posttoday

รำพึงกับสายฝน แมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์

27 กรกฎาคม 2553

บ่ายวันหนึ่งกลางฤดูฝน เมฆดำครึ้มลอยเต็มฟ้า ฝนทำท่าจะร่วงลงสู่พื้นดินในไม่ช้า ช่างโชคดีที่เราอยู่ในชายคา และมีอัลบั้ม The Age of Miracles อยู่เป็นเพื่อน

บ่ายวันหนึ่งกลางฤดูฝน เมฆดำครึ้มลอยเต็มฟ้า ฝนทำท่าจะร่วงลงสู่พื้นดินในไม่ช้า ช่างโชคดีที่เราอยู่ในชายคา และมีอัลบั้ม The Age of Miracles อยู่เป็นเพื่อน

โดย....เพ็ญแข

 

รำพึงกับสายฝน แมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์

แมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์ บอกไว้ใน We Traveled So Far เพลงแรกของอัลบั้มนี้ว่า “(Someone) To Walk with in rain or in sun/Until then, life’s hardy begun”

We Traveled So Far เป็นเพลงรำพึงรำพันถึงชีวิต ที่ใครต่อใครก็อาจจะมีอารมณ์นี้กันได้ เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งเราอดสงสัยไม่ได้ว่าชีวิตเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ขณะที่บางอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป บางคนผ่านมาแล้วก็ยังอยู่ตรงนี้ หรือหัวใจของเราจะรู้ว่าควรมุ่งหน้าไปทางไหน เพื่อจะได้พบกับสิ่งใด แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมา ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เพราะว่าเราเดินทางมาไกลถึงเพียงนี้แล้วนี่นะ

นอกจากเพลงที่ว่าแล้ว แมรี ก็มีงานในอารมณ์ทำนองคล้ายๆ กันมานำเสนอ รวมกันทั้งหมด 12 แทร็ก ฟังจบอัลบั้มแล้วคุณก็อาจจะมีความรู้สึกเดียวกับผู้เขียนที่พบว่า The Age of Miracles ไม่ต่างกับเป็นบันทึกแห่งชีวิตของศิลปินสาวผู้นี้ ทุกเพลงในอัลบั้มเล่าเรื่องราวประสบการณ์ที่เธอผ่านพบ โดยเฉพาะความโศกเศร้าและการเปลี่ยนแปลง

ทุกบทเพลงเขียนขึ้นขณะที่ แมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์ กำลังเยียวยาให้ชีวิตและจิตใจกลับมาเป็นปกติ (แมรี เป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่เด็ก และในปีหลังๆ เธอป่วยเป็นโรคลิ่มเลือดอุดตัน) ทุกเพลงเป็นเหมือนคำตอบที่เธอถามตัวเองว่าจะเอายังไงต่อไป

The Age of Miracles เป็นอัลบั้มอันดับที่ 12 ของศิลปินเจ้าของ 5 รางวัลแกรมมี่ ผู้สร้างสรรค์บทเพลงซึ่งเป็นส่วนผสมของโฟล์ก คันทรี อะคูสติก ร็อก และบลูส์เข้าด้วยกัน อาจจะไม่ได้เป็นศิลปินที่มีผลงานขายดีหรือได้รับความนิยมมากมาย แต่เธอผู้นี้ได้รับการยกย่องนับถือเสมอในคุณภาพของผลงานที่ทำออกมา โดยเฉพาะในหมู่นักวิจารณ์และคนฟังเพลงที่ชื่นชอบบทเพลงรำพึงรำพันถึงชีวิต สมัยนั้นสื่อถึงกับตั้งฉายาให้เธอว่าเป็น “โฆษกของผู้หญิงโสดวัยสามสิบ”

เธอเกิดที่นิวเจอร์ซีย์ เมื่อ 52 ปีที่แล้วแมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์ เคยใช้ชีวิตวัยรุ่นที่ญี่ปุ่น ก่อนจะย้ายกลับมาสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง เธอรักเสียงเพลงของวง มามาส์ แอนด์ ปาปา, วูดี กูทรี, บีเทิลส์ และจูดี คอลลินส์ เธอหัดเล่นกีตาร์ขณะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยบราวน์ และสั่งสมประสบการณ์ด้วยการเล่นดนตรีสดในบาร์มาหลายปี หลังเรียนจบแมรีได้เซ็นสัญญากับโคลัมเบีย เรคอร์ด ที่เธอทำงานด้วยมานานเกือบ 20 ปี และขายผลงานได้มากกว่า 13 ล้านแผ่น ก่อนจะย้ายมาอยู่ ราวน์เดอร์ เรคอร์ดส์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว นอกจากงานเพลง แมรียังเป็นศิลปินที่ทำงานเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง

 

รำพึงกับสายฝน แมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์

อัลบั้มนี้ไม่มีเพลงสนุกสนานเริงรื่นแบบ Down at the Twist and Shout, Shut Up and Kiss Me ฯลฯ ที่ทำให้หลายๆ คนติดใจแมรีในอดีต แต่ถึงอย่างนั้นงานชุดนี้ก็มีเพลงรักอย่าง I Put My Ring Back On ให้ได้ฟัง ถึงแม้ว่าจะรักใครคนหนึ่งมากมาย แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังกันที่ทางไว้สำหรับตัวเอง เช่นที่นำเสนอในเพลง I Have a Need for Solitude ประเด็นเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์นำเสนอในเพลง 4 June 1989 ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวของทหารจีนที่ต้องสลายการชุมนุมของประชาชนในจัตุรัสเทียนอันเหมิน

เสียงร้องนุ่มๆ ของเธอนั้นชวนฟัง ดนตรีงดงาม เหล่ามืออาชีพที่มาร่วมงานนี้แสดงความสามารถของพวกเขาออกมาอย่างล้นพ้น (ศิลปินดังอย่าง อลิสัน เคราส์ และวินซ์ กิลล์ ขอมาร้องประสานในบางเพลงด้วย) องค์ประกอบที่โดดเด่นที่สุดของอัลบั้มนี้คงหนีไม่พ้นวิธีการเล่าเรื่องและแต่งเพลงของเจ้าของผลงานนั่นเอง

ประสบการณ์ ความรู้สึกนึกคิดของแมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์ ที่ถ่ายทอดผ่านบทเพลง ทำให้เราได้ตระหนัก (อีกครั้ง) ว่า ชีวิต ความรัก และชะตากรรม ช่างเป็นสิ่งซึ่งเข้าใจได้ยาก  สิ้นดี

บ่ายวันฝนพรำๆ อากาศหม่นๆ ชวนหลับไหลและเกียจคร้าน ช่างเป็นเวลาที่เหมาะเหม็งกับเพลงซึมๆ เพลินๆ ของแมรี ชาพิน คาร์เพนเตอร์ แบบไม่มีขาดไม่มีเกิน