posttoday

ย้ง ทรงยศ ผู้กำกับวัยว้าวุ่น ก่อน Hormones2 พลุ่งพล่าน

24 สิงหาคม 2556

จบไปแล้วสำหรับซีรีส์ “Hormones วัยว้าวุ่น” ในเวลาไล่เลี่ยกัน “ย้งทรงยศ สุขมากอนันต์” ผู้กำกับชื่อดังก็ประกาศว่า Hormones วัยว้าวุ่น มีซีซั่น 2 อย่างแน่นอน (เย้!)

เรื่อง...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์ (ย้ง เสื้อขาวฟ้า)

จบไปแล้วสำหรับซีรีส์ “Hormones วัยว้าวุ่น” ในเวลาไล่เลี่ยกัน “ย้งทรงยศ สุขมากอนันต์” ผู้กำกับชื่อดังก็ประกาศว่า Hormones วัยว้าวุ่น มีซีซั่น 2 อย่างแน่นอน (เย้!)

“ยิ่งฮอร์โมนใกล้จะจบ น้องๆ ผู้ชมก็ถามเข้ามาเยอะมากว่า ผมจะทำฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ต่อมั้ย ผมขอตอบเลยว่า เราจะทำแน่นอนครับ ความตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มนั้น ผมอยากให้มีซีซั่น 2 ปีแรกเป็นเรื่องราวของเด็กนักเรียนชั้นม.5 พอมาซีซั่น 2 พวกเขาก็โตขึ้นมาอีกระดับชั้นหนึ่ง ตอนที่ผมทำซีซั่นแรก ผมยังไม่รู้ว่าฮอร์โมนจะได้รับการยอมรับจากผู้ชมหรือเปล่า และจะประสบความสำเร็จมั้ย แต่พอกระแสตอบรับจากคนดูที่ชื่นชอบ และมีสปอนเซอร์ติดต่อเข้ามาเยอะมาก ทำให้เรารู้ว่า เราสามารถทำงานคุณภาพในระดับพรีเมี่ยมออกมาได้”

อย่างคำถามที่ใครหลายคนสงสัย นั่นคือ สำหรับ Hormones วัยว้าวุ่น ในซีซั่น 2 ตัวละครหลัก 9 คน จะยังอยู่ครบไหม และจะมีการคัดเลือกนักแสดงใหม่เพิ่มเข้ามาด้วยหรือเปล่า ทรงยศ ยิ้มก่อนตอบ

“ตัวละครหลักทั้ง 9 ตัวยังอยู่ครบครับ แถมยังจะให้ตัวละครอย่างธีร์ และเภาเป็นตัวละครนำอีกด้วย ซึ่งคนดูน่าจะได้เห็นเรื่องราวชีวิตและการเติบโตของตัวละครสองตัวนี้มากขึ้น นอกจากนี้ผมยังจะมีการคัดเลือกนักแสดงใหม่เพิ่มเข้ามาด้วยครับ แต่ขอบอกว่า ซีซั่น 2 ผมจะขอไปทำหน้าที่โปรดิวเซอร์แล้วให้ ปิงเกรียงไกร วชิรธรรมพร หนึ่งในทีมคนเขียนบท ที่อินกับเรื่องนี้มากๆ มารับหน้าที่กำกับแทนครับ”

หลังจากชี้แจงแถลงไขถึงเรื่องราวที่ใครหลายคนอยากรู้ ทรงยศก็ได้เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ใยบรรยากาศสบายๆ ถึงความในใจที่เขาอยากบอก อยากพูด และอยากคุยมากถึงมากที่สุด

“วันนี้ ฮอร์โมนซีซั่น 1 ปิดฉากลงแล้ว ผมคิดว่าคนดู ทั้งเด็กและผู้ใหญ่คงได้มองเห็นเจตนาที่ดีของผมและทีมงานทุกคนอย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายๆ ฝ่าย ทางกสทช (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ก็เรียกผมเข้าไปพบเพื่อทำการชี้แจง ผมก็ทำหน้าที่เข้าไปชี้แจงอย่างดีที่สุด จนเขาเข้าใจและยอมรับ นั่นเป็นเพราะก่อนหน้าที่เราจะทำการสร้างละครซีรีส์เรื่องนี้ เราพยายามคิดให้เยอะที่สุด รอบคอบมากที่สุด และมีความตั้งใจในการรับผิดชอบอย่างดีที่สุด เพื่อที่เวลามีคนถาม เราจะได้ตอบทุกคำถามได้อย่างดีที่สุด ผมว่าผมชอบให้คนดูแล้วตั้งคำถามนะ แต่ต้องเป็นคำถามที่มาจากการดูอย่างจริงจัง ดูแล้วคิดและตีความ ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงกันเพื่อสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสังคม”

ที่ผ่านมาสังคมอาจตั้งคำถาม หรือกลุ่มคนบางคนเกิดความสงสัยว่า เขาทำละครแบบนี้ขึ้นมา หากมีกลุ่มคนดูที่เป็นเด็กวัยรุ่นดูแล้วคิดอะไรไม่ได้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น สุดท้าย เขาจะแก้ไขปัญหาอย่างไรกับกลุ่มคนดูที่ดูแล้วคิดอะไรไม่ได้เลย

“สิ่งที่ผมอยากบอกคือ เด็กที่คิดได้คือ เด็กที่ตั้งใจดูซีรีส์เรื่องนี้จนจบ ดูจนครบทุกตอน ซึ่งผมเชื่อมั่นในเด็กที่คิดได้ในลักษณะนี้ รวมทั้งผมก็เชื่อมั่นในผู้ใหญ่ที่ดูจนจบ ดูจนครบทุกตอนเช่นเดียวกัน ด้วยความที่เรามีเจตนาที่ดี ที่จะทำให้ตัวละครทุกตัวต่างประสบปัญหา เผชิญหน้ากับปัญหา และสามารถก้าวผ่านมาได้ด้วยการเรียนรู้ ซึ่งการได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป มันดียังไง ไม่ดียังไง เมื่อต้องก้าวเดินต่อไป จะก้าวเดินยังไงเพื่อไม่ให้กลับไปย่ำซ้ำรอยเดิมอีก ซึ่งเมื่อคนดูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ดูจนจบ ดูจนครบทุกตอน เขาจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตทางอ้อมผ่านการดูละครซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้รู้สึกอะไรบางอย่าง นั่นคือ ดูแล้วเกิดความรู้สึกไม่อยากเดินเส้นทางพลาดผิดแบบตัวละคร อยากมีชีวิตที่ดีกว่าตัวละคร ซึ่งกับคำถามที่มีคนถามว่าจะแก้ปัญหากลุ่มคนดูที่ดูแล้วคิดอะไรไม่ได้ได้ยังไง ผมอยากตั้งคำถามกลับไปว่า กลุ่มคนดูเหล่านี้ เขาดูจนจบ ดูจนครบทุกตอนหรือเปล่า”

ทรงยศวัย 39 ปีเล่าเสริมว่า เขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยการที่พ่อแม่ปล่อยให้เขาได้ลองผิดลองถูก ได้คิด ได้ตัดสินใจ และได้รับผิดชอบตัวเอง การที่เขาเติบโตมาในลักษณะนี้ ทำให้เขาคิดได้แบบยั่งยืน “เวลาเราทำอะไรผิดพลาด มันจะทำให้เราไม่อยากกลับไปทำผิดพลาดอีก มันยั่งยืนมากกว่าที่มีคนมาบอกเราว่าไม่ควรทำสิ่งนั้น ไม่ควรทำสิ่งนี้ มันเป็นแค่การรับรู้มา แต่ไม่ได้ทำความเข้าใจ ทำให้คิดอะไรไม่ได้ ไปต่อไปก็ไปไม่เป็น”

ด้วยความที่ทรงยศเป็นคนที่ใกล้ชิดกับวัยรุ่น และช่วงชีวิตวัยรุ่นของเขาเต็มไปด้วยสีสันของการใช้ชีวิต ผ่านอะไรมามากมาย นี่จึงเป็นแรงบันดาลใจในการทำให้เขาอยากทำละครที่มีมุมที่เข้าใจวัยรุ่น มีคนที่คอยอยู่ข้างๆ ไม่ใช่บอกว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรขาว อะไรดำ “ผมตั้งใจทำละครที่มองเด็กวัยรุ่นสมัยนี้แบบเข้าใจ มองยุคสมัยของเขาอย่างคนที่เข้าใจ เพื่อที่เด็กวัยรุ่นได้ดู ดูแล้วจะได้เข้าใจในตัวเอง เข้าใจเพื่อน เข้าใจสังคมรอบข้าง ที่สำคัญคือเข้าใจผู้ปกครอง แล้วมันจะส่งผลให้ผู้ปกครองเปิดใจยอมรับ และเข้าใจเด็กไปด้วย ผมอยากบอกว่า ผมยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ยังมีมุมวัยรุ่นอีกหลายมุมที่อยากนำเสนอ อย่างเรื่องยาเสพติดก็ยังไม่ได้พูดถึง ซึ่งผมอยากพูดถึงมาก เรื่องความสัมพันธ์ หรือเรื่องความสับสนทางเพศก็ยังน่าสนใจ ยังมีประเด็นให้พูดถึงอีกเยอะ”

กับกระแสที่มันเกิดขึ้น นับตั้งแต่ซีรีส์เรื่องนี้ได้ออกอากาศ ทรงยศเผยว่า มันเป็นกระแสที่มาแรงเกินคาด “มันเกินคาดไปไกลมาก ผมดีใจที่สิ่งที่เรานำเสนอ มีคนเข้าใจในคุณค่าและเจตนาที่ดี อย่างยอดวิวทางยูทูบ มันไปไกลเป็นหลักล้านแล้ว ทำให้ ณ วันนี้ ผมพยายามเรียนรู้ในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น และทำหน้าที่ของเราต่อไป”

หากหน้าที่ที่ทรงยศกล่าวถึง คือการได้เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับวัยรุ่น เขาเผยว่า เขายังมีความสุข และสนุกที่จะเล่าเรื่องราวใหม่ๆ ปัญหาใหม่ๆ บนเส้นทางแห่งการเรียนรู้ใหม่ๆ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นบทสรุปที่แน่นอนตายตัว

“เพราะทุกสิ่งไม่มีบทสรุป อย่างชีวิตของวัยรุ่นในซีรีส์ เมื่อเขาก้าวไปสู่ปีการศึกษาใหม่ เขาก็จะได้พบเจอปัญหาใหม่ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่ทำให้เขาก้าวเดินต่อไปอย่างคนที่เรียนรู้ และทำให้เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้น คนดูที่ดูไปพร้อมๆ กัน ก็จะเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งนี่แหละคือการก้าวเดินที่สำคัญ ที่ตัวละครกับคนดูจะได้มีชีวิตในโลกจริงกับโลกเสมือนจริงอย่างแนบเนียน ซึ่งผมว่านี่คือ สิ่งที่สวยงามนะ”

“สไปรท์” ดาวเด่น มาแรง แห่งฮอร์โมน

“เก้าสุภัสสรา ธนชาต” นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ภาคอินเตอร์) วัย 18 ปี คือเด็กสาวที่รับบท “สไปร์ท” เด็กสาวกร้านโลกผู้มองว่า “ความรักและเซ็กส์คือสิ่งสวยงาม” ในซีรีส์ Hormones วัยว้าวุ่น ด้วยบทบาทนี้ทำให้เธอโด่งดังโดดเด่นขึ้นมา

“สำหรับละครซีรีส์เรื่องฮอร์โมน หนูได้อะไรเยอะมากจากซีรีส์เรื่องนี้ ซีซั่น 1 แล้ว ไม่ว่าจะเป็น การได้รับโอกาสที่ดี ได้รู้จักกับเพื่อนๆ นักแสดง และพี่ๆ ทีมงาน รวมถึงแฟนคลับที่มีเพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือ หนูได้เรียนรู้ในบทบาทที่ท้าทายความสามารถมาก ซึ่งมันเป็นบทที่ให้ประสบการณ์หนูได้พัฒนาฝีมือการแสดง และได้พัฒนาตัวเองในเรื่องของการใช้ชีวิตด้วย”

ใครหลายคนคงอยากรู้ว่า กับบทบาทสไปร์ท ในฐานะนักแสดง สุภัสสราตีความตัวละครตัวนี้อย่างไรบ้าง เธอบอกเล่าว่า บทบาทนี้ทำให้เธอกลายเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีความคิดเปิดกว้างในเรื่องเพศมากขึ้น “ทำให้ตัวเองได้เรียนรู้ชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งได้รับบทเรียนว่า การทำตัวไม่มีคุณค่าในเรื่องเพศสัมพันธ์ มันได้รับผลลัพธ์อย่างไรด้วยค่ะ”

สุภัสสราเผยว่า เธอมีส่วนคล้ายกับสไปร์ทในเรื่องของความตรงไปตรงมาและความชัดเจน แต่โดยส่วนตัวเธอเป็นคนง่ายๆไม่ยุ่งยาก ออกจะห้าวหน่อยๆ “หนูว่า หนูหาความเป็นผู้ญิ๊งผู้หญิงในตัวเองไม่ค่อยเจอ เพราะไม่ค่อยมี (หัวเราะ) ผู้หญิงเป็นเพศที่มีความละเอียด ละเมียดละไม ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่หนูไม่ค่อยละเอียดสักเท่าไหร่”

เมื่อสุภัสสราถูกตั้งคำถามว่า เธอมองเรื่องผู้ชาย ความรัก และเพศสัมพันธ์อย่างไรบ้าง เธอเงียบ นิ่ง และยิ้มก่อนตอบ “หนูมองว่าผู้ชายก็เป็นมนุษย์ เป็นเพศตรงข้าม ส่วนความรักไม่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ และเพศสัมพันธ์คือกิจกรรมที่เราจะทำได้เมื่อเราพร้อมในทุกๆ ด้าน”

อย่างตัวละครอีกตัวในละครซีรีส์เรื่องนี้ที่ถูกพูดถึงไม่แพ้กัน นั่นคือ แม่ของสไปรท์ สุภัสสรากล่าวถึงตัวละครตัวนี้ว่า เป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัยดี “หนูว่าผู้หญิงคนนี้เลี้ยงลูกแบบทันสมัย เปิดกว้าง ให้ข้อคิดลูกได้ดี ที่สำคัญคือเข้าใจลูก ซึ่งตรงนี้แหละคือสิ่งที่ลูกต้องการมากที่สุดจากพ่อและแม่”

ท้ายที่สุด สุภัสสราได้พูดถึงย้ง ทรงยศ ผู้กำกับละครซีรีส์เรื่องนี้ว่า ผู้กำกับคนนี้เป็นทั้งผู้กำกับและครูสอนการแสดงละเอียดมาก ใส่ใจทุกรายละเอียด สอนให้นักแสดงตีบทด้วยการตีความ ซึ่งเธอได้อะไรจากผู้กำกับคนนี้มาก “ซีซั่น 2 ยังไงก็ฝากฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านมากกว่าเดิมกับพี่ย้งด้วยนะคะ (หัวเราะ) ส่วนนักแสดงอย่างหนู จะตั้งใจแสดงให้ดีที่สุดค่ะ”