องซินโครตรอน มันไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ของบุคคลได้ มันไม่ได้แม่นยำเหมือน DNA ทั่วโลกแทบไม่เคยใช้ ถ้าใช้ในคดีลุงพลก็เหมือนกับว่าลุงพลเป็นหนูทดลอง

ทำไมถึงเชื่อว่าตร.ไม่เป็นกลาง?

ทนายตั้ม: ผมดูจากทุกอย่างประกอบกัน ตั้งแต่การพยายามใช้วิธีออกหมายจับ แล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่บ้านลุงพลจำนวนมาก ทำให้ลุงพลดูเป็นผู้ร้าย แถมในบ้านเรา ใครที่โดนออกหมายจับ ชาวบ้านก็มองว่าเป็นผู้ร้าย ทั้งๆ ที่ในอดีตมีผู้ที่ถูกหมายจับ แต่ศาลก็ยกฟ้อง การที่แม่น้องชมพู่ยื่นคัดค้านการประกันตัว แม่น้องชมพู่ก็บอกเองว่าตำรวจสั่งให้ทำ แล้วตำรวจก็คัดค้านขึ้นมาจริงๆ

ในฐานะทนายความ ผมก็มองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาเป็นกลางหรือเปล่า เขาเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือเปล่า เคสนี้ DNA ไม่ได้กล่าวไปถึงลุงพล ก็ไปหาข้อมูลอะไรมาก็ได้ให้มันโยงไปถึงลุงพล การที่ผู้ร้ายอุ้มตัวน้องชมพู่ขึ้นไป ถ้าเกิดว่าเป็นลุงพลจริงๆ มันก็ต้องมี DNA ลุงพลติดอยู่กับตัวน้องชมพู่บ้างแล้ว จริงอยู่ที่ตำรวจไม่จำเป็นต้องออกมาเปิดเผยทั้งหมด ถ้ามีหลักฐานชัดเจนว่าลุงพลกระทำความผิดจริงๆ ไม่เกินหนึ่งเดือนลุงพลโดนจับไปแล้ว เคสนี้ตำรวจไม่เคยสงสัยเลยหรอ ว่าทำไมไม่มีหลักฐานโยงถึงลุงพล

เหตุผลอะไร ทำไมตร. ต้องตั้งธง?

ทนายตั้ม: เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของตำรวจ ถ้าเกิดไม่สามารถจับผู้กระทำผิดได้ เก้าอี้ของผบ.ตร. สั่นคลอนแน่นอน เพราะประชาชนจับตาดูอย่างใกล้ชิด มันจึงเป็นเหตุให้ต้องดำเนินคดีกับใครสักคน และตำรวจก็สงสัยลุงพลมาโดยตลอด

หวังกดดัน หรือสร้างภาพรึเปล่า ถึงเดินทางไปมอบตัวกับ ผบ.ตร.?

ทนายตั้ม: ใครจะอยากมีปัญหากับคนที่มีอำนาจสูงสุดของตำรวจครับ เรื่องที่ไปถึงได้ขนาดนี้เพราะผมเห็นว่าลุงพลไม่ได้รับความเป็นธรรม บอกท่าน ผบ.ตร. เอาไว้เลยนะครับว่าผมทำหน้าที่ในฐานะทนายความ ไม่ได้อยากจะมีปัญหาส่วนตัวกับท่านโดยตรง จะมีใครใหญ่กว่าผบ.ตร. ได้อีกครับ จะบอกว่าแบ็กของผมเป็นรัฐมนตรีเหรอ ไม่มีหรอกครับ วินาทีนั้นเราหวังแค่อย่างเดียวว่า เขาไปมอบตัว เพื่อแสดงเจตนาว่าเราไม่มีเจตนาหลบหนี หมายจับใช้ได้ทั่วราชอาณาจักร ตำรวจทุกคนสามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับได้ คดีนี้ตอนนั้นลุงพลไม่ได้อยู่ที่บ้าน ลุงพลอยู่ที่กรุงเทพ ผมจึงแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการไปมอบตัวกับผบ.ตร. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ต้องการหลบหนี ลุงพลเขาไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนีเลย

ทุกวันเขาทำอะไร?

ทนายตั้ม: เขาก็ไลฟ์ยูทูบ ทำมาหากินเหมือนชาวบ้านทั่วไป เขาไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนีเลย

ทำไมถึงไปร้องกรรมาธิการของ "ท่านสิระ" ?

ทนายตั้ม: เราเข้าไปหากรรมาธิการเพื่อยื่นให้ตรวจสอบในกรณีที่ว่า ตำรวจทำหน้าที่ได้เหมาะสมถูกต้องหรือเปล่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวคดีความเลย

ทำไมถึงมีข่าวตร.ฟ้อง ทนายตั้ม เรื่องการช่วยดาราคดียาเสพติด?

ทนายตั้ม: จริงๆ มันเป็น IO ของตำรวจที่ทำขึ้นมาเพื่อจะดิสเครดิตผม เรื่องมันเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมาปล่อยข่าวเอามานำเสนอตอนนี้

“ทนายตั้ม” เองโดนหมายจับกี่หมาย?

ทนายตั้ม: ผมยอมรับว่าผมโดนดำเนินคดี 6 คดี ตั้งแต่คดีไบโอเมตริก โดนหมายจับ 2 หมายด้วยซ้ำ

ฝั่งแม่ "น้องชมพู่" ได้เปิดตัวทีมทนายความ คุณกลัวไหม?

ทนายตั้ม: เจอทนายความอีกฝ่ายมา ผมไม่กลัวเลยครับ ผมยังกลัวว่าเป็น ทนายอนันต์ชัย เขาเป็นคนที่แม่นข้อกฎหมาย ทำจริง ไม่มั่ว ไม่ทิ้งคดีกลางคัน

แสดงว่าทนายทีมนี้ไม่น่ากลัว?

ทนายตั้ม: คดีที่ฟ้องลูกความผมมา 10 คดี เขาไม่ได้ชนะผมเลยสักคดี ผลสำเร็จทางคดีของเขามันยังไม่มีมาเลยครับ

คดีนี้เป็นการสู้กันระหว่างทนายกับทนายรึเปล่า?

ทนายตั้ม: งานนี้ไม่ใช่การต่อสู้กันของทนายหรอกครับ ความขัดแย้งส่วนตัวยิ่งไม่เกี่ยวเลย ถ้าไปถึงศาล จะเป็นการสู้กันด้วยข้อมูลของทนายความทั้ง 2 ฝ่ายครับ

ไปมีเรื่องกับคนในทุกวงการ ไม่กลัวจะสร้างศัตรูเหรอ?

ทนายตั้ม: ไม่มีใครอยากมีศัตรูเยอะอยู่แล้วครับ อย่างสื่อเนี่ย อย่างคุณสรยุทธ ผมไม่ได้ไปก้าวล่วง ผมชื่นชมด้วยซ้ำ เพียงแต่ติงเรื่องการใช้คำเรียกลุงพลเท่านั้น ถ้าได้ฟังตลอดทั้งไลฟ์ก็จะได้เห็นว่าเจตนา ของผมคืออะไร สื่ออยากได้เรตติ้งเลยเอาไปตัดให้เห็นว่าผมไปว่าเขา ปรามส่วนหนึ่งด้วยความเป็นห่วง ผมไม่มีช่องทางติดต่อกับคุณสรยุทธโดยตรง ผมไม่อยากให้เขามาพลาดด้วยเรื่องง่ายๆ ผมขออภัย คุณสรยุทธที่ไม่ได้พูดกับแกโดยตรง เพราะตอนนั้นผมยังไม่มีช่องทางติดต่อเขาเลย

 ไม่กลัววันนึงพลาด แล้วจะมีเจ้าภาพมาจองกฐินเหรอ?

ทนายตั้ม: ทุกคนมีโอกาสก้าวพลาดได้ทั้งนั้น ผมผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ตั้งแต่คดีหวย 30 ล้าน ผมก่อศัตรูเยอะไปหมด ผมผ่านในจุดที่ต่ำที่สุดของชีวิตมาแล้ว ทุกวันนี้ผมคิดว่า ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ผมทำเพื่อ ลุงพล เพราะผมมั่นใจว่าเขาบริสุทธิ์ อยากให้ทุกคนรอติดตามดูกันไปให้จบ แล้วจะได้เห็นว่าทั้งหมดนี้ผมทำไปเพื่ออะไร

มีช่วงนึงที่หายหน้าหายตาไป หายไปไหนมา? 

ทนายตั้ม: ผมไม่ได้เป็นคนที่ออกสื่อตลอดเวลา ผมออกมาเฉพาะในเรื่องที่ผมทำเท่านั้น ถ้าเรื่องไหน ผมไม่ได้ทำ ผมก็จะไม่ออกมา ถ้าผมหิวแสงผมก็คงออกมาแล้ว ผมก็ทำงานของผมไปตามปกติ หลายคดี สื่อไม่ได้ให้ความสนใจ แต่พอเป็นคดีลุงพล สื่อให้ความสนใจผมเลยต้องออกมา

 กับข้อกล่าวหาว่าทำไปเพื่อเงิน ถ้าไม่มีเรื่องเงิน ไม่ทำหรอก?

ทนายตั้ม: คดีลุงพลผมไม่ได้เงินสักบาทเดียว ตอนแรกที่ลุงพลติดต่อมา ผมคิดว่าถ้าผมรับมันคงต้องมีค่าใช้จ่ายหลายแสน แต่พอได้ไปสัมผัสลุงพล ผมก็เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นคนมีเงินมากมายเหมือนที่สื่อตีข่าว กันไป ถ้าผมไปเรียกเงินเยอะๆ มันก็เหมือนไปรีดเลือดจากปู ผมเลยบอกว่า คดีนี้ผมทำโดยไม่เรียกค่าใช้จ่าย

ถ้าถูกตัดสินว่าผิด จะเสียหน้าไหม?

ทนายตั้ม: เอาตามตรงว่าถ้าผมแพ้เรื่องนี้ ผมคงเสียหน้าแน่นอน เพราะผมมั่นใจมาตั้งแต่วันแรกว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ มันไม่ได้แค่เสียหน้าครับ มันเสียความมั่นใจด้วย คิดว่าผมมีความสามารถไม่พอทั้งๆ ที่รู้เรื่องมาทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ เรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ปีครับ มันเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน การทำคดีหนึ่งมันไม่ใช่แค่เอาเขามาออกสื่อ แต่เราต้องรับผิดชอบชีวิตเขาตลอดทั้งช่วงเวลาที่ทำคดี ผมไม่ใช่พวกดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุนครับ

ทำไมเอาตัวเองมาเสี่ยงกับการถูกด่า?

ทนายตั้ม: ตัวผมเองผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ภรรยาผมเห็นคอมเม้นต์แล้วไม่สบายใจ ผมก็บอกว่าไม่ต้อง ไปอ่าน แล้วรอให้ความจริงมันปรากฏดีกว่า

ฝากอะไรทิ้งท้ายหน่อย?

ทนายตั้ม: ผมอยากฝากสังคมว่า ตอนนี้คนพิพากษาไปแล้วว่าเขามีความผิด เพราะเขาโดนหมายจับ แต่เขาก็มีครอบครัวอยู่เช่นกัน ถ้าเขาไม่ได้กระทำผิดแล้วต้องไปติดคุกติดตาราง มันเป็นธรรมกับเขาเหรอ การดูข่าวอย่าเพิ่งไปรีบตัดสิน ในศาลกับในโซเชียลมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รอให้ศาลพิพากษา ถ้าลุงพล มีความผิด วันนั้นด่าได้เต็มที่ ด่าลุงพล หรือด่าผมด้วยก็ได้ แต่ในวันนี้ที่ศาลยังไม่ตัดสินใจว่ามีความผิด ก็ควรจะให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย

เชื่อว่าตนเองเป็นทนายอันดับ 1 ของประเทศไหม?

ทนายตั้ม: ไม่ครับ ไม่ถึงขนาดนั้น จริงๆ ทนายเก่งๆ ไม่ได้ออกสื่ออีกมากมาย แต่มันเป็นโชคชะตาของผมมากกว่า หลังจากคดีหวย 30 ล้าน ผมก็ไม่คิดว่าจะมีคดีไหนที่ดังกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่ผมก็ได้มาทำคดีลุงพล ผมคิดว่ามันคงเป็นลิขิตฟ้าล่ะครับ ผมก็ทำให้เต็มที่ตามหน้าที่และจรรยาบรรณของผม ไม่ใช่ว่าผมเป็นทนายที่เก่งอะไรมากมาย

“ทนายตั้ม” ขอเคียงข้าง “ลุงพล” ลือหึ่งมีแบ็กดี กังขาตร. ไม่เป็นกลาง

“ทนายตั้ม” ขอเคียงข้าง “ลุงพล” ลือหึ่งมีแบ็กดี กังขาตร. ไม่เป็นกลาง

“ทนายตั้ม” ขอเคียงข้าง “ลุงพล” ลือหึ่งมีแบ็กดี กังขาตร. ไม่เป็นกลาง

“ทนายตั้ม” ขอเคียงข้าง “ลุงพล” ลือหึ่งมีแบ็กดี กังขาตร. ไม่เป็นกลาง