posttoday

นีโอโซลแบบ จัสติน ทิมเบอร์เลก

16 เมษายน 2556

จากเทนเนสซี อดีตสมาชิกมิกกีเมาส์ คลับ “จัสติน ทิมเบอร์เลก” กลายเป็นส่วนหนึ่งของเอ็นซิงก์ บอยแบนด์ชื่อดังแห่งต้นปี 2000

โดย...เพ็ญแข

Justin Timberlake

The 20/20 Experience (BECTero Music ***)

จากเทนเนสซี อดีตสมาชิกมิกกีเมาส์ คลับ “จัสติน ทิมเบอร์เลก” กลายเป็นส่วนหนึ่งของเอ็นซิงก์ บอยแบนด์ชื่อดังแห่งต้นปี 2000 ระหว่างนั้นจัสตินมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงดังและโปรดิวซ์งานให้กับวงอยู่หลายเพลง แถมยังแต่งเพลงให้กับ บริตนีย์ สเปียร์ส อดีตแฟนอีกด้วย

ต่อมาเขาได้พัฒนาตัวเองมาเป็นศิลปินเดี่ยว งานชุดแรก Justified ออกขายในปี 2002 ประสบความสำเร็จไม่น้อย ก่อนที่จะมีอัลบั้มชุดที่ 2 FutureSex/LoveSounds ในปี 2006 โดยมีทีมงานและศิลปินรับเชิญอันยอดเยี่ยมมาช่วย การกลับมาครั้งนี้เป็นที่กล่าวขานถึงอย่างกว้างขวาง อัลบั้มของจัสตินขายได้มหาศาล ทั้งยังทำให้เขาได้รับ 2 รางวัลแกรมมี่ และ 4 รางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส

หลังจบทัวร์เพื่อสนับสนุนการขายอัลบั้ม FutureSex/LoveSounds จัสตินก็หันไปทำงานอื่นๆ อีกหลายโปรเจกต์ เขาได้ชิมลางงานแสดง ทำค่ายเพลง ทำเพลงกับศิลปินอื่นๆ อาทิ มาดอนนา ดูแรน ดูแรน ฟิตตีเซนต์ ฯลฯ รวมทั้งทำธุรกิจร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า แถมยังมีเวลาไปแข่งกอล์ฟอีกต่างหาก เพลิดเพลินกับกิจกรรมหลากหลายกว่าจะพร้อมกลับมาทำอัลบั้มชุดที่ 3 ก็ทิ้งระยะเนิ่นนาน 67 ปีทีเดียว

กับงานชุด The 20/20 Experience จัสตินรั้งตำแหน่งเอกเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ โดยทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์คู่บารมี ทิมบาแลนด์ โคโปรดิวเซอร์ เจโรม “เจร็อก” ฮาร์มอน กับ ร็อบ น็อกซ์ และนักแต่งเพลงอีกหลายคน เมื่อวางขายอัลบั้มนี้ก็พุ่งขึ้นชาร์ตความนิยมอันดับ 1 ทั้งที่อเมริกาและอังกฤษ งานนี้ขายได้เป็นล้านก๊อบปี้ในสัปดาห์แรก เรียกได้ว่าบารมีของจัสตินยังคงแรงและความคิดถึงของแฟนก็ระอุ

อัลบั้มนี้บรรจุทั้งหมด 10 เพลง แต่มีความยาวกว่า 70 นาที เพลงที่สั้นที่สุดยาว 4 นาที ที่เหลือส่วนใหญ่ยาว 78 นาทีทั้งนั้น (พิงก์ ฟลอยด์ เลด เซพพีลิน และควีน ยังทำเพลงยาวๆ ได้ ทำไมเราจะทำมั่งไม่ได้!!! จัสตินว่าอย่างนั้น)

งานของจัสตินออกมาเป็นนีโอโซล ซึ่งเกิดจากการนำองค์ประกอบและวิญญาณของเพลงโซลจากปี 19601970 มาผสมผสานกับของใหม่ โดยธีมเนื้อหานั้นเกี่ยวกับเรื่องโรแมนติก เซ็กซ์ และยาเสพติด เป็นอัลบั้มที่มีความหลากหลายทางดนตรีมากกว่างานก่อนหน้านี้ บางเพลงเปลี่ยนแปลงจังหวะรวดเร็วกะทันหันคาดไม่ถึง เสียงจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งเครื่องเคราอิเล็กทรอนิกส์ เสียงร้องผ่านเครื่องดิสทอร์ตโดดเด่น ปะปนคละเคล้าอยู่กับเครื่องสาย เครื่องเป่า กีตาร์ เปียโน ฯลฯ

เปิดอัลบั้มด้วย Pusher Love Girl เป็นเพลงจังหวะกลางๆ ที่มีกลิ่นอายโซล ในรายละเอียดเต็มไปด้วยการใช้เครื่องเคราอิเล็กทรอนิกส์ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ส่วน Suit & Tie มีแร็พเปอร์ เจย์ซี มาร่วมงานด้วย ถูกตัดมาเป็นซิงเกิลแรกของอัลบั้มเป็นเพลงอาร์แอนด์บีจังหวะกลางๆ ฟังแล้วชวนโยกตัวตามจังหวะไปด้วย เอ็มวีเพลงนี้น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นงานกำกับของ เดวิด ฟินเชอร์ แห่ง The Social Network เพลง Strawberry Bubblegum เป็นป๊อป/บัลลาดเด่นด้วยเสียงริทึมบอกซ์ ตามด้วยเพลงโซลดิบๆ อย่าง That Girl เพลง Let the Groove Get In ฟังไปละม้ายคล้ายเพลงของ ไลโอเนล ริชชี นำมาแต่งแต้มสีสันให้ทันสมัยขึ้น ซิงเกิลที่ 2 คือ Mirrors เพลงนี้คล้ายกับงานในชุด FutureSex/LoveSounds

อาจจะไม่ใช่งานสร้างสรรค์ใหม่ล่าสุด ไม่ใช่เพลงติดหูง่ายๆ เหมือนงานชุดก่อน แต่ก็น่าฟังและมีเสน่ห์ไม่น้อย เป็นอัลบั้มที่หลากหลายและสนุกสนาน แสดงความเป็นเอกซ์เพิร์ตทางด้านการแต่งเพลงและโปรดิวซ์ออกมาอย่างกระจ่าง

นี่นับเป็นงานชิ้นหนึ่งที่น่าพึงพอใจของเอนเตอร์เทนเนอร์ชั้นนำของโลกผู้เติบโตมาจากบอยแบนด์ @

Did You Know?

ร้องเพลงที่เวทีเกียรติยศ แกรนด์ โอลด์ โอพรี ขณะอายุ 10 ขวบ

เอนเตอร์เทนเมนต์ แมกกาซีน มอบตำแหน่งท็อปเอนเตอร์เทนเมนต์ปี 2006 ให้กับ จัสติน ทิมเบอร์เลก นอกจากนี้เขายังถูกเลือกเป็น อินเตอร์เนชั่นแนล แมน ออฟ เดอะ เยียร์ ของนิตยสารจีคิว ในปี 2006 ติดอันดับ 10 หนุ่มฮอตของพีเพิล แมกกาซีน ปี 2007 รวมทั้งอันดับ 1 ใน 100 บุคคลที่มีอิทธิพลของโลก โดยนิตยสารไทม์ ปี 2007 จัสตินได้รับตำแหน่งหนุ่มโสดชวนฝันแห่งอเมริกาในปี 2002 แต่บัดนี้ไม่โสดเพราะ เจสสิกา บีล ตีตราจองไปแล้วเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

เพื่อนสนิทคือ คริส มาร์ติน แห่งโคลด์เพลย์

สะสมรองเท้าและเสื้อกีฬา รวมทั้งฮาร์เลย์ เดวิดสัน ที่มีอยู่ในโรงรถเป็นโหล ทั้งยังมี เมอร์เซเดซ เอ็ม คลาส และเมอร์เซเดซเบนซ์ อยู่ไม่กี่คัน (เอง)

เสพติดกีฬากอล์ฟ

ก่อตั้งมูลนิธิทิมเบอร์เลกขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการศึกษาดนตรี รวมทั้งสร้างโรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ