posttoday

เจย์ ฌอน ศิลปินเอเชียนระดับโลก

19 ตุลาคม 2553

เขายังคงมีอาการ “เจ็ตแล็ก” เมื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ที่โรงแรมหรูกลางกรุง สาเหตุเพราะการเดินทางไกลข้ามมหาสมุทรมาครึ่งค่อนโลก แต่ถึงอย่างนั้น เจย์ ฌอน ก็ยังกระตือรือร้นที่จะตอบคำถาม

เขายังคงมีอาการ “เจ็ตแล็ก” เมื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ที่โรงแรมหรูกลางกรุง สาเหตุเพราะการเดินทางไกลข้ามมหาสมุทรมาครึ่งค่อนโลก แต่ถึงอย่างนั้น เจย์ ฌอน ก็ยังกระตือรือร้นที่จะตอบคำถาม

โดย....เพ็ญแข


เจย์ ฌอน ศิลปินเอเชียนระดับโลก

เขายังคงมีอาการ “เจ็ตแล็ก” เมื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ที่โรงแรมหรูกลางกรุง สาเหตุเพราะการเดินทางไกลข้ามมหาสมุทรมาครึ่งค่อนโลก แต่ถึงอย่างนั้น เจย์ ฌอน ก็ยังกระตือรือร้นที่จะตอบคำถาม

ช่วงนี้ตารางทำงานของชายหนุ่มค่อนข้างจะแน่นขนัด หลังแวะมากรุงเทพฯ สองวัน เขาก็จะต้องเดินทางไปมาเลเซีย ก่อนบินไปไมอามี เพื่อถ่ายมิวสิกวิดีโอเพลงสำหรับอัลบั้มใหม่ ซึ่งวางแผนจะออกขายในเดือน พ.ย. ที่จะถึง

การเดินทางไกลเพื่อพบปะกับคนแปลกหน้าดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของศิลปินระดับโลก ซึ่ง เจย์ ฌอน ได้เรียนรู้ในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาบนถนนดนตรี

นักร้อง นักแต่งเพลง แร็ปเปอร์ บีตบอกเซอร์ และโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษผู้นี้ถูกค้นพบโดย ริชชี ริช โปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษอินเดีย ที่เคยทำงานร่วมกับศิลปินดังๆ อาทิ เครก เดวิด บริตนีย์ สเปียร์ส ริกกี มาร์ติน รวมทั้งแมรี เจ. ไบลจ์ ก่อนที่เจย์จะโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เมื่อเซ็นกับสังกัดสัญชาติอเมริกัน และได้ทำงานร่วมกับศิลปินดังหลายๆ คน

เจย์ ฌอน หรือ คามัลจิต ซิงห์ จูติ เป็นหนุ่มเชื้อสายอินเดียที่เกิดและเติบโตในลอนดอน เขาเรียนเก่งขนาดเคยได้คะแนนเอล้วน เมื่อเรียนอยู่ในชั้นมัธยม นั่นจึงไม่แปลกที่เขาสามารถสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ได้ แต่เตรียมตัวเป็นหมออยู่ได้แค่สองปีก็ค้นพบว่า สิ่งที่เขาต้องการมากกว่าคือ ดนตรี

ครอบครัวของเขาเข้าใจในความฝันและความต้องการของหนุ่มคนนี้อย่างดี “พ่อแม่เลี้ยงดูผมกับพี่น้องมาโดยสอนให้เชื่อว่า เราสามารถเป็นอะไรหรือทำอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการ ไม่มีใครสามารถบอกว่า เราทำอย่างนี้ไม่ได้ อย่างนั้นไม่ได้ เราควรจะมีความฝันและทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา ไม่อย่างนั้นจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ทำงานไปเพื่ออะไร พ่อกับแม่บอกว่า เราควรจะทำในสิ่งที่เรามีความสุข เหมือนกันกับการเลือกผู้หญิง พ่อแม่อาจจะแสดงความคิดเห็นได้ แต่เราต้องเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพหรือว่าผู้หญิง”

เริ่มแรกในวงการเพลง เจย์ ฌอน นำเสนองานในแบบที่เขาสนใจอยู่ขณะนั้น นั่นก็คือ แร็ป โดยมีศิลปินอย่าง เจย์ซี เอมิเน็ม คานเย เวสต์ ฯลฯ เป็นแรงบันดาลใจ ก่อนที่จะหันเหมาเป็นสู่ดนตรีซึ่งเขาชื่นชอบและเป็นเสมือน “ซาวด์แทร็ก” ของชีวิตเขาคืออาร์แอนด์บีในภายหลัง

อัลบั้มที่ทำออกมาในฐานะศิลปินเดี่ยว ทำให้เจย์ ฌอน มีชื่อเป็นที่รู้จักในอังกฤษ รวมไปถึงยุโรปและเอเชียบางประเทศ โดยเฉพาะฝีมือการแต่งเพลงของหนุ่มคนนี้ได้รับการยอมรับว่า ไม่ธรรมดา ขนาดสามารถคว้ารางวัลนักแต่งเพลงยอดเยี่ยมมาครอบครองได้ แต่นั่นดูจะไม่เพียงพอ

ภายหลัง เจย์จึงตกลงเซ็นสัญญากับสังกัดที่สหรัฐอเมริกาก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะกับเพลง Down ที่ร้องคู่กับ ลิล เวย์น ซึ่งขึ้นถึงอันดับหนึ่งใน Billboard Hot 100 ในปี 2009 ทำให้เขากลายเป็นศิลปินอังกฤษคนแรก ซึ่งทำได้นับตั้งแต่ เฟรดดี เมอร์คิวรี แห่งควีน ทำไว้ในทศวรรษ 1980 และนับเป็นศิลปินเชื้อสายชาวเอเชียคนแรกที่สามารถทำได้ขนาดนี้

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเปลี่ยนแปลงงานเพลงชุดที่ 4 ของเขาจะใช้ชื่อว่า Freeze Time เจย์ เล่าถึงอัลบั้มนี้ว่า “งานของผมพัฒนามากขึ้นทั้งดนตรีและการแต่งเพลง เติบโตขึ้น เซ็กซี่ขึ้นกว่าเดิม และมีกลิ่นอายของอาร์แอนด์บีมากขึ้น”

อัลบั้มนี้ เจย์ ฌอน มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับศิลปินรับเชิญอย่างเช่น นิกกี มินาจ รวมไปถึง ลิล เวย์น พิตบูลล์ แมรี เจ. ไบลจ์ ฯลฯ มาร่วมงาน และยังมีอีกหลายศิลปินที่เขาต้องการทำงานด้วย

“ผมมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับศิลปินทุกคน เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ได้ทำงานกับศิลปินผู้มุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน คนอย่าง แมรี เจ. ไบลจ์ เธอเหมือนกับเป็นตำนานของวงการ ระหว่างทำงานผมได้เรียนรู้จากมืออาชีพอย่างเธอ ผมชอบทำงานกับคนที่รู้จักงานของตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะคนอย่าง นิกกี มินาจ ซึ่งเป็นแร็ปเปอร์หญิงชั้นแนวหน้าของโลก รวมทั้ง ฌอน พอล ราชาแห่งคลับเต้นรำ”

อัลบั้มนี้จะเป็นงานชุดที่ 4 ของนักร้องหนุ่มเป็นงานที่ผสมผสานระหว่างป๊อป อาร์แอนด์บี และแดนซ์ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เขาสนใจ ซิงเกิลที่ปล่อยออกมาแล้วคือ 2012 (It Ain’t the End) ซึ่งโปรดิวซ์โดย ออเรนจ์ แฟกทอรี มิวสิก ซึ่งเป็นทีมงานเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังการทำงานให้กับเพลงฮิตในอดีตของเขาอย่าง Down และ Do You Remember ทุกคนที่ได้ฟังเพลงนี้จะพบว่า เป็นการผสมผสานระหว่างอาร์แอนด์บีกับแดนซ์ป๊อปที่ลงตัว

งานชุดนี้อาจจะไม่มีกลิ่นอายเพลงอินเดียให้สัมผัสนัก เพราะเจย์ บอกว่า ตัวเขาถึงจะมีเชื้อสายภารต และชอบฟังเพลงที่มีกำเนิดจากรากเหง้าของตัวเองมากเพียงไร แต่เขาก็ไม่อาจจะพูดได้เต็มปากว่า เข้าใจงานดนตรีแบบนั้นได้ลึกซึ้ง นอกจากแร็ปและอาร์แอนด์บีแล้ว เจย์ บอกว่า เขายังชอบเพลงป๊อป ซึ่งในความหมายของเขาคือ ป๊อปปูลาร์ ที่ไม่ว่าจะทำออกมาในสไตล์ดนตรีไหน แต่เป็นเพลงที่สามารถเข้าถึงหัวใจของคนหมู่มาก สามารถข้ามทุกๆ พรมแดนไปได้

กับสภาพการณ์ของโลกดนตรีในปัจจุบัน เจย์ ฌอน บอกว่า เขารู้สึกกลัว ทั้งเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและนิสัยชอบฟังเพลงฟรีของคนรุ่นใหม่ ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปทำให้ศิลปินรวมทั้งค่ายเพลงจะต้องทำงานหนักขึ้น โดยตัวเขาเองให้ความสำคัญกับการแสดงสด และโชคดีที่มีแฟนเพลงทั่วโลกให้การสนับสนุน ศิลปินหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ ผู้นี้บอกว่า เขาไม่ได้วางแผนเส้นทางอาชีพไว้แน่ชัด แต่จะค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว ณ จุดนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ทำและจะต้องทำ

รออีกไม่นานคนฟังเพลงก็จะได้พิสูจน์ความตั้งใจของศิลปินหนุ่ม (ที่บางคนเรียกว่าเป็น จัสติน ทิมเบอร์เลก ภาคเอเชีย) ผ่านทางงานเพลงชุดใหม่ของเขา เจย์ ฌอน ฝากคำหวานถึงแฟนเพลงในเมืองไทยก่อนลาจาก “ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับการสนับสนุน ถ้าหากว่าไม่มีพวกคุณก็คงจะไม่มีผมในวันนี้”