posttoday

วิจิตร คุณาวุฒิ 2 ทศวรรษการจากไปของเศรษฐีตุ๊กตาทอง

03 กันยายน 2560

วิจิตร คุณาวุฒิ หรือ "คุณาวุฒิ" ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร) ประจำปี 2530

โดย เพรงเทพ

วิจิตร คุณาวุฒิ หรือ "คุณาวุฒิ" ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร) ประจำปี 2530 เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคนเดียวที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ติดต่อกัน 4 ปีซ้อน ระหว่างปี 2505-2508 จนได้รับฉายาว่า "เศรษฐีตุ๊กตาทอง"

วิจิตร คุณาวุฒิ 2 ทศวรรษการจากไปของเศรษฐีตุ๊กตาทอง

หลังจากการจากไปในปี 2540 ถึงวันนี้ก็ผ่านไป 20 ปีเต็มของยอดผู้กำกับการแสดงคนหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย และถือเป็นตำนานคนภาพยนตร์ไทยที่ต้องทำความรู้จักและชมผลงาน

ภาพยนตร์เรื่อง "เรือนแพ" ในปี 2531 เป็นเรื่องสุดท้ายที่ วิจิตร คุณาวุฒิ สร้าง ตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างและกำกับ เขียนบท สามารถคว้ารางวัลมาได้ถึง 27 รางวัล

ด้วยความสามารถของ วิจิตร คุณาวุฒิ ในด้านการกำกับฯ ทางสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มอบปริญญานิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ โดยได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2526 ต่อมาในปี 2530 ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง และเป็นผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์คนแรกที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร)

คำประกาศเกียรติคุณ เขียนบรรยายว่า นายวิจิตร คูณาวุฒิ ผู้ใช้นามปากกาว่า "คุณาวุฒิ" เกิดเมื่อวันที่ 23 มกราคม พุทธศักราช 2465 เป็นผู้มีผลงานประสบการณ์หลายด้าน อาทิ เป็นทั้งนักเขียนเรื่องสั้น และสารคดี นักข่าว นักหนังสือพิมพ์และนักนิตยสาร นักทำละครโทรทัศน์เพื่อการกุศล แต่มีผลงานดีเด่นเป็นพิเศษ ในด้านสร้างสรรค์ความเจริญในวงการภาพยนต์ มาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับการแสดง ผู้ประพันธ์เรื่อง ผู้ทำบทภาพยนต์ และผู้ลำดับภาพ มีผลงานที่ยกย่องทุกแขนง ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมรวมถึง 27 รางวัล ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์มีทั้งรางวัลระดับชาติรางวัลระหว่างประเทศ

ภายหลังการเสียชีวิต ใน 8 ปีต่อมา วิจิตร ได้รับรางวัลกินรีเกียรติยศ "Lifetime Achievement Award" เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพ 2548 (2005 Bangkok International Film Festival) ครอบครัว "คุณาวุฒิ" ได้มอบสิ่งของต่างๆ แก่หอภาพยนตร์แห่งชาติ โดยเฉพาะกล้องถ่ายภาพยนตร์ 35 มม. และอุปกรณ์ครบชุด เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นมรดกของชาติ และจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย

วิจิตร คุณาวุฒิ 2 ทศวรรษการจากไปของเศรษฐีตุ๊กตาทอง

หากสังเกตถึงผลงานภาพยนตร์ส่วนมากของ วิจิตร คุณาวุฒิ มักจะนำนวนิยายชื่อดังมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เช่น นวนิยายของ กฤษณา อโศกสิน ได้แก่ ดวงตาสวรรค์ น้ำเซาะทราย ป่ากามเทพ และเมียหลวง เนื่องจากเคยเป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์มาก่อน ท่านรักการค้นคว้าหาข้อมูล ศึกษาชีวิตจริงก่อนการสร้างหนัง

แน่นอน วิจิตร เริ่มต้นด้วยเป็นนักเขียนและนักหนังสือพิมพ์ร่วมสมัยกับ ส. อาสนจินดา อิศรา อมันตกุล และประมูล อุณหธูป เคยมีผลงานเขียนเรื่องสั้นที่มีชื่อเสียง เรื่อง น้ำตาจำอวด และ โสเภณีร้องไห้ เริ่มมีชื่อเสียงจากในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์จากผลงานกำกับเรื่อง มรสุมสวาท จากบทประพันธ์ของ อิศรา อมันตกุล นำแสดงโดย ชนะ ศรีอุบล ขิ่นเลส่วย นางเอกชาวพม่า

ผลงานภาพยนตร์เรื่อง "คนภูเขา" เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมที่สร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง วิจิตร คุณาวุฒิ เคยให้สัมภาษณ์นิตยสารสารคดี ถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า

"ผมอยากเล่าสภาพของคนภูเขาจริงๆ และเล่าถึงวัฒนธรรมของพวกเขาแล้วก็รู้สึกว่า ภูเขาคือแผ่นดินของพวกเขา ใช่... มีการพูดเรื่องกฎหมายด้วย ถึงเขาอยู่บนแผ่นดินเรา กฎหมายเราคลุมไปถึง แต่เราก็ควรอะลุ่มอล่วยตามสภาพของพวกเขาด้วย"

ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ศิลปินแห่งชาติ กล่าวถึงการกํากับการแสดงของ วิจิตร คุณาวุฒิ ไว้ว่า ในด้านการกํากับการแสดงจะละเอียดมากในการกํากับ มีสีหน้าและท่าทางของผู้แสดง ตลอดจนมุมกล้อง

"ผมจําได้ว่าในฉากขึ้นศาล ซึ่งผู้แสดงเป็นผู้พิพากษาจริง อัยการจริง แสดงโดย อาจารย์คนึง ฤๅชัย จําเลย เป็นเนติบัณฑิตรุ่น 20 แสดงได้สมบทบาท จนเมื่อจําเลยฟังคําพิพากษาถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวไปทุกคน..."

วิจิตร คุณาวุฒิ 2 ทศวรรษการจากไปของเศรษฐีตุ๊กตาทอง

ยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กํากับภาพยนตร์ชื่อดัง กล่าวถึงผลงานของ วิจิตร คุณาวุฒิ ว่า ภาพยนตร์ของ "คุณาวุฒิ" เป็นตํานาน ทุกเรื่องมีประเด็นและมีศิลปะภาพยนตร์อันงดงาม ตัวละครมีชีวิตชีวา เป็นมนุษย์ที่มีทั้งดีและเลว แฝงไว้ด้วยจริยธรรม ผ่านการนําเสนออย่างเข้าใจโลก เข้าใจเพื่อนมนุษย์ แต่ลึกซึ้งกินใจเป็นที่สุด

"ตามความเห็นของผม หนังของ 'คุณาวุฒิ' เป็นหนังแบบไทยๆ ที่มีความเป็นสากลมากที่สุด และ 'ลูกอีสาน' เป็นหนังที่ดีที่สุดในโลกเรื่องหนึ่ง หนังของ "คุณาวุฒิ" เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผม และอีกหลายๆ คนได้รักหนังไทย และสืบทอดเจตนารมณ์ในการสร้างภาพยนตร์ไทยมาจนถึงทุกวันนี้"