แยกทางกันแล้ว! "เคลลี่" เปิดใจครั้งแรก หลังปิดฉากรัก 3 ปี กับ "นาย ชนุชตรา"

สำหรับพระเอกรุ่นใหญ่ “เคลลี่ ธนะพัฒน์” ที่ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจแล้ว ถึงข่าวลือว่า ขาเตียงสั่นคลอน ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมายอมรับแล้วแล้ว ตอนนี้ได้แยกกันอยู่กับภรรยา “นาย ชนุชตรา” แล้ว และกำลังจะยุติความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาลงในเร็วๆ นี้

ซึ่งทาง “เคลลี่” ได้ออกมามาเผยถึงสาเหตุของการเลิกราว่า “เราคบกันมา 3 ปี แต่งงานกัน 2 ปี พอมาอยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องของความคิดเห็นไม่ตรงกัน ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ช่องว่างระหว่างอายุ เราก็พยายามแก้ไข พูดคุยกันตลอด แต่มันก็ไม่ลงตัวสักที เราจึงเลือกที่จะถอยดีกว่า ตอนที่ปรับจูนถึงแม้ว่าเราทั้งคู่จะทำงานหนัก แต่ตอนอยู่ที่บ้านก็คุยกันตลอด ดูว่ามันจะดีขึ้นไหม มันเป็นเรื่องความคิดเรา อาจจะหลายๆ อย่างที่ทำให้เราต่างกัน เราไม่ได้มองที่อายุเป็นตัวหลัก แต่จริงๆ เรามีปัญหาหลายอย่างที่สะสม

ยืนยันว่าไม่มีเรื่องมือที่สาม ส่วนที่ทาง “น้องนาย” เขาโพสต์ก็เป็นคำคมที่เขาชอบเอามาโพสต์อยู่แล้ว ไม่อยากให้ไปใส่ใจกับตรงนั้นมาก แต่ยืนยันว่าที่แยกทางกันไม่มีมือที่สามจากทั้ง 2 ฝั่งแน่นอน ผมอยู่ในวงการมา 20 กว่าปี ตลอดเวลาที่คบกับใครก็คบคนเดียว ไม่เคยคบซ้อน ไม่เคยมีข่าวไปกิ๊กกั๊กกับใคร ยืนยันว่าไม่มีมือที่สามแน่นอน

ตอนนี้ได้ตัดสินใจแยกทางและอยู่กันแบบเป็นพี่เป็นน้องดีกว่า ก็ได้พูดคุยกัน ปรึกษากันมาก่อนแล้ว ตอนนี้เราก็ย้ายออกจากเรือนหอแล้ว ซึ่งที่ดินเป็นของทางน้องอยู่แล้ว ส่วนการสร้างบ้านเราแค่ช่วยต่อเติม ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้ ยอมรับว่าใจหาย เพราะเราก็เพิ่งย้ายออกมา เราก็ทำใจยาก

หลังจากย้ายออกมาเราก็ได้คุยกับคุณแม่น้อง ส่วนกับน้องเขาติดถ่ายละคร ระหว่างที่ต้องปรับความเข้าใจกัน เราก็คุยกับทางคุณแม่น้องตลอด เราเองก็จริงจังกับการใช้ชีวิตคู่ครั้งนี้ เราตัดสินใจแต่งงานก็อยากใช้ชีวิตกับคนนี้ไปตลอดชีวิต ตรงนี้มันก็ยาก มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต เรามีความทรงจำดีๆ ด้วยกันทุกวัน เราก็เป็นห่วงเป็นใยเขาตลอด ตอนนี้เขาถ่ายละคร เราเลยไม่อยากรบกวนเขา ส่วนที่คุณแม่บอกว่าเราแค่งอนๆ กัน อันนี้ทางคุณแม่เขาก็อยากให้ผมกับน้องออกมาพูดเองมากกว่า

ส่วนเรื่องมูฟออนมองความรักครั้งใหม่ คือเราเพิ่งย้ายออกมา เราก็คงไม่คิดถึงเรื่องนี้ จริงๆ เราตั้งใจกับการแต่งงานครั้งนี้มาก วางไว้ว่าปีนี้น่าจะมีเรื่องลูก แต่ก็มาเกิดเรื่องซะก่อน เราใช้ชีวิตกันมามีแต่เรื่องดีๆ มากกว่าเรื่องแย่ ครอบครัวเขาก็น่ารักมาก รักพ่อแม่เขามาก รักผมเหมือนลูกคนหนึ่ง คุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ขอบคุณที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวเขา เราห่างกัน 3 เดือน แยกห้องกันนอน แต่ก็อยู่บ้านเดียวกัน เวลามีอะไรเราก็ช่วยเหลือกันตลอด แต่ตอนนี้ออกมาอยู่คนละที่กันแล้วมันเลยมีเรื่องให้คิดตลอด

ไม่เสียดายแต่เสียใจกับรักครั้งนี้ เรายังคุยกันได้เหมือนเดิม เราขอถอยกันมาก่อน ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตของตัวเอง เป็นพี่เป็นน้องกัน ถามว่าอยู่คนเดียวร้องไห้ไหม คือมันก็ต้องมีบ้าง ไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่แรก

ส่วนเรื่องการหย่านั้น คือเราไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งจริงๆ เรามีความตั้งใจจะจด ก็ไปที่เขตแล้ว แต่เนื่องจากผมถือสัญชาติอเมริกัน ทางเขตจึงให้ไปติดต่อสถานทูตก่อน พอไปติดต่อก็วุ่นๆ ด้วยติดโควิด 19 ด้วย ขนาดพาสปอร์ตของผมหมดอายุก็ยังไม่ได้ต่อเลย

ก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้างตลอด เราก็ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้มา เราเองก็เจ็บทั้งคู่ ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักเรามาคอมเมนต์ที่กระทบความรู้สึกเราทั้งคู่ มันทำให้เราเสียใจ เราเพิ่งเป็นข่าว 2 วัน ตอนนี้ก็แอบมึนๆ อยู่บ้าง”