posttoday

เปิด “อก” เปิด “ใจ” ใบเตย อาร์สยาม

08 มิถุนายน 2556

หนูเชื่ออยู่เสมอว่า คนเราไม่ควรดูคนที่การแต่งกาย เพราะมันวัดอะไรไม่ได้จากตรงนี้ เราต้องเข้าไปดูให้ลึกกว่านั้น

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร / ภาพ...วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ลูกทุ่งป็อบสาวสุดเซ็กซี่ “ใบเตย อาร์สยาม” หรือ “สุธีวัน ทวีสิน” สามารถก้าวเข้ามาเป็นซูเปอร์สตาร์หญิงคนล่าสุดของวงการบันเทิงได้ด้วยระยะเวลาอันน้อยนิด มองผ่านๆ อาจคิดไปได้หลายแง่มุม ขยันสร้างข่าวคาวบ้างล่ะ มีข่าวรักรายวันบ้างล่ะ มีข่าวเกาเหลาบ้างล่ะ และอีกสารพัดข่าวที่เป็นกระแสได้ทุกวี่วัน ซึ่งก็เป็นสูตรสำเร็จที่พอเข้าใจได้ แต่สูตรสำเร็จที่เฉพาะตัวของเธอผู้นี้ ซูเปอร์สตาร์หญิงคนอื่นๆ ก็ไม่อาจมีเหมือนเธอ

ล่าสุดที่เธอไปร่วมร้องร่วมเต้นกับวง 3.2.1 ในเพลง “รักต้องเปิด (แน่นอก)” เพลงนี้ก็ดังกระหึ่มลุกลามไปครึ่งค่อนโลก มียอดวิวทางยูทูบ ณ ปัจจุบัน 27,292,511 วิว (4 มิ.ย.)

เธอคนนี้ดังด้วยคาแรคเตอร์ “สั้นเสมอหู” แบบไม่ต้องแอ๊บ!

โพสต์ทูเดย์ แอด วีคลี่ ฉบับนี้ มิรอช้า ชักชวนสาวสุดเซ็กซี่คนนี้มาเปิดอก....เปิดใจในหลายเรื่องราวที่เราอาจไม่เคยรู้ และเมื่อคุณได้รู้ก็อาจจะรักเธอมากขึ้นไปอีก

“ใบเตยเป็นสาวใต้ค่ะ” นักร้องสาววัยเบญจเพสเล่า “คุณพ่อเป็นคนภูเก็ต คุณแม่เป็นคนนครศรีธรรมราช คุณพ่อคุณแม่มาเจอกันที่กรุงเทพ ตอนนั้นเขาเรียนกันที่ม.รามคำแหง ซึ่งหลังจากเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จนมีหนู หนูก็เกิดที่กรุงเทพ แล้วย้ายไปนครศรีธรรมราชตอน 6 ขวบ ตอนนั้น คุณตาป่วย ครอบครัวเราเลยต้องย้ายไปช่วยดูแลคุณตา”

เมื่อใบเตยย้ายไปอยู่ที่ใต้ เธอค้นพบว่าครอบครัวของคุณแม่ของเธอ เป็นครอบครัวศิลปินโดยแท้จริง ใบเตยเลยได้ฟังเพลงร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเธอมีคุณแม่เป็นเจ๊ดัน ดันจนสุดชีวิตเลยก็ว่าได้

“ที่แม่หนูดันจนสุดชีวิต คงเป็นเพราะนี่คือความฝันของเขาด้วย เมื่อก่อนคุณแม่เคยเป็นนักร้องอาร์ยูแบนด์ (มหาวิทยาลัยรามคำแหง) แต่ไม่ได้เข้าวงการบันเทิง พอมีลูกสาว คุณแม่ก็เลยพยายามส่งลูกเข้าประกวดหมด ยิ่งพอหนูเข้าเรียน ทางโรงเรียนรู้ว่าเราชอบแสดงออก ทางโรงเรียนก็ส่งเราเข้าประกวดตามงานต่างๆ อีก จนกระทั่งอายุ 12 ขวบ หนูก็ได้ส่งเทปคาสเซต ซึ่งร้องเอง อัดเอง ส่งมาที่อาร์เอส เป็นโครงการพานาโซนิค สตาร์ ชาเลนจ์ ปี 2002 ตอนนั้นใบเตยยังร้องเพลงสตริงอยู่ ผลปรากฏว่าใบเตยได้ที่ 1 ของภาคใต้ ก็เลยได้เซ็นสัญญากับทางอาร์เอส ตอนอายุ 15 เซ็นปุ๊บ ก็ขึ้นมาอยู่ที่กรุงเทพ มาเรียนร้อง เรียนเต้น เตรียมการแสดง เพื่อเตรียมเป็นศิลปิน”

จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ผ่านการประกวดมาอย่างโชกโชน สิ่งที่เธอได้รับจากการประกวด นั่นคือการมีน้ำใจเป็นนักกีฬา

“ใบเตยชอบการประกวดนะ ทุกวันนี้ยังอยากประกวดอยู่เลย ถ้าอายุไม่มากไปเสียก่อน (หัวเราะ) การประกวดสอนให้เราได้รู้จักคำว่าคน สอนให้เรารู้จักอดทน รู้จักการแพ้ชนะ บางคนไม่พอใจที่เราชนะ ก็ฉีกใบประกาศนียบัตรของเรา เอาเป็นว่าใบเตยเจอมาทุกรูปแบบ แต่เราไม่ท้อนะ แม่เราก็ให้กำลังใจ และยังส่งเสริมให้เราประกวดตลอด”

หลังจากย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดของ บริษัท อาร์เอส และเข้าเรียนต่อชั้นม.4 ที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 เธอต้องมาอยู่หอพักตัวคนเดียว ทำอะไรด้วยตัวเองหมด นั่งรถเมล์ไปโรงเรียน และใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด เธอเซ็นสัญญารุ่นเดียวกับไอน้ำ ดีทูบี ลิเดีย และ โฟร์มด ทุกคนได้ออกเทปหมดยกเว้นใบเตย “เราก็เริ่มท้อ ยิ่งมีคนโดนยกเลิกสัญญาไปอีกหลายคน เราก็เริ่มกลัวว่าตัวเองจะโดนดอง หรือยกเลิกสัญญาไปด้วย”

ต่อมาค่ายอาร์สยามมาทาบทามให้ร้องเพลงลูกทุ่ง และกลายเป็นลูกทุ่งป็อบคนแรก “ปี 2553 มีเพลงแรกออกมา ชื่อเพลง ปากไม่ ใจคิดถึง ซึ่งก็พอมีคนรู้จักบ้าง พอมาซิงเกิ้ลที่สอง เพลงโคโยตี้ค่ะพี่ เพลงนี้ใบเตยนุ่งสั้นเลย จริงๆ แล้วหนูก็นุ่งสั้นมาตั้งแต่เด็กนะ พอได้มาเป็นนักร้อง เลยใช้ความเป็นตัวเราให้มากที่สุด พอมาซิงเกิ้ลที่สาม เพลงเช็คเรทติ้ง ก็มีคนรู้จักมากขึ้น เพลงนี้ดังกระหึ่มตอนออกรายการตีสิบและทูไนท์ โชว์”

เมื่อเธอมีชื่อเสียง เริ่มมีคนรู้จัก แน่นอนว่ามีคนรัก ย่อมมีคนชัง ใบเตยเปิดอกเปิดใจอย่างหมดเปลือกว่า เธอโดนด่าหนักๆ ตอนนุ่งสั้นออกงานทีวีพูล สตาร์ ปาร์ตี้ และได้รับฉายาจากงานนี้ว่าลูกทุ่งนุ่งสั้น หลังจากนั้นโดนว่าว่ามาทำลายวงการลูกทุ่ง มาทำให้วงการลูกทุ่งเสื่อม

“อย่างที่บอกว่าการนุ่งสั้นของหนู มันเป็นตัวหนูอยู่แล้ว เด็กๆ หนูก็ใส่สั้นมาตลอด อยู่มหาลัย ก็นุ่งกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ไปเรียน โชคดีที่คุณแม่เหมือนหนูทุกอย่าง ชอบแต่งตัวเปรี้ยวๆ สั้นๆ เลยไม่ได้ว่าอะไร เอาเป็นว่าด่าหนูเรื่องนุ่งสั้น หนูไม่ซีเรียสอะไร แต่หนูจะซีเรียสเรื่องที่คนพูดว่าเรามาทำลายวงการลูกทุ่ง แต่หนูก็บอกตัวเองเสมอว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน หนูเชื่ออยู่เสมอว่า คนเราไม่ควรดูคนที่การแต่งกาย เพราะมันวัดอะไรไม่ได้จากตรงนี้ เราต้องเข้าไปดูให้ลึกกว่านั้น

พอมีข่าวจากตรงนั้น ชื่อเสียงของใบเตยมีดังกับข่าวคาวเรื่องผู้ชาย นับแต่เธอคบหากับดาราหนุ่ม วี วีรภาพ จากรัก มาเลิก จากเลิก ก็กลายเป็นเกาเหลากับดาราสาวนางงาม ปุ๊กลุ๊ค ฝนทิพย์ ไปจนกระทั่งข่าวอีกหลายข่าวที่โยงใยพัวพันจนยุ่งอีรุงตุงนัง

“บอกได้เลยว่าข่าวเกาเหลากับปุ๊กลุ๊คนี่ ความจริงไม่มีอะไรเลย เรารู้จักกันธรรมดา”

ยิ่งมีข่าวคาวใบเตยยิ่งดัง “แต่ก่อน หนูไม่รู้จักคำว่าดัง หนูรู้แค่ว่าหนูคือคนร้องเพลง มีหน้าที่ทำสิ่งที่รัก คือการร้องเพลงเพื่อ สร้างความสุขให้แฟนเพลง แค่นั้น พอเป็นข่าวอยู่ทุกวัน ออกทีวีแทบทุกช่อง ลงในเว็บทุกเว็บ หนูเลยรู้สึกว่า คนอยากรู้เรื่องราวของเรามากมายขนาดนี้เลยเหรอ (หัวเราะ) เมื่อคนอยากรู้เรื่องของเรามากขนาดนี้ หนูก็เลยคิดในแง่ดีว่า หนูคงดังแล้วมั้ง ก็ขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่อยากรู้เรื่องราวของหนูอยู่ตลอดเวลา”

ชื่อเสียงของเธอกลายมาเป็นแหล่งทำมาหากินของบางคนโดยนำภาพใบเตยถ่ายรูปคู่กับสินค้าเพื่อเป็นการโปรโมตผ่านอินสตราแกรม ซึ่งเธอก็ยินดีช่วยเหลือ แต่เมื่อมีจำนวนมากขึ้นๆ ทางต้นสังกัดจำเป็นต้องมีการเก็บค่าตัว 180,000 บาท นั่นยิ่งทำให้เกิดกระแสด้านลบกับตัวเธอเอง

“อยากให้เข้าใจกันว่า ใบเตยเป็นศิลปินที่มีสังกัด มีกฎระเบียบข้อบังคับที่เราไปทำอะไรนอกเหนือจากนั้นไม่ได้ หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมเราใจร้ายขนาดนั้น ความจริงมันจำเป็น เพราะเราเป็นสินค้าที่มีมูลค่าของบริษัท มีประโยชน์กับทางบริษัท บริษัทเลยต้องทำอย่างนั้นในแง่ของธุรกิจ”

ชีวิตของ ใบเตย อาร์สยาม เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิตอีกครั้ง จุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอ “ดัง...งง” นั่นคือทั้งดังทั้งงง กับเพลง รักต้องเปิด (แน่นอก)

“เพลงนี้ใช้เวลาทำกันไม่นานเลย แค่ 5 นาทีเอง เป็นเพลงที่หนูร้องสั้นที่สุดในชีวิต แต่ดังที่สุดในชีวิต ต้องขอบคุณน้องๆ วงทรีทูวันที่ชวนหนูมาร่วมงานด้วย บางทีหนูก็มโนแจ่มไปว่า เพลงนี้เป็นเพลงกูเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่าใบเตยขอใช้พื้นที่สื่อตรงนี้บอกกับทุกคนให้รับทราบตรงกันอีกครั้งว่า เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของหนู หนูแค่ไปแจมด้วยเท่านั้น เพียงแต่องค์ประกอบมันครบเครื่อง มันมาถูกที่ถูกเวลา มันเลยดังมากขนาดนี้”

ท่าเต้นที่ฮิตระเบิดต้องยกความดีความชอบให้ ครูเจด้าแห่งฮาเร็มเช็ค สถาบันที่มีชื่อเสียงด้านการเต็นฮิปฮอปแดนซ์ระดับประเทศ

“พวกเราซ้อมเต้นก่อนถ่ายเอ็มวีหนึ่งวัน ครูเจด้าเป็นคนออกแบบท่าเต้นให้พี่เจ (เจตริน วรรธนสิน) พี่ทาทา ครูเจด้าบอกหนูว่า ไม่มีอะไรดีที่สุดเท่านี้มาก่อน หนูว่าดวงเราผูกกัน และหนูรู้สึกว่า เวลาเต้นเพลงนี้ มันอยากเต้นแล้วเต้นอีก”

ท่าเต้นเพลง รักต้องเปิด (แน่นอก) ก่อให้เกิดกระแสการเต้นคัฟเวอร์ลุกลามไปหลากหลายที่แทบจะทั่วโลก เธอกลายเป็นไอดอลของเหล่าสาวประเภทสอง บางคนแก้ผ้าโชว์นมเต้นเพลงนี้อัพโหลดลงในยูทูบจนเกิดเป็นข่าวหน้า 1

“หนูว่าหนูมีความชัดเจน แล้วความชัดเจนไปถูกจริตชาวสีม่วง ชาวสีม่วงชอบผู้หญิง ตรง แรง แต่ไม่สตรอบอแหล อย่างชุด นี่ก็กลัวคนเกลียด เพราะสั้นมาก สั้นที่สุด สั้นเหลือเกิน แต่มันก็ทำให้คนรักใบเตย เพราะใบเตยเป็นใบเตย ไอแอมฮูไอแอม ยิ่งพอมาลงล็อคกับเพลงรักต้องเปิด (แน่นอก) มันยิ่งโดนใจชาวสีม่วงเด็ก คงเพราะทำให้พวกเขาชัดเจนในตัวตน ได้ปลดปล่อยตัวเอง ซึ่งถ้าชัดเจนและปลดปล่อยอย่างมีขอบเขต มันจะโอเคกว่า”

เมื่อพูดถึงเรื่องหน้าที่การงานแล้ว คงหนีไม่พ้นที่จะพูดถึงเรื่องความรัก ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เธอคบหาอยู่กับ “ดีเจแมนพัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา” ซึ่งเธอเผยกับเราอย่างตรงไปตรงมาว่า สำหรับเธอ ความรักผ่านพ้นช่วงโปรโมชั่นไปเรียบร้อยแล้ว

“สำหรับฝ่ายชาย หนูไม่รู้ว่าเค้าหมดโปรฯ ไปแล้วหรือยังนะคะ (หัวเราะ) เอาเป็นว่า ความรักก็ดีค่ะ ดีในที่นี้คือ ไม่ได้หวือหวา เรื่อยๆ และน่าจะมั่นคง ตอนนี้ใบเตยไม่ค่อยมีเวลา โชคดีที่พี่แมนอยู่ในครอบครัวนักแสดง เขาเข้าใจเรื่องเวลา ตรงนี้ใบเตยคิดว่าตัวเองโชคดีนะ”

ปัจจุบัน ใบเตย ยังศึกษาอยู่ที่คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ส่วนเรื่องงานก็กำลังรุ่ง ซูเปอร์สตาร์หญิงสุดร้อนแรงเผยว่า เธอมีความกลัวและกดดันบ้างเล็กๆ หากทำเพลงต่อไปแล้วไม่ดังเท่านี้

“ก็กลัวดร็อปเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องทำใจ เราต้องรับให้ได้กับทุกเหตุการณ์ของชีวิต ไม่ว่าจะดังที่สุด หรือแย่ที่สุด เราต้องเรียนรู้ที่จะล้มแล้วต้องลุกขึ้นให้ได้ มีมุมเหนื่อยมั้ย ก็มีบ้าง อย่างบางวันมีสี่ห้างาน โดยเฉพาะต้องเดินทางต่างจังหวัด ก็ค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็ดี ยิ่งไกล คนยิ่งมาดูเยอะ เพราะเขาไม่ได้มีโอกาสดูเราบ่อยๆ”

ล่าสุด ใบเตย อาร์สยาม กำลังจะมีผลงานละครกับทางช่อง 8 ในฐานะนางเอกเต็มตัว และที่สำคัญ เธอกำลังจะเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ายี่ห้อหนึ่ง ซึ่งมีแต่ระดับซูเปอร์สตาร์หญิงตัวแม่ของวงการบันเทิงเท่านั้นที่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ เราคงต้องรอลุ้นดูผลงานชิ้นนี้ของเธอกันต่อไป

“รับรองแซ่บสมชื่อ ใบเตย อาร์สยาม ค่ะ” ใบเตยกล่าว