posttoday

เปิ้ล-ไอริณร้องตร.เอาผิดเจ้าของบริษัทแจ้งความเท็จ

01 กรกฎาคม 2556

"เปิ้ล ไอริณ" แจ้งจับเจ้าของบริษัทผลิตสินค้าเสริมความงาม แจ้งความเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเสียโอกาสรับงานต่างๆ

 "เปิ้ล ไอริณ" แจ้งจับเจ้าของบริษัทผลิตสินค้าเสริมความงาม แจ้งความเท็จ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเสียโอกาสรับงานต่างๆ

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. น.ส.ไอริณ ศรีแกล้ว หรือ “เปิ้ล-ไอริณ” นางแบบสาว พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ติระพัฒน์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.สุวรรณี ฮุสเซน เจ้าของบริษัทผู้ผลิตสินค้าเสริมความงามแห่งหนึ่ง กับพวก ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ โดยทำหนังสือร้องทุกข์ รวมทั้งนำคำสั่งของอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดี และเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

เปิ้ล-ไอริณ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2554 ได้รับการติดต่อจากเจ้าของบริษัทดังกล่าว ซึ่งขอให้ตนช่วยติดต่อกับเพื่อนดาราให้มารับงานถ่ายโฆษณาสินค้า โดยมีการถ่ายภาพนิ่งที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง โดยตนจะได้รับเงินค่าจัดหาพรีเซ็นเตอร์ เป็นจำนวน 2 แสนบาท หลังจากงานถ่ายแบบเสร็จสิ้นแล้ว ภายหลังทางบริษัทดังกล่าว กลับอ้างว่ามีเงินมาไม่พอ โดยมีอยู่เพียงแค่ 1.2 แสนบาท จึงขอติดค้างอีก 8 หมื่นบาท ไว้ก่อน แล้วค่อยโอนเงินให้ในวันรุ่งขึ้น ตนก็เชื่อใจ แต่ก็ไม่ได้รับเงินส่วนนี้แต่อย่างใด ต่อมากลับเป็นฝ่ายตนที่ถูก แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ไว้ที่ สน.คลองตัน โดยเขาอ้างว่าตนเป็นผู้ที่ทำให้โปรเจ็กต์นี้เสียหาย

ทั้งนี้ระหว่างที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี ตนก็เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาโดยจะขอให้การปฏิเสธ และประสงค์จะแจ้งความกลับคู่กรณี ในข้อหาหมิ่นประมาท แต่กลับถูกพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติอาชญากร พร้อมกับแจ้งข้อหา โดยทางพนักงานสอบสวนระบุว่าตนได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีแล้ว นอกจากนี้ยังมีข่าวออกทางหน้า น.ส.พ.ส่งผลให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ได้รับผลกระทบในการทำงานที่ไม่สามารถรับงานและเดินทางออกต่างประเทศได้ เพราะมีประวัติต้องคดีฉ้อโกง

เปิ้ล-ไอริณ กล่าวอีกว่า กระทั่งเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทางอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ตนจึงต้องการแจ้งความดำเนินคดีกับทางบริษัทแห่งนี้ ส่วนกรณีการเรียกร้องค่าเสียหายนั้น อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อย่างไรก็ดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นจะไม่เป็นคดีความกันเลย หากว่าตนไม่ได้ทะเลาะกับดารารุ่นใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเคยไปเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต มาด้วยกันก่อนหน้านี้ โดยเขาเป็นคนยุยงให้บริษัทแห่งนี้ฟ้องร้องตน และยังทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกบรรดาเพื่อนนางแบบกล่าวหาว่าฉ้อโกงผู้อื่น ส่วนการพิจารณาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการเสียโอกาสในการทำงาน อยู่ระหว่างปรึกษาทนายความอีกครั้ง

ด้าน พ.ต.ท.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ในเบื้องต้น ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป