posttoday

เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ จากซูเปอร์สตาร์สู่โลกแอนิเมชัน

04 ตุลาคม 2553

หากเอ่ยถามว่าใครคือ “ซูเปอร์สตาร์” เมืองไทย หลายเสียงคงยกตำแหน่งนี้ให้ เบิร์ดธงไชย แมคอินไตย์ โดยไม่มีข้อคัดค้าน เพราะคำว่าซูเปอร์สตาร์ที่ห้อยท้ายชื่อของเบิร์ดนั้นไม่ได้มาแบบฟลุกๆ หรือใช้เวลาเพียงชั่วดังข้ามคืน ทว่ากว่า 20 ปีที่เขาโลดแล่นอยู่ในวงการ เป็นบทพิสูจน์ได้ว่าเขาคือซูเปอร์สตาร์ตัวจริง ไม่ใช่ “ซุปตาร์” นั้น เพราะเขาเป็นที่ยอมรับของแฟนๆ จำนวนมาก มีข่าวดีมากกว่าข่าวเสีย มีผลงานที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่รักมากกว่าที่ชัง

หากเอ่ยถามว่าใครคือ “ซูเปอร์สตาร์” เมืองไทย หลายเสียงคงยกตำแหน่งนี้ให้ เบิร์ดธงไชย แมคอินไตย์ โดยไม่มีข้อคัดค้าน เพราะคำว่าซูเปอร์สตาร์ที่ห้อยท้ายชื่อของเบิร์ดนั้นไม่ได้มาแบบฟลุกๆ หรือใช้เวลาเพียงชั่วดังข้ามคืน ทว่ากว่า 20 ปีที่เขาโลดแล่นอยู่ในวงการ เป็นบทพิสูจน์ได้ว่าเขาคือซูเปอร์สตาร์ตัวจริง ไม่ใช่ “ซุปตาร์” นั้น เพราะเขาเป็นที่ยอมรับของแฟนๆ จำนวนมาก มีข่าวดีมากกว่าข่าวเสีย มีผลงานที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่รักมากกว่าที่ชัง

โดย....เสน่ห์จันทร์

 

เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ จากซูเปอร์สตาร์สู่โลกแอนิเมชัน

หากเอ่ยถามว่าใครคือ “ซูเปอร์สตาร์” เมืองไทย หลายเสียงคงยกตำแหน่งนี้ให้ เบิร์ดธงไชย แมคอินไตย์ โดยไม่มีข้อคัดค้าน เพราะคำว่าซูเปอร์สตาร์ที่ห้อยท้ายชื่อของเบิร์ดนั้นไม่ได้มาแบบฟลุกๆ หรือใช้เวลาเพียงชั่วดังข้ามคืน ทว่ากว่า 20 ปีที่เขาโลดแล่นอยู่ในวงการ เป็นบทพิสูจน์ได้ว่าเขาคือซูเปอร์สตาร์ตัวจริง ไม่ใช่ “ซุปตาร์” นั้น เพราะเขาเป็นที่ยอมรับของแฟนๆ จำนวนมาก มีข่าวดีมากกว่าข่าวเสีย มีผลงานที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ และเป็นที่รักมากกว่าที่ชัง

เมื่อ เบิร์ด ธงไชย คือซูเปอร์สตาร์ ที่ไม่ว่าจะขยับไปไหนจะมีทั้งสื่อและแฟนๆ ให้ความสนใจ นานๆ จะมีการเคลื่อนไหวที และมาแบบไม่ธรรมดาเสียด้วย ดังนั้นอภิมหาโปรเจกต์ทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่จึงต้องมีเบิร์ดเป็นพระเอกตัวชูโรง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดช่องทีวีเคเบิลในนาม เบิร์ด ชาแนล ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการ และล่าสุดกับการทุ่มทุนถึง 100 กว่าล้านบาท สร้างซีรีส์การ์ตูน “เบิร์ดแลนด์แดนมหัศจรรย์” พร้อมอัดงบโปรโมตไม่อั้น ตอนนี้ยอดทะลุ 100 ล้านแล้ว

เบิร์ดแลนด์แดนมหัศจรรย์ เป็นการนำคาแรกเตอร์ของศิลปินซูเปอร์สตาร์ เบิร์ด ธงไชย มาสร้างซีรีส์การ์ตูนแอนิเมชัน เป็นการร่วมมือของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กับบริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งนับเป็นการทำงานภายใต้การดูแลของทีมงานฮอลลีวูด และทีมงานระดับแนวหน้าของเมืองไทย โดยหวังจะนำซีรีส์การ์ตูนนี้ออกสู่ตลาดสากล เพราะนอกจากถอดคาแรกเตอร์ของซูเปอร์สตาร์เมืองไทยแล้ว ตัวละครอื่นๆ ก็ดีไซน์มาจากแต่ละภูมิภาคแต่ละทวีปทั่วโลก ทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา

อากู๋ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม นายใหญ่ของแกรมมี่ คือผู้เกิดไอเดียในการทำการ์ตูนแอนิเมชัน และเลือกศิลปินที่จะนำมาเป็นคาแรกเตอร์ให้กับการ์ตูน จึงเป็นไปใครไม่ได้นอกจาก เบิร์ด ธงไชย ศิลปินคู่บุญของค่ายนั่นเอง โดยเรื่องนี้ บุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหารร่วม จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เปิดเผยว่า นอกจากเพลงที่เป็นภาษาสากลแล้ว คุณไพบูลย์บอกว่าแอนิเมชันเป็นคอนเทนต์อีกอย่างหนึ่งที่เป็นภาษาสากลและไม่มีกาลเวลา และตลอดเวลาที่เราพูดถึงเรื่องของแอนิเมชัน เราก็มีจุดหนึ่งที่พูดถึงพี่เบิร์ดเสมอ นั่นก็คือคาแรกเตอร์ของพี่เบิร์ด เพราะโดยธรรมชาติของพี่เบิร์ดก็เป็นการ์ตูนอยู่ในตัวอยู่แล้ว เลยเกิดเป็นโปรเจกต์นี้ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่แกรมมี่จะมีแอนิเมชันออกมาให้ได้ชมกัน

 

เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ จากซูเปอร์สตาร์สู่โลกแอนิเมชัน

ด้านเจ้าของคาแรกเตอร์ เบิร์ด กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับเลือกว่า “จริงๆ แล้วแฟนเพลงเบิร์ดมีตั้งแต่เด็กๆ ขึ้นไป เมื่อผู้ใหญ่แฮปปี้จากการแสดงคอนเสิร์ต ทีนี้เด็กๆ เขาก็อยากแฮปปี้กับเราด้วย เพราะฉะนั้นแอนิเมชันเรื่องนี้จะให้ความฝันและความสุขกับน้องๆ ได้ จะเป็นอีกโลกหนึ่งที่พี่เบิร์ดไปอยู่กับน้องๆ ได้เลย คือ เด็กๆ ชอบอะไรเราก็จะได้ป้อนน้องๆ ได้อย่างสะดวก และก็ยังสามารถจะสอดแทรกความรู้ จริยธรรม การดำเนินชีวิต หรือว่าวิธีการคิดอะไรต่างๆ ได้ เพราะเบิร์ดเองก็เชื่อในจินตนาการและดนตรีอยู่แล้ว ดีใจที่เขาเลือก รู้สึกเลยว่าได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง พอได้เห็นคาแรกเตอร์ตัวเองก็รู้สึกขำ (หัวเราะ) ดีๆ สนุกดี อีกอย่างที่พี่เบิร์ดขาดไม่ได้ต้องมีพี่น้อยด้วย (ผู้จัดการส่วนตัว) พี่น้อยก็เลยเป็นนกที่เกาะบนไหล่เบิร์ดอยู่ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน (หัวเราะ) ครับ”

ส่วนการร่วมในงานครั้งนี้ พี่เบิร์ดขวัญใจน้องๆ เปิดเผยว่า “มีส่วนในเรื่องของการเลือกคาแรกเตอร์ด้วย ในที่สุดก็เลยเลือกเป็นตัวเราเอง เสื้อผ้าที่ใช้ในการ์ตูนก็คือเสื้อผ้าที่เราร้องเพลงล่าสุดในชุดคาราโอเกะ คือเราต้องมีการปรับปรุงเพื่อเอาไปฉายในต่างประเทศด้วย งานนี้เบิร์ดมีส่วนร่วมด้วยทุกอย่าง รวมไปถึงเพลง มีทั้งเพลงเวอร์ชันภาษาอังกฤษและภาษาไทย เพลงส่วนใหญ่เป็นคนร้อง และก็จะมีหลายๆ อาร์ติสต์ ส่วนเรื่องเสียงพากย์ต้องฝึกอีกนิดหนึ่ง นี่ก็ใกล้จะถึงคิวพี่เบิร์ดแล้ว (ลงเสียงพากย์) คิดว่ามันก็คงต้องเป็นตัวเรา แค่ย่อส่วนลงมา เราก็คิดว่าจะทำยังไงดี มันก็คงสนุกดี สำหรับการ์ตูนก็คงจะได้ดูกันช่วงต้นปี แต่จะได้ดูจากทีวีก่อนหรือเปล่าไม่แน่ใจ”

สำหรับเรื่องราวของ “เบิร์ดแลนด์แดนมหัศจรรย์” เป็นการผจญภัยในโลกแห่งดนตรีและเสียงเพลงที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนาน โดยเบิร์ดจะเป็นหัวหน้าแก๊งที่ช่วยเหลือและนำทางพาเด็กๆ ออกตามหาตัวโน้ตที่หายไปจากการขโมยของเหล่าร้ายที่ไม่ต้องการให้โลกนี้มีเสียงดนตรี ซึ่งระหว่างทางการตามหานี่เองที่เด็กๆ จะได้พบกับเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์และชวนติดตาม

ในส่วนผลิตได้ทีม เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตแอนิเมชันชั้นนำของเมืองไทย ประสบความสำเร็จมาแล้วกับการ์ตูนแอนิเมชัน “เชลล์ดอน” ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ NBC ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศต่างๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในโปรเจกต์นี้จึงมีเครือข่ายทีมงานจากฮอลลีวูด และทีมงานระดับแนวหน้าของเมืองไทยมาร่วมกันสร้างให้เป็นแอนิเมชันที่มีมาตรฐานระดับสากล

อาทิ Walt Kubiak และ Gary Selvaggio จากฮอลลีวูด ผู้เคยได้รับรางวัล Emmy Awards หลายสมัย ทีมนักเขียนจากลอสแองเจลิสและอังกฤษ ได้แก่ Shelly Goldstein และ Brendan Foley ผู้กวาดรางวัลระดับโลกมาแล้ว ส่วนทีมงานโปรดักชันจากไทย อาทิ Anya Studio โดย เดวิด เจ. สมิธ ผู้ฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์แอนิเมชัน Ice Age และ Babe เป็นต้น Lunch Box โดย วีรภัทร ชินะนาวิน และสุรสิทธิ์ บุญเลี้ยงอุปถัมภ์ และ Animotif โดย กฤชบดี เรืองรุจิระ

เรื่องราวของ “เบิร์ดแลนด์แดนมหัศจรรย์” ทั้งหมด 52 ตอน ตอนละ 11 นาที มีกำหนดแพร่ภาพในปี 2554 โดยมีเป้าหมายออกอากาศทางช่องทีวี แต่ยังไม่ระบุแน่ชัด