posttoday

‘สิงห์นักบิด’ วิวิศน์ บวรกีรติขจร

28 กุมภาพันธ์ 2556

วิวิศน์ บวรกีรติขจร หนุ่มมาดเซอร์สิงห์นักบิดอย่างสร้างสรรค์ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงผู้สวมบทบาทเป็นนักแสดงและนักร้อง

โดย...วราภรณ์ ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

วิวิศน์ บวรกีรติขจร หนุ่มมาดเซอร์สิงห์นักบิดอย่างสร้างสรรค์ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงผู้สวมบทบาทเป็นนักแสดงและนักร้อง ผลผลิตที่งอกงามจากบ้านทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่น 4 วิวิศน์อยู่วงการบันเทิงตลอด 5 ปี เขาสวมบทบาทมาแล้วมากมาย อาทิ งานเพลงหลายอัลบั้ม หลากซิงเกิล ล่าสุดวิวิศน์ร้องเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่อง 3D ที่เขานำแสดงด้วย ในชื่อเพลง “ในคืนที่เธอหายไป” เพลงป๊อปร็อกช้าๆ นอกจากนี้ยังตั้งวงกับเพื่อน ๆ ชื่อวงวิวิด (Vivid) ปล่อยออกมาแล้วหลายซิงเกิล ส่วนงานละครเรื่องล่าสุด “รักสุดฤทธิ์” ได้ฤกษ์เปิดกล้องเร็วๆ นี้

วิวิศน์ยังมีงานพิธีกร รายการสปอร์ตเดย์ ของดาราเดลี่ทีวี ซึ่งยังไม่ออนแอร์ ส่วนอีก 1 รายการ คือ “โสดสโมสร” ออนแอร์ช่องสตาร์แม็กซ์ ของค่ายอาร์เอส เป็นพิธีกรคู่กับ กอล์ฟเบญจพล เชยอรุณ ล่าสุดกับงานแสดงละครเวที “เด็กพิเศษ” เป็นละครเวทีเพื่อช่วยเหลือมูลนิธิช่วยการศึกษาเด็กพิเศษและเด็กด้อยโอกาส “โรงเรียนกาญจนาภิเษกสมโภช” ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายจะบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อเด็กออทิสติก

“งานละครเวทีเรื่องนี้เล่นยากกว่าการแสดงละครเวที เดอะมิวสิคัล ต้องฝึกซ้อมนานเป็นเดือน เรื่องนี้เป็นละครพูดเรื่องแรกของผม การร้องเพลงเป็นสิ่งที่ผมรัก สามารถจำเนื้อเพลงได้ง่ายกว่าจำบท การพูดสื่ออารมณ์จึงยากกว่า แต่การร้องง่ายกว่าเพราะด้วยท่วงทำนองเพลงจะช่วยบิลด์อารมณ์ของเราได้ แต่ก็สนุกไปอีกแบบ”

ดีกรีความท้าทายยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อวิวิศน์ต้องสวมบทบาทถึง 6 คาแรกเตอร์ เช่น บทจ่า ตำรวจ ดอกเตอร์ ฯลฯ แต่ละบทที่เขาเล่นเป็นตัวแทนของบุคคลที่เกี่ยวกับตัวละครคุณแม่ของเด็กพิเศษ จุดที่ยากคือวิวิศน์ต้องเล่นให้ชัดเจนในทุกบุคลิกและต้องตีโจทย์ให้แตก ซึ่งช่วงอายุของคนก็พูดแตกต่างกัน เช่น ท่วงท่าการเดิน น้ำเสียง รวมทั้งการเดิน บุคลิกของเขาจึงต้องเปลี่ยนหมด

นั่นคืองานที่ท้าทายตามอายุงานที่เพิ่มมากขึ้น วิวิศน์อยู่ภายใต้คำนิยามความเป็น “เด็กแนว” อย่างแท้จริง เพราะเขาคิดทำอะไรตามความฝันและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ค่าที่อยู่ในวงการบันเทิง 5 ปีเต็มๆ วิวิศน์บอกว่า ก้าวนี้เป็นมากกว่าฝัน เดิมทีเขามุ่งมั่นเป็นนักร้องอย่างเดียว ไม่ได้ตั้งใจมาเล่นละคร แต่พอโตขึ้นในวัย 24 ปี เขาได้เปิดใจค้นหาศักยภาพในตัวที่มีจึงพบว่า เขาสามารถสวมบทบาทเป็นทั้งพิธีกร เล่นละครทีวี ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ช่วยเปิดประสบการณ์เด็กแนวอย่างเขาได้สร้างสีสันให้การใช้ชีวิตสนุกมากขึ้น

“เมื่อก่อนผมมีทิศทางชีวิตที่ชัดเจนมาก คือ ไม่คิดรับงานละคร เพราะรู้สึกไม่ใช่ตัวผม อยากร้องเพลงก็มุ่งไปทางเดียว งานละครติดต่อเข้ามาปฏิเสธหมด แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมโชคดีที่ผมค่อนข้างรับฟัง และมีที่ปรึกษาที่ดีอย่างพ่อแม่และพี่ชายให้คำแนะนำ อีกทั้งผมไม่ใช่คนรั้น แต่สิ่งที่ผมทำและชอบอาจไม่เหมาะที่สุด แต่ถ้าเราเปิดรับอาจทำแล้วดีก็ได้ ตอนออกจากบ้านเอเอฟผมอายุ 18 ปี ยังไม่รู้ว่าความลำบากเป็นไง การที่เรามีงานโชคดีแค่ไหน

จากเดิมเป็นเด็กค่อนข้างขี้เกียจ ตอนนี้ผมรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อก่อนผมยอมรับว่าเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ตอนนั้นไม่เอาก็ไม่อยากทำ ฝืนทำก็ไม่ได้ พอโตขึ้น เริ่มมีรุ่นน้องๆ เอเอฟเกิดขึ้นมา มันทำให้ผมฉุกคิดว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้ดังเลย สมมติถ้าเราทำตัวไม่ดีก็มีผลต่ออนาคต พอผมเปิดใจเริ่มรับงานละครเพิ่ม จริงๆ แล้วแต่ละงานช่วยเสริมกันได้หมด เล่นละครทำให้ผมกล้าแสดงออก มีความมั่นใจมากขึ้น พอร้องเพลงบนเวทีก็ทำให้ผมพูดเก่งขึ้น เอนเตอร์เทนคนฟังได้มากขึ้น ซึ่งดีมากๆ”

การเปิดรับงานใหม่ๆ เช่น งานละครที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุดคือ “ธรณีนี่นี้ใครครอง” ทำให้คนรู้จัก ตี๋ เอเอฟ ในวงกว้างมากขึ้น ด้านงานเพลง แม้ไม่ได้เป็นศิลปินดังเปรี้ยงปร้าง แต่เขาค่อนข้างพอใจกับงานเพลงและโอกาสที่ได้รับ ที่ไม่ดังมากอาจเป็นเพราะเพลงร็อกที่เขาชอบยังมีผู้ฟังที่จำกัดอยู่ อีกทั้งบ้านเราศิลปินเยอะมาก พื้นที่เปิดเพลงแย่งกัน การแข่งขันสูงมาก ถ้ามีโอกาสอะไรดีๆ ผ่านเข้ามา เขาคว้าเอาไว้ เพราะล้วนได้พัฒนาตัวเองทั้งหมด

อย่างไรก็ดี ชีวิตสิงห์นักบิด พาหนะคู่ใจของวิวิศน์ คือ รถจักรยานยนต์ ดูคาติ สัญชาติอิตาลี รุ่นมอนสเตอร์ 795 และ คาวาซากิ KSR110 มอเตอร์ไซค์คันแรกถือเป็นรถในฝัน มูลค่า 4 แสนกว่าบาท ดูคาติถือเป็นรถจักรยานยนต์ในฝันของนักบิดทั่วไป เปรียบเหมือนเฟอร์รารีของมอเตอร์ไซค์ ปกติมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จะมีราคาแพงตกประมาณ 6 แสนกว่าบาท แต่รุ่นนี้ผลิตในไทยด้วยราคาย่อมเยาจึงตัดสินใจซื้อได้ง่าย

“ผมขี่มอเตอร์ไซค์บ่อย คันเล็กมีอยู่แล้วขับประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ขับทางไกลๆ จะลำบาก ผมจึงตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์ใหญ่ที่สมรรถนะดี อีกทั้งความคิดเห็นส่วนตัวคือ ดูคาติเท่ขับได้เร็วสุดคือ 200 แต่ผมไม่เคยลอง เพราะถนนเมืองไทยเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่เหมาะกับการขับเร็วๆ ไม่เหมือนต่างประเทศ อีกทั้งขนาดตัวผมสันทัดจึงเหมาะกับมอเตอร์ไซค์ขนาดประมาณนี้ ด้วยน้ำหนักเบา 800 ซีซี น้ำหนักรถรวม 160 กิโลกรัม ซึ่งคันอื่นรุ่นอื่นจะหนักกว่านี้ แต่คันนี้น้ำหนักเบา ช่วยประหยัดน้ำมัน ผมเน้นขับในเมือง”

เหตุดึงดูดที่ทำให้ตี๋หันมาขับมอเตอร์ไซค์ เหตุมาจากรถติด ประกอบกับเขามักนอนตื่นสาย ปกติใช้วิธีเดินทางด้วยรถไฟฟ้าตลอด แต่ถนนบางเส้นไม่มีรถไฟฟ้า ขับรถยนต์วิ่งบนท้องถนนก็ไม่สามารถควบคุมเวลาได้ แต่ช่วง 3 ปีที่แล้วพี่ชายซื้อมอเตอร์ไซค์คันเล็กมา เขาก็ลองขอยืมมาขับ พบว่าชีวิตเด็กแนวเริ่มดีขึ้น ไม่ต้องมานั่งรถติด อีกทั้งประหยัดทั้งเวลาและน้ำมัน แต่ก็ต้องยอมรับในความอันตราย

“ผมเคยเกิดอุบัติเหตุครั้งหนึ่ง รถมอเตอร์ไซค์ล้ม แขนเป็นแผลถลอก เหตุที่ล้มเพราะโดนรถเบียด จะเปลี่ยนเลนหนีก็ไม่ได้ เพราะมีรถข้างๆ ตามมา รถมอเตอร์ไซค์เลยล้มไถลไปกับถนนจนเกิดประกายไฟ หัวผมลงก่อนแต่โชคดีสวมหมวกกันน็อก ซึ่งสำคัญที่สุดช่วยเซฟชีวิตเราได้ ยิ่งตอนนี้เราต้องใช้ใบหน้าทำงาน เป็นอะไรไปก็แย่” โชคดีครั้งนั้นตี๋เจ็บตัวเพียงเล็กน้อย ปัจจุบันเขาจึงขับอย่างระมัดระวังแบบคูณสอง และประสบการณ์สอนเขาว่า ขับอย่างไรให้ปลอดภัย คือ อย่าขับจี้ พยายามมองไกล มองไปข้างหน้า อย่ามองแต่รถคันหน้า เผื่อเบรกกะทันหัน แต่เขาขับรถเร็วไม่เกิน 110 หรือประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าถนนโล่งๆ ก็บิดบ้าง แต่ต้องมั่นใจ เขาขับเร็วมากๆ ก็ไม่เกิน 150 แต่คนอื่นขับเร็วมากซึ่งอันตรายมากๆ

ตี๋บอกว่า เดิมทีชีวิตของเขาไม่ได้พิสมัยความเร็ว ที่มาขี่มอเตอร์ไซค์เพราะหลีกเลี่ยงรถติด ขับแล้วชอบ รู้สึกชีวิตมีอิสระได้ขับรถแล้วลมปะทะกับใบหน้า ชอบขับมอเตอร์ไซค์จนเป็นนิสัย เขาจึงตั้งกลุ่มกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ บ้านเอเอฟ เช่น บอยพิษณุ นิ่มสกุล ตุ้ยเกียรติกมล ล่าทา มิวสิครัชพล แย้มแสง น้ำแข็งชญาน์ทัต อยู่เป็นแก้ว กี๋ฐษชัย ชนะอรรถกาล ชวนกันไปขับรับลมเส้นสุวรรณภูมิ ขับกันแบบเกาะกลุ่ม “ความสุขจากการขี่มอเตอร์ไซค์ตรงชีวิตมีอิสระ ขับเร็วได้ดังใจ (แต่ปลอดภัย) ได้สัมผัสกับธรรมชาติ ผมคิดว่าคนเราควรใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ทำชีวิตให้มีสีสัน ผมขับมอเตอร์ไซค์ทุกวัน ขับสลับกันระหว่างดูคาติกับคาวาซากิ”

สุดท้ายวิวิศน์อยากฝากบอกไปถึงเด็กรุ่นใหม่ หรือเด็กแนว ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อยากทำอะไรก็ทำไป ทำตามความฝันของตัวเอง อะไรที่ดีทำไป อย่างการขับรถมอเตอร์ไซค์ขับได้ แต่อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน เป็นต้น

“อย่างท่อรถนี่ผมไม่แต่ง ถ้าแต่งท่อเสียงจะดังแบบรถใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ปลอดภัยสำหรับการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เพราะจะทำให้คนอื่นได้ยินเสียงรถเรา เมื่อไม่นานมานี้อเมริกาเพิ่งออกกฎให้รถโตโยต้า พรีอุส ทำท่อรถให้เสียงดังขึ้น เพราะถ้าไม่ทำเสียงเครื่องยนต์รถจะเบามาก ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อีกทั้งการทำท่อรถยังช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์ได้ด้วย แต่ขอพ่อไปทำแล้ว พ่อไม่อนุญาต

ตั้งแต่ผมทำงานได้สตางค์มา ผมให้พ่อเก็บบัตรเครดิตเพราะพ่อกลัวผมใช้เงินอย่างไม่รู้ค่า ตอนนี้อยากได้อะไรต้องขอเงินจากพ่อ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องดี ทำให้ผมระงับตัวเองในการใช้เงิน ช่วยประหยัดไปได้เยอะ ผมคิดว่าจะขับมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุหนักๆ เสียก่อน ซึ่งเวลาขับขี่มอเตอร์ไซค์ผมก็ระมัดระวัง เช่น สวมเสื้อหนาๆ มีเกราะป้องกันที่ศอก แต่เมืองไทยร้อน จึงไม่ค่อยได้ใส่ ผมคิดว่าเราขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้ แต่ไม่ควรไปรบกวนคนอื่น ขับอย่างมีศิลปะ อย่าขับปราดไปปราดมาครับ”

วิวิศน์ บวรกีรติขจร นักร้อง นักแสดงสังกัดทรูแฟนเทเชีย

อายุ 24 ปี

จบการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนปทุมคงคา รุ่น ศุภบงกช

กำลังศึกษา ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เอกดุริยางค์สากล เอกวอยซ์

เครื่องดนตรีที่ชื่นชอบ กีต้าร์

นอกจากความสามารถในด้านดนตรีแล้ว ตี๋ยังเป็นนักเทนนิสที่มีฝีมือ เคยเข้าร่วมการแข่งขันเทนนิสเยาวชนหลายครั้ง

อุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ ไอโฟน 4เอส

คติประจำใจเด็กแนว อยากทำอะไรก็ทำ แต่ไม่ควรทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน

หมายเหตุ “เด็กพิเศษ” มีรอบการแสดงวันที่ 28 ก.พ. 2556 และวันที่ 13 มี.ค. 2556 วันธรรมดารอบเวลา 19.00 น. และวันเสาร์อาทิตย์ เพิ่มรอบเวลา 14.30 น. ณ ห้องออดิทอเรียม (ชั้น 5) หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ (ปทุมวัน)