มวยไทย ไลฟ์ : สเตจ สตันต์ สตอรี ของดีของเมืองไทย

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

หากเรา “คนไทย” ลองเอาตัวเองมาสวมบทบาทเป็น “คนต่างชาติ” ดูบ้างสักวัน คำถามคือ เมื่อเรา...ในบทบาทคนต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย เมืองไทยแห่งนี้มีอะไรให้ไป? มีอะไรให้ดู? มีอะไรให้ชม?

ถ้าก่อนหน้านี้ ชื่อของอัลคาซ่า ทิฟฟานี่ คาลิปโซ่ ภูเก็ตแฟนตาซี หรือสยามนิรมิต คงเป็นชื่อที่ติดหูติดตาติดใจของใครหลายคน โดยเฉพาะชาวต่างชาติ (ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่ติดหูติดตาติดใจ) มาเที่ยวเมืองไทยทีไร ต้องไม่พลาดไปดูไปชม

แต่ถ้าเป็นวันนี้ ตอนนี้ “เดอะ สเตจ แอท เอเชียทีค” น่าจะเป็นชื่อใหม่ที่น่าสนใจอยู่มิใช่น้อย! น่าสนใจตรงไหน น่าสนใจตรงที่มันคือโรงละครแห่งใหม่ ที่ตั้งอยู่บนทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเอเชียทีค ที่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างเนืองแน่น (ถ้าไม่นับช่วงเวลาที่การเมืองกำลังร้อนระอุอยู่ในขณะนี้) และที่สำคัญ มันมีโชว์ดีๆ ที่เปิดทำการแสดงตลอดทั้งปี เป็นโชว์ที่ขายความเป็นไทย ผ่าน “มวยไทย” ซึ่งถ้าให้นักท่องเที่ยวนึกถึงเมืองไทย เขาก็ต้องนึกถึงสิ่งนี้เป็นลำดับต้นๆ

 

มวยไทย ไลฟ์ : เดอะ ลีเจนต์ ลีฟส์

“มวยไทย ไลฟ์ เดอะ เลเจนด์ ลีฟส์ นี้ เป็นการเกิดขึ้นจากพื้นฐานที่เรามองว่า มวยไทยเป็นศิลปะ เป็นสมบัติ และเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยที่ควรได้รับการสืบสานต่อไปอย่างสวยงามและยิ่งใหญ่ เพื่อให้โลกรู้ว่ามวยไทยต้องคู่กับคนไทย และเมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองไทยก็ต้องมาดูศิลปะมวยไทยจากเรา”

วิวรรณ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโชว์ 2013 เผยถึงที่มาของการแสดงชุดนี้ พร้อมย้ำในวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนว่า หากเป็นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ความเป็นมวยไทยอาจเป็นเรื่องเหนื่อยที่จะผลักดัน แต่ ณ วันนี้ เรามีของดีที่อยากโชว์

“ความมีเสน่ห์ของมวยไทยในโชว์นี้ คุณจะไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อน และแน่นอนว่ายังไม่เคยมีใครหยิบมาทำ เพราะเราเชื่อว่ามวยไทยไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่เป็นวัฒนธรรม เราไม่ลุกขึ้นมาทำ แล้วใครจะทำ”

วิวรรณ ยังกล่าวต่อว่า ทีมงานตั้งใจเพื่อทำโชว์นี้ให้ออกมาดูสนุก สวยงาม และมีคุณภาพ เราคัดสรรตั้งแต่ทีมงานการผลิต นักแสดงที่มีทักษะเฉพาะตัวที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นโชว์ระดับโลก

 

“เรามีคุณเอกชัย เอื้อครองธรรม ผู้กำกับภาพยนตร์ระดับอินเตอร์และละครเวทีชื่อดัง มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ นอกจากนี้ เรายังได้มีการออกแบบโรงละครเดอะสเตจ ที่เป็นผลงานการออกแบบของคุณนภดล ลิ้มวัฒนะกูร ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ ซึ่งเคยฝากผลงานออกแบบสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างมิวเซียมสยาม รวมไปถึงการออกแบบเวทีที่มีความทันสมัย มีการใช้เทคนิคแสง สี เสียง ที่จะช่วยเพิ่มความตื่นเต้น เร้าใจ ด้วยการแสดงที่สมจริงอีกด้วยค่ะ”

สำหรับการเปิดทำการแสดงตลอดทั้งปี ซึ่งเริ่มเปิดการแสดงไปเมื่อ 22 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น วิวรรณ เผยว่า อยากให้เมืองไทย โดยเฉพาะเอเชียทีค เจริญกรุง มีความเป็นบรอดเวย์ ที่มีการแสดงให้ดูให้ชมตลอดทั้งปี ไม่ใช่มีโชว์หรือละครเวที สิบรอบยี่สิบรอบด้วยระยะเวลาเพียงเดือนสองเดือนแล้วก็จบ

“ด้วยกลุ่มเป้าหมายหลักของเราคือชาวต่างชาติ ที่ไหลเวียนมาเที่ยวเมืองไทยอยู่เรื่อยๆ ไม่ซ้ำหน้า ถ้ามีโชว์ที่ทำการแสดงตลอดทั้งปี มันช่วยในเรื่องการท่องเที่ยวได้นะ เพราะว่าเรามีโชว์ดีๆ ให้คุณดูตลอดทั้งปี ที่สำคัญ มันจะช่วยทำให้คนไทยเรานี่แหละมีอะไรให้ดูตลอดทั้งปีด้วย พลาดดูวันนี้ แต่สักวันเขาต้องวางโปรแกรมในวันหยุด พาเพื่อน พาแฟน หรือพาคนในครอบครัวมาดู ดูแล้วชอบก็มาดูใหม่ได้อีก ในส่วนของปีต่อไป ก็อาจมีโชว์ใหม่ๆ ไหลเวียนเข้ามา อย่าลืมว่าเรายังมีของดีอย่างโขน ที่ก็น่าทำออกมาเป็นโชว์เหมือนกัน”

 

มวยไทย & ตื่นตาตื่นใจ & Visual Arts

“ผมตั้งใจนำเอาศาสตร์ของการต่อสู้ของมวยไทยมาประยุกต์ให้เข้ากับศิลปะการแสดง และอิงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไปด้วยในตัว เพื่อที่ผู้ชมจะได้สัมผัสถึงความรู้สึก อารมณ์ และจิตวิญญาณของตัวละครต่างๆ ทั้งความสุข ความทุกข์ ความกล้าหาญ การเสียสละ ความรัก และการสูญเสีย”

เอกชัย เอื้อครองธรรม กล่าวถึงความตั้งใจในการนำเสนอผลงานชิ้นนี้ โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกครั้งที่เขามีโอกาสสร้างผลงานที่เกี่ยวกับมวยไทย เขาจะรู้สึกตื่นเต้นเสมอ เพราะนอกจากมวยไทยจะเป็นศิลปะประจำชาติแล้ว มวยไทยยังเป็นศาสตร์ที่มีทั้งความดุดันและความสวยงามอย่างมีศิลปะรวมตัวอยู่ในสิ่งเดียวกัน ทำให้มวยไทยมีแรงขับเคลื่อนและพลังของตัวมันเองในการต่อยอดความคิดทางครีเอทีฟสำหรับเขาเสมอ

 

“ในการสร้างและกำกับผลงานชิ้นนี้ ผมวางแกนไว้ในใจอยู่ 3 อย่าง คือ หนึ่ง มวยไทย ศิลปะวัฒนธรรมแห่งความเป็นไทยที่เราทุกคนซาบซึ้งในคุณค่า สอง การสร้างความตื่นตาตื่นใจในการต่อสู้แบบต่อยจริง เตะจริง เข่าจริง ศอกจริง ให้เห็นกันสดๆ บนเวที และสาม การใช้จินตนาการและศาสตร์ของละครเวทีผนวกกับความแข็งแรงของ Visual Arts มาสร้างมิติใหม่ๆ ให้กับการแสดงสด โดยภาพรวมที่ผมตั้งใจนำเสนอ จะเป็นการสร้างโชว์เพื่อให้ดูสนุกสนาน ตื่นเต้น ได้ทุกเพศทุกวัย ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ ทั้งคนที่รักมวยไทยอยู่แล้ว หรือคนที่สัมผัสกับมวยไทยครั้งแรกในชีวิต”

แน่นอนว่า วัตถุดิบชิ้นสำคัญที่จะลืมพูดถึงไปไม่ได้ นั่นคือ ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ตำนาน และพงศาวดาร ที่เกี่ยวกับวีรบุรุษของมวยไทยตั้งแต่ 300 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น พระเจ้าเสือ นายขนมต้ม หรือพระยาพิชัยดาบหัก

“ผมแบ่งการแสดงออกเป็น 5 องก์ เช่นเดียวกับจำนวนยกของมวยไทย โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ ชุดที่ 1 เสืออำพราง ที่นำเสนอเรื่องราวของพระเจ้าเสือ ชุดที่ 2 เชลยศึกแปดหมัดเท้า ที่นำเสนอเรื่องราวของนายขนมต้ม ชุดที่ 3 นักรบดาบสะบั้น ที่นำเสนอเรื่องราวของพระยาพิชัยดาบหัก ชุดที่ 4 เดอะ แพชชั่น ไฟต์เตอร์ ที่นำเสนอเรื่องราวของวัยรุ่นในปัจจุบัน และ ชุดที่ 5 อมตะมวยไทย กับลีลาการไว้ครูครับ”

The Cast : รวมพลคนเก่งทั่วฟ้าเมืองไทย

ถ้าไม่พูดถึงหัวใจหลักของโชว์นี้ นั่นคือ เหล่านักแสดง เห็นจะเป็นไปไม่ได้ เหล่านักแสดง 16 หนุ่ม 2 สาวที่ถูกคัดเลือกมาร่วมทีม เป็นผู้ที่ผ่านการออดิชั่นและมีความสามารถพิเศษในการต่อสู้หลายแขนง นำทีมโดย อาร์ทอรรถพร สุวรรณ นักมวยดีกรีแชมป์และนักแสดงระดับสุพรรณหงส์ทองคำจากภาพยนตร์เรื่อง Beautiful Boxer เสริมทัพด้วย ยูสำราญ มาลัยไธสงค์ แชมป์มวยไทยระดับชาติที่เริ่มชกมวยมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ หนุ่มเนรัญ ศรีสันต์ สตันต์แมนที่เคยเสี่ยงตายแทนอนันดา เอเวอริงแฮมในภาพยนต์เรื่องอินทรีแดง อาร์มวรพจน์ เถื่อนทะนนท์ หนุ่มนักกีฬาดีกรียิมนาสติกทีมชาติ ผู้ได้ฝึกสอนและดีไซน์คิวบู๊ให้กับหนังไทยและหนังอินเตอร์มากมาย บอลประกาศิต รักษ์ศิริ แชมป์กระบี่กระบอง 6 ปีซ้อนจากกรมพลศึกษา ไอเซนนพฤทธิ์ ศรีบุตร อดีตนักรบพิเศษนาวิกโยธิน ผู้เคยอาสาลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สั้นขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์ หนุ่มนาฏศิลป์ที่ได้ไปเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยมาแล้วทั่วโลก และยังเป็นหลานชายของปกรณ์ พรพิสุทธิ์ พระเอกกรมศิลป์ตลอดกาล

 

เอวุฒิ กุลวัฒน์ ผู้ชื่นชอบทริกกิ้ง หนึ่งในแขนงของเอกซ์ตรีมสปอร์ตที่ผาดโผนที่สุด โมพุฒิพงศ์ สันตินันตรักษ์ ผู้ชื่นชอบฟรีรันนิ่ง ศาสตร์ของการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ท็อปรุ่งโรจน์ ภวมงคลชัย สตันต์แมน ศิษย์เอกของหนุ่ม เนรัญ และได้แสดงคิวบู๊แทนเป้ อารักษ์ เจมส์ มาร์ และเคน ธีรเดช มาแล้ว ติ๊กนันทภพ สีหานนท์ ผู้ได้รับคัดเลือกเป็นสตันต์แมนในหนังบู๊แวมไพร์เรื่อง Rigor Mortis ที่ถ่ายทำทั้งเรื่องในฮ่องกง เปรมเจตรัฐ สหนันทพร ผู้คลั่งไคล้ฟิตเนสและศิลปะฟรีไฟต์ติ้ง เบสท์ปราชญ์ บัวภา ผู้ที่ได้รับฉายาว่าบ้าพลัง บ้ามวย และบ้ากีฬา โค้ชธนวัฒน์ สุวรรณภูมิ ผู้อบรม Personal Trainer ทั่วประเทศ และเป็นหนึ่งในผู้แสดงเป็น Ultra 7 ใน Ultraman Live Show 4D

กริชกฤตย์ ตรีวรศรีกุล สตันต์แมนที่วงการภาพยนตร์ ละคร โฆษณาต้องการตัวอย่างกว้างขวาง แม้กริชจะได้ยินไม่เท่าคนอื่น แต่กริชทำได้มากกว่าเสมอ เบิร์ดทรงเกียรติ แซ่ตั้ง ผู้รักการต่อสู้และนาฏศิลป์ไทยเป็นชีวิตจิตใจ และได้แสดงหน้าพระที่นั่งถวายพระบรมวงศานุวงศ์รับเสด็จสมเด็จพระเทพพระรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยังได้ร่วมแสดงต้อนรับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและประเทศเคนยา ส่วนสองสาวท่ามกลางดงนักสู้อย่าง ผักบุ้งภริตพร จันทรุไทย นักศึกษาเอกการแสดง ผู้ผ่านงานโฆษณา ภาพยนตร์ และละครเวทีมาแล้วอย่างมากมาย และ ข้าวโพดมุกมณี ศรีวิชัย สาวลำปางผู้หลงเสน่ห์ทั้งการรำไทยและศาสตร์การต่อสู้แบบลูกผู้ชาย