posttoday

หัวใจ (เธอ) มีบาป

06 มิถุนายน 2553

สิ่งที่หนังพยายามบอกกับคนดู คือผู้หญิงมักตกอยู่ในสถานะเหยื่อที่ถูกล่าโดยผู้ชายกักขฬะ ขณะเดียวกัน ผู้หญิงด้วยกันเองก็แย่งชิงพื้นที่หายใจ ด้วยการมองข้ามความเป็นเพศแม่ไป

สิ่งที่หนังพยายามบอกกับคนดู คือผู้หญิงมักตกอยู่ในสถานะเหยื่อที่ถูกล่าโดยผู้ชายกักขฬะ ขณะเดียวกัน ผู้หญิงด้วยกันเองก็แย่งชิงพื้นที่หายใจ ด้วยการมองข้ามความเป็นเพศแม่ไป

เรื่อง : วิชช์ญะ ยุติ / ภาพ ไม่มีเครดิต

อาจจะมีวันที่โลกได้เปิดโอกาสให้ดาราสาวผู้ล่วงลับ “บริตตานี เมอร์ฟี” (Interrupted) กลับมาโลดแล่นบนเส้นทางมายาอีกครั้ง นับตั้งแต่วันที่เธอสิ้นลมไปเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ปีที่แล้ว สำหรับแฟนๆ แน่นอน...หากว่าความคะนึงหาเธอยังเต็มเปี่ยมอยู่ ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าหยิบงานเก่าๆ ของเธอมาดู

 

หัวใจ (เธอ) มีบาป

นี่คือผลงานที่เมอร์ฟีได้โชว์ฝีมือการแสดงอันสุดยอดไว้ เรียกว่าประทับใจมิรู้ลืม ในบทโสเภณีขี้ยาที่หนีออกจากบ้าน และต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมลูกผู้หญิงแม่ลูกอ่อนท่ามกลางความเหลวแหลกของสังคมอเมริกันยุคปากกันตีนถีบ

ไม่ใช่แค่เมอร์ฟีเท่านั้น หนังยังนำดาราหญิงแถวหน้ามาประชันบทที่ท้าทายอย่างคับคั่ง และอาจเป็นหนังที่ใช้ดาราหญิงค่อนข้างเปลืองอีกเรื่องก็ว่าได้

“โทนี คอลเลต” (Little Miss Sunshine) เล่นเป็นลูกสาวผู้จมปลักกับความชั่วร้ายของแม่ปากจัด “โรส เบิร์น” (Troy) มาแบบนิ่งๆ ในบทตามหาน้องสาวที่ทำให้ขนลุกซู่ “มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน” (Mystic River) ผู้หญิงที่เพิ่งค้นพบว่าการทำหน้าที่แม่ของตัวเองบกพร่อง “เคอร์รี วอชิงตัน” (The Last King of Scotland) โสเภณีที่ถูกผู้คนเหยียดหยามทั้งสีผิวและอาชีพ “แมรี เบธ เฮิร์ธ” (Lady in the Water) สาวใหญ่ที่รู้ว่าสามีคือฆาตกร แต่เธอก็ยอมรับที่จะเป็นภรรยาของฆาตกรนั้นต่อ

The Dead Girl ให้อารมณ์คล้ายๆ หนังสั้น 4 เรื่อง ตีแผ่ชีวิตตัวละครผู้หญิง ที่เหมือนจะไม่ปะติดปะต่อ แต่พอเอาเข้าจริงกลับเชื่อมโยงในบริบทที่เกี่ยวข้องกันโดยบังเอิญ จากเหตุฆาตกรรม ศพผู้หญิงที่โดนฆ่าอย่างโหดเหี้ยม นำไปสู่เรื่องราวที่ค่อยๆ เปิดเผยทีละน้อย ตัวละครแวดล้อมเริ่มปรากฏกาย พร้อมกับปูมหลังอันหดหู่

แม้หนังจะให้ความสำคัญกับตัวละครผู้หญิง แต่ปมทั้งหมดก็มีผู้ชาย (จิโอวานนี ริบิซี+เจมส์ ฟรังโก+จอร์จ โบลิน+นิค เซอร์ซีย์) เป็นคนก่อการและลงมือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความรุนแรง การทะเลาะเบาะแว้ง จนถึงความตายที่พวกเธอได้รับ

“คาเรน มอนคริฟฟ์” ผู้กำกับหญิง สร้างบรรยากาศที่ค่อนข้างบีบคั้นหัวใจ ราวกับเหตุการณ์ในหนังคือประสบการณ์ที่เธอพานพบมาจริงๆ ผู้หญิงที่ถูกสะท้อนผ่านหนังจึงสัมผัสได้จากสังคมปกติ ซึ่งไม่เฉพาะอเมริกันชน ทุกแห่งหนย่อมจะพบพวกเธอเหล่านี้ได้ไม่ยาก ตัวละครทั้งหมดเสมือนเป็นตัวแทนการบอกเล่าความรู้สึกเบื้องลึกที่มีอยู่และเป็นไป

 

หัวใจ (เธอ) มีบาป

สิ่งที่หนังพยายามบอกกับคนดู คือผู้หญิงมักตกอยู่ในสถานะเหยื่อที่ถูกล่าโดยผู้ชายกักขฬะ ขณะเดียวกัน ผู้หญิงด้วยกันเองก็แย่งชิงพื้นที่หายใจ ด้วยการมองข้ามความเป็นเพศแม่ไปอย่างน่าละอาย จนลืมกระทั่งว่าตัวเองก็ไม่ต่างกับพวกเธอเหล่านั้น

นั่นทำให้หัวใจผู้หญิงในหนังเรื่องนี้ จึงมีบาปติดตัวกันทุกคน

บาปที่รอเวลาการปลดเปลื้อง บาปที่จะนำทางพวกเธอพบแสงสว่าง และเป็นบาปที่อาจสร้างความสุขในวาระสุดท้ายของชีวิต

ความตายกลายเป็นประเด็นอันแยบยลที่หนังตั้งแง่ไว้ เพื่อให้คนดูขบคิดต่อว่ามันคือวิถีทางของการหลุดพ้นจากปัญหาอย่างแท้จริงหรือไม่

ชีวิตนั้นมีค่า แต่ความตายก็อยู่เหนือการคาดเดา ตัวละครในหนังที่ถูกฆาตกรรมก็ไม่ได้อยากมีจุดจบเยี่ยงนี้ เช่นเดียวกับเมอร์ฟีที่หัวใจวายตายคาห้องน้ำ เลือกได้เธอคงอยากเล่นหนังต่อและเป็นดาวเจิดจรัสในฮอลลีวูด เป็นที่รักของแฟนๆ ตราบนานเท่านาน

The Dead Girl
ปี    2006
ประเทศ   สหรัฐอเมริกา
ประเภท   ชีวิต/ตื่นเต้น/ลึกลับ/ฆาตกรรม
ความยาว   85 นาที
เรตติ้ง  R (ภาษาและความรุนแรง)
กำกับ   คาเรน มอนคริฟฟ์
แสดงนำ  โทนี คอลเลต/โรส เบิร์น/บริตตานี เมอร์ฟี/มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน/เคอร์รี วอชิงตัน/แมรี เบธ เฮิร์ธ