posttoday

100 ปี ตำนานที่ยังมีชีวิต เคิร์ก ดักลาส

18 ธันวาคม 2559

นักแสดงอาวุโส “เคิร์ก ดักลาส” เพิ่งจะฉลองอายุครบ 100 ปี อย่างอบอุ่น ท่ามกลางคนที่รักใคร่เขาเมื่อสัปดาห์ก่อน

โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง

นักแสดงอาวุโส “เคิร์ก ดักลาส” เพิ่งจะฉลองอายุครบ 100 ปี อย่างอบอุ่น ท่ามกลางคนที่รักใคร่เขาเมื่อสัปดาห์ก่อน คุณปู่นับได้ว่าเป็นดาวแห่งยุคทองของฮอลลีวู้ดเพียงหนึ่งเดียวซึ่งยังมีชีวิตอยู่

ตลอด 60 กว่าปี ในอาชีพนักแสดง เขามีผลงานหนังออกมามากกว่า 90 เรื่อง เคิร์ก ดักลาส ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมถึง 3 ครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธจากออสการ์ทุกครั้ง ก่อนจะรับรางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จในภายหลัง เขาให้กำเนิดนักแสดง 2 รางวัลออสการ์ คือ ไมเคิล ดักลาส ซึ่งปัจจุบันอายุ 72 ปี

ชีวิตของ เคิร์ก ดักลาส เป็นเรื่องเล่าประเภท “Rags-to-Riches” - “จากพรมเช็ดเท้ากลายเป็นมหาเศรษฐี” พ่อแม่ของเขาเป็นยิวอพยพจากรัสเซีย ก่อนจะให้กำเนิดเคิร์ก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 1916 ที่อัมสเตอร์ดัม เมืองเล็กๆ ในรัฐนิวยอร์ก มีพี่น้องร่วมท้อง 7 คน รวมทั้งเขาซึ่งเป็นลูกชายคนเดียว เขาใช้ชื่อ อิสเซอร์ แดเนียโลวิช มาตั้งแต่เกิด ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้นามสกุล เด็มสกี เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสต่อต้านยิว ตัวเขาเองเปลี่ยนมาใช้ชื่อ เคิร์ก ดักลาส ก่อนจะเข้าร่วมกับกองทัพเรือสหรัฐช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวนี้มีความเป็นอยู่ลำบากยากแค้น พ่อเก็บขยะของเก่าขาย เคิร์กก็ทำงานสารพัดเพื่อช่วยครอบครัว ระหว่างเรียนชั้นมัธยม เคิร์กก็มีโอกาสได้แสดงละคร และอยากเป็นนักแสดงอาชีพ เขาดิ้นรนจนได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และความสามารถทางด้านการแสดงทำให้เขาได้รับทุนการศึกษา

100 ปี ตำนานที่ยังมีชีวิต เคิร์ก ดักลาส

 

หลังจบภารกิจในกองทัพ เคิร์กเริ่มต้นอาชีพการแสดงจากละครวิทยุและละครเวที เขาไม่เคยคิดที่จะมาเล่นหนัง แต่นักแสดงหญิง เบ็ตตี้ เบคอลล์ ทำให้เขาเดินทางสู่ฮอลลีวู้ดโดยแนะนำ ฮัล วอลลิส โปรดิวเซอร์ชื่อดังให้รู้จัก เคิร์กตกลงแสดงหนังเพราะต้องการเงิน หนังเรื่องแรกของเขาคือ The Strange Love of Martha Ivers (1946) ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในตัวทำเงินให้กับงานหลายๆ เรื่องในช่วงทศวรรษ 1950-1960 เขาแสดงในหนังหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะหนังชีวิต หนังคาวบอย หนังสงคราม ฯลฯ เคิร์กถูกเสนอชื่อชิงออสการ์ครั้งแรกกับบทวีรบุรุษนักมวยไร้ยางอายใน Champion (1949) ถูกเสนอชื่ออีกครั้งด้วยงานหนังดราม่า The Bad and the Beautiful (1952) และครั้งที่ 3 จากการแสดงเป็น วินเซนต์ ฟาน โกะห์ ใน Lust for Life (1956)

เคิร์ก ดักลาส นับเป็นนักแสดงชายสายพันธุ์ใหม่ของฮอลลีวู้ดในยุคหลังสงคราม ขณะนั้นระบบดาราประจำสตูดิโอกำลังเสื่อมไป เขานำบุคลิกส่วนตัวผสมผสานกับคาแรกเตอร์ที่ได้รับนำเสนอบนจออย่างเป็นธรรมชาติ เคิร์กเป็นนักแสดงนำที่มักได้รับบทร้ายๆ ครั้งหนึ่งเขายังเคยพูดแซวตัวเองว่า “โด่งดังเพราะบทคนเลว” เขาเป็นต้นแบบพระเอก “Anti-Hero” ผู้ช่วยวางรากฐานสำหรับ มาร์ลอน แบรนโด และคนอื่นๆ

นอกจากแสดงแล้ว เขายังเป็นโปรดิวเซอร์ ผลงานการสร้างของเขารวมถึง Paths of Glory (1957) และ Spartacus (1960) ซึ่งเคิร์กแสดงนำเอง ทั้งยังเป็นหนังยาวเรื่องแรกๆ ที่ผู้กำกับระดับตำนาน สแตนลีย์ คูบริค ทำ สำหรับ Spartacus นั้น เคิร์กเลือก ดัลตัน ทรัมโบ นักเขียนบทซึ่งมีชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์มาทำงานให้ เขาจึงมีส่วนช่วยทำลายบัญชีดำฮอลลีวู้ดซึ่งห้ามทุกค่ายหนังจ้างบุคลากรทุกสาขาที่ฝักใฝ่และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาทำงาน

100 ปี ตำนานที่ยังมีชีวิต เคิร์ก ดักลาส

 

เคิร์ก ดักลาส เคยผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา 2 ครั้ง จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก และเส้นเลือดในสมองแตก หลังจากรอดมาได้ เขาก็หันไปสนใจเรื่องจิตวิญญาณและศาสนามากขึ้น ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตอยู่กับแอน ภรรยาคนที่ 2 ซึ่งแต่งงานกันมานานกว่า 60 ปีแล้ว พวกเขาร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิดักลาสขึ้นเมื่อ 52 ปีที่ก่อน และบริจาคเงินมากกว่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยการกุศล เคิร์กได้รับเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดี เขาเขียนหนังสือทั้งนวนิยายและบันทึกความทรงจำมากกว่า 10 เล่ม

ในวันเกิดปีที่ 100 ของเขา ไมเคิล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนและ แคเธอรีน ซีตา-โจนส์ ลูกสะใภ้จัดงานปาร์ตี้อันอบอุ่น โดยมีคนในแวดวงบันเทิง อาทิ สตีเวน สปีลเบิร์ก ไปร่วมงานด้วย ถึงจะเชื่องช้าลงไปบ้าง แต่ปู่เคิร์กก็ยังมีชีวิตชีวา

เพื่อร่วมฉลองปีที่ 100 แห่งชีวิตไปพร้อมกับปู่เคิร์ก ดักลาส ไปดูหนังในความทรงจำของเขาด้วยกัน

Champion (1949) ฟิล์มนัวร์อันเยี่ยมยอดของผู้กำกับ มาร์ค ร็อบสัน ด้วยบทบาท ไมเคิล “มิดจ์” เคลลี นักมวยสมัครเล่นผู้เปี่ยมด้วยความทะเยอทะยานทำให้ เคิร์ก ดักลาส ถ่ายทอดภาพคนหนุ่มที่ทำทุกอย่างไม่ว่าจะแทงข้างหลังหรือหลอกลวงคนอื่นเพื่อชื่อเสียงและชัยชนะออกมาได้อย่างโดดเด่น จนถูกเสนอชื่อชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชาย

The Bad and the Beautiful (1952) หนังเมโลดราม่าฉายภาพชีวิตเบื้องหลังแวดวงฮอลลีวู้ด กำกับโดย วินเซนเต มินเนลลี เรื่องนี้ เคิร์ก ดักลาส รับบท โจนาธาน ชิลด์ส โปรดิวเซอร์ที่ใช้ทุกคนเพื่อความสำเร็จในงาน หลังถูกปฏิเสธจากสตูดิโอ เขาต้องไปขอให้ ดารา ผู้กำกับ และนักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์ กลับมาร่วมงานด้วย ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจอย่างหนัก และต้องเลือกระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับความเป็นมืออาชีพ หนังคว้า 5 รางวัลออสการ์ แต่กลับไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปี 2002 ห้องสมุดสภาคองเกรสเลือกให้เป็นหนึ่งในงานสำคัญทางวัฒนธรรมของชาติ

100 ปี ตำนานที่ยังมีชีวิต เคิร์ก ดักลาส

 

Lust for Life (1956) ด้วยบทบาท วินเซนต์ ฟาน โกะห์ ศิลปินที่ตลอดชีวิตเต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งยังมีความเจ็บป่วยทางสมอง และจิตใจ ส่งให้ เคิร์ก ดักลาส เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ถูกครอบงำด้วยตัวละครนี้อย่างน่ากลัว ก่อนจะกลายเป็นประสบการณ์อันยอดเยี่ยม อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับหนังเรื่องอื่นเลย

Paths of Glory (1957) หนัง (แอนตี้) สงครามซึ่งกำกับโดย สแตนลีย์ คูบริค สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ ฮัมฟรีย์ ค็อบบ์ โดย เคิร์ก ดักลาส แสดงเป็นนายทหารฝรั่งเศสซึ่งลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชา ถึงแม้ว่ามันจะส่งผลร้ายต่อหน้าที่การงานของตัวเอง หนังกระเทาะเปลือกวงการทหาร ทั้งยังถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนัง (ต่อต้าน) สงครามที่ทรงพลังที่สุด

Spartacus (1960) อีกหนึ่งเรื่องที่กำกับโดย สแตนลีย์ คูบริค เป็นหนังและตัวละครที่สร้างชื่อ (และทำเงิน) ให้ เคิร์ก ดักลาส มากที่สุด หนังเล่าเรื่องของ สปาตาคัส ทาสอันต่ำต้อยที่ก้าวไปสู่การเป็นขุนศึกผู้เกรียงไกรของยุคโรมัน

Lonely Are the Brave (1962) กำกับโดย เดวิด มิลเลอร์ หนังตะวันตก เขียนบทโดย ดาลตัน ทรัมโบ เป็นเรื่องราวของ แจ็ค เบิร์นส์ อดีตทหารผ่านสงครามเกาหลี ซึ่งใช้ชีวิตคาวบอยเร่ร่อน ผู้ปฏิเสธชีวิตสมัยใหม่ สิ่งที่เขาสนใจมีแค่ม้าและเพื่อน ซึ่งทำให้เขาต้องถูกไล่ล่าจากเงื้อมมือกฎหมาย จนต้องหนีเพื่ออิสรภาพ เคิร์ก ดักลาส บอกว่า นี่คือหนังที่เขาชื่นชอบมากที่สุด

หนังทั้งหมดนี้ คือ หลักฐานส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำว่า เคิร์ก ดักลาส คือ ตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่เพียงหนึ่งเดียวแห่งยุคทองอันรุ่งเรืองของฮอลลีวู้ด เขาคือไอดอลสายพันธุ์พิเศษแห่งโลกภาพยนตร์ ผู้เปล่งประกายส่องสว่าง และน่าจดจำตลอดกาล