ฟองเบียร์กับอาชีพนักแต่งเพลงที่เขาภาคภูมิใจ

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

คุณรู้จัก ‘เบียร์ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม’ บ้างไหมครับ?

ถ้าคุณไม่รู้จัก หรือพอคุ้นๆ ชื่อบ้าง ไม่ผิดแปลกครับ เพราะเขาคือคนทำงานเบื้องหลังของความสำเร็จของศิลปินนักร้องภายใต้ชายคาจีเอ็มเอ็มแกรมมี่เยอะแยะมากมาย โดยใช้ชื่อแทนตัวว่า “ฟองเบียร์” นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ของวงโปเตโต้ นับตั้งแต่อัลบั้มชุดที่สองเป็นต้นมา มีเพลงฮิตอย่าง “กล้าพอไหม” “รักแท้ดูแลไม่ได้” “ลืมตาในน้ำ” “ที่เดิม” ไล่เรื่อยมาจนถึงเพลงฮิตที่เขาแต่งให้กับศิลปินอื่นๆ อย่างเพลง “ใจกลางความรู้สึกดีดี” ของ “เอ๊ะ จิรากร” เพลง “หยุดรักยังไง” วง Zeal เพลง “อยากเป็นคนนั้น” วง AB Normal และเพลง “อยากให้เธอได้ยินเสียงของหัวใจ” วง Yes’sirday

หากการเป็นนักแต่งเพลง คือ สิ่งที่ผู้ชายคนนี้เรียกว่าเป็น “อาชีพ” ได้อย่างภาคภูมิใจมันคงเป็นอาชีพที่เป็นได้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก หากคนที่สนใจ มีใจรัก และทุ่มเททำกับมันอย่างเต็มที่

“สิ่งสำคัญสำหรับการเป็นนักแต่งเพลงคือ ต้องเป็นคนช่างสังเกต ละเอียดอ่อนกับจิตใจคน และต้องพูดในสิ่งที่คุณรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา”

ฟองเบียร์เผยว่า หากคนรุ่นใหม่อยากเป็นนักแต่งเพลง โปรดอย่าพูดได้แค่ว่าอยาก แต่จงลงมือเขียน

“ต้องลงมือเขียนเลยครับ ไม่จำเป็นต้องเขียนกลอนเป็น หรือเล่นดนตรีเป็นก็ได้ เวลาเขียน ก็ไม่จำเป็นต้องสัมผัสทุกประโยคก็ได้ แต่ขอให้สัมผัสได้ถึงใจ...เป็นใช้ได้”

หากสังเกตเนื้อเพลงที่ผู้ชายคนนี้เป็นผู้เขียน จะเห็นได้ว่า ทุกเพลงที่เขาเขียน เขาไม่เคยประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำ กลับใช้ภาษาอย่างตรงไปตรงมา รู้สึกอย่างไร ก็พูดออกไปอย่างนั้น

“ผมเป็นคนเขียนเนื้อเพลงที่พูดตรงๆ ไม่ประดิษฐ์คำ และก็ไม่ชอบเขียนเนื้อเพลงที่เปรียบเทียบสิ่งนี้เป็นสิ่งนั้น ถ้าสังเกตดีๆ เนื้อเพลงที่ผมเขียน ผมรู้สึกอย่างไรก็จะพูดไปอย่างนั้น แล้วพูดให้มันกระชับที่สุดด้วย”

ฟองเบียร์ได้ชวนให้เราลองคิดเล่นๆ ว่า เพลงหนึ่งเพลงมีความยาวประมาณ 4 นาที หากตัดดนตรีตอนช่วงอินโทรออกไป ตัดดนตรีท่อนโซโล่ออกไป ตัดฮุคที่มันมาวนซ้ำออกไปอีกทีหนึ่ง ตัดช่วงเอาต์โทรของดนตรีออกไป เพลงหนึ่งเพลงจะเหลือเนื้อที่ให้พูดจริงๆ แต่นาทีครึ่งเท่านั้นโดยประมาณ

“ถ้าคุณพูดอะไรให้คนเข้าใจภายในสองนาทีได้ คุณเป็นนักแต่งเพลงได้เลย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เราต้องเป็นนักแต่งเพลงที่สื่อสารถ้อยคำออกไปแล้วมันตรึงอยู่ในหัวใจของคน เพราะฉะนั้นเราเขียนเพลงแค่เขียนได้ ไม่พอ ต้องเขียนดีและโดนด้วย สรุปว่า ถ้าอยากเขียนเพลงได้ แล้วมีรายได้ด้วย ต้องเขียนเพลงแล้วมันไปตรึงอยู่ในหัวใจของคนฟังให้ได้ นั่นแหละครับ คุณถึงจะเอาดีทางด้านนี้ได้”

ใครหลายคนอาจอยากรู้ว่า หากอยากเป็นนักแต่งเพลงอย่างเขา จะใช้ช่องทางอะไรเข้าไปถึง ซึ่งตามค่ายเพลงต่างๆ ก็มีนักแต่งเพลงประจำเยอะแยะมากมายไปหมด ฟองเบียร์เผยว่า ช่องทางของการเข้าไปเป็นนักแต่งเพลงที่ทรงพลังที่สุดคือ ยูทูบ และเฟซบุ๊ก

“เชื่อไหม ถ้าเพลงที่คุณแต่ง มันทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุด เวลาคุณอัพโหลดลงในยูทูบ หรือเฟซบุ๊ก แล้วมีคนชอบ มีคนแชร์ เดี๋ยวมีคนในค่ายเพลงต่างๆ ผ่านมาเห็น เขาจะเลือกคุณเอง ขอแค่คุณลงมือทำ เท่านั้นพอ ที่สำคัญคือ คุณต้องแต่งเพลงออกมาจากใจ และออกจากจิตวิญญาณ อย่าเฟก”

สำหรับเพลงหนึ่งเพลง ฟองเบียร์เผยว่า มันทีเทคนิคหารเขียนอยู่หลายโครงสร้าง ไม่ว่ามันจะประกอบไปด้วยท่อนเอหนึ่ง ท่อนบี ท่อนฮุก หรือมีท่อนเอสอง ท่อนเอสาม แล้วไปที่ท่อนบริด (ท่อนแก้เลี่ยน เป็นท่อนที่พีคยิ่งกว่าฮุก ซึ่งอาจจะไม่มี หรือมีก็ได้ แต่ถ้ามี ก็ขยี้ท่อนบริดให้ฮุกเข้าไปอีกได้) สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกท่อนเพลงต้องสื่อสารให้ได้ว่า เรากำลังพูดอะไร เรื่องราวแต่ละท่อนสอดคล้องกันไปจนถึงจุดสูงสุดได้ไหม นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด

“ถ้าถามว่ามีเพลงไหนที่ผมแต่งแล้วเป็นตัวผมมากที่สุด เพลงนี้เลยครับ ผู้ชายห่วยๆ ของมาช่า หลายคนคิดว่าเพลงนี้ผู้หญิงเขียน พี่ช่ายังถามว่าทำไมผมเขียนว่าผู้ชายได้ถึงใจขนาดนี้ ตอนผมเขียนเพลงนี้ เหมือนผมได้ชำระล้างความนิสัยไม่ดีของผมที่มีมาแต่เด็กเลยนะ (หัวเราะ)”

นี่แหละผู้ชายที่ชื่อ...ฟองเบียร์

1.ปัจจุบันฟองเบียร์เป็นนักแต่งเพลงและผู้บริหารค่าย We Record ในเครือ GMM Grammy

2.เขาเคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดแต่งเพลงโครงการสำนึกไทยของช่อง 9 ร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งรางวัลนี้เป็นจุดพลิกผันที่ทำให้เขาค้นพบว่า เขาอยากเป็นนักแต่งเพลง และไม่มีกะจิตกะใจเรียน จนต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย ทั้งๆ ที่เรียนปี 4 เทอม 1 แล้ว

3.ไอดอลในการแต่งเพลงของฟองเบียร์มีอยู่ 2 คน คือ แจ้ดนุพล แก้วกาญจน์ ซึ่งเพลงที่เขาชอบมากที่สุด คือ ห้องสีขาว เหตุที่ชอบดนุพล เพราะเขาเป็นคนเขียนเพลงที่ใช้ภาษาได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกมาก อีกคนหนึ่งคือ เต๋อเรวัต พุทธินันทน์ เพราะเรวัติเขียนเนื้อเพลงได้ลึกซึ้งและสอนใจดีมาก เพลงที่เขาชอบมากที่สุดคือ เพลงชายแปลกหน้า