แฟชั่นระดับตำนานเคียงคู่ แอล แฟชั่น วีค 2012

โดย...มีนา ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

“แอล แฟชั่น วีค” เวทีที่สนับสนุนให้นักออกแบบแฟชั่นไทยได้โชว์ศักยภาพด้านการออกแบบ สร้างชื่อเสียง และผลักดันให้นักออกแบบไทยได้เป็นที่รู้จักทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ปีนี้การจัดก้าวสู่ปีที่ 14 แล้ว ภายใต้ชื่อ “แอล แฟชั่น วีค 2012 ออทัมน์/วินเทอร์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ด” ระหว่างวันที่ 1114 ต.ค. ณ ลานเซ็นทรัลเวิล์ด

เวทีแอล แฟชั่น วีค เป็นเวทีแจ้งเกิดของทั้งนักออกแบบรุ่นพี่ และดีไซเนอร์หน้าใหม่ๆ มากมาย แต่แบรนด์ระดับตำนานที่อยู่คู่เวที “แอล แฟชั่น วีค” บางแบรนด์ร่วมกันทำโชว์มาตั้งแต่เริ่มต้น เช่น ชนิตา ปรีชาวิทยากุล เจ้าของและนักออกแบบแบรนด์ “Senada Theory” บางแบรนด์ร่วมงานกันมา 8 ปี ได้แก่ แบรนด์ “Theater” โดยดีไซเนอร์และเจ้าของ ศิริชัย ทหรานนท์ บางแบรนด์ไปๆ มาๆ พอให้หายคิดถึง ได้แก่ “เกรย์ฮาวน์” ออกแบบโดย รองจิตต์สิงห์ สมบุญ Head of Designer Playhound by Greyhound และทีม

พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ช่วยสร้างประวัติศาสตร์แห่งวงการแฟชั่นไทยมายาวนาน มาสัมผัสมุมมองที่พวกเขามีต่อเวทีแอล แฟชั่น วีค และคัมภีร์การก้าวขึ้นสู่ความเป็นสากล

ซีเนด้า ทีโอรี่ คู่แอล มา 14 ปี

21 ปีแล้ว ที่ซีเนด้าโลดแล่นอยู่บนถนนแฟชั่นเมืองไทย ปัจจุบันโกอินเตอร์ไปจำหน่ายแล้วเกือบทุกหัวเมืองใหญ่ๆ ของโลก อาทิ นิวยอร์ก ลอสแองเจอลิส โตเกียว ฯลฯ ลี่ชนิตา ปรีชาวิทยากุล เล่าว่า 14 ปีแห่งการเดินทางบนเวทีแอล แฟชั่น วีค เธอยังจำได้ถึงโชว์แรกๆ บนเวทีแอล ซีเนด้าทำโชว์ร่วมกับดีไซเนอร์ท่านอื่นๆ ที่รู้สึกคุ้นชินกันดี ในยุคนั้นยังไม่มีดีไซเนอร์หน้าใหม่ๆ ผ่านไปสัก 5 ปี ก็เริ่มมีปรากฏการณ์ใหม่ๆ มีดีไซเนอร์หน้าใหม่ จากโชว์เล็กๆ ที่เซ็นทรัลชิดลม กลายเป็นเต็นท์ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ตั๋วเข้าชมหายากมาก ซึ่งทำให้เหล่านักออกแบบรู้สึกดี

 

“แอล แฟชั่น วีค ทำให้เราต้องทำงานอย่างมีตารางที่ชัดเจน คือ จบปารีส แฟชั่น วีค แล้ว ต้องมาทำแอล แฟชั่น วีค ตารางชีวิตทุกๆ ปีจะเป็นแบบนี้ เพราะเราทำโชว์ทุกปี วงการมีสีสันเพราะมีทั้งดีไซเนอร์หน้าเก่าและใหม่ มาร่วมกันทำงานก็เกิดความสนุกสนาน งานมีสีสันมากขึ้น แม้เป็นแบรนด์เก่าหรือแบรนด์ใหม่ก็ต้องกระตือรือร้น สร้างสรรค์งานกันไป พยายามทำงานอย่างดีที่สุด

ถ้าไม่มีแฟชั่น วีค ดีไซเนอร์ไทยก็ไม่สามารถผลักดันตัวเองได้ เพราะมีแอล แฟชั่น วีค เราต้องทำโชว์ เราพลาดไม่ได้ เพราะทุกแบรนด์สวยหมด เหมือนเป็นการแข่งขันอยู่บนรันเวย์ ทุกคนต้องพัฒนาตัวเองอยู่นิ่งไม่ได้ เมื่อก่อนคนคลั่งไคล้แบรนด์นอก แต่คนก็ยังเสพแบรนด์ไทย เพราะเรามีแฟชั่น วีค เขาสามารถสัมผัสความเป็นเอกภาพของดีไซเนอร์แบรนด์นั้นๆ ได้ ก็เกิดการติดตามคอลเลกชันของดีไซเนอร์อย่างต่อเนื่อง”

เวทีแอลจึงเป็นส่วนช่วยผลักดันแบรนด์ไทยก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์มากขึ้น

“ลี่คิดว่าก้าวแรก คือ ก้าวในประเทศให้แข็งแรงก่อน เพื่อสร้างการยอมรับในประเทศ แล้วค่อยก้าวออกนอกบ้าน การสร้างความตระหนักรู้ ต้องผลักดันพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อย่าหยุด จนคนสัมผัสกับแบรนด์ สปิริต จิตวิญญาณของแบรนด์ เวทีอินเตอร์เป็นเวทีที่หินมาก เพราะทุกคนเก่งหมด ถ้าเรามีพื้นฐานที่ดีฝึกจนชำนาญเราจะสู้เขาได้

ต้องยอมรับว่าแบรนด์จากทั่วโลกมีมากถึง 23 หมื่นแบรนด์ แบรนด์เราต้องแตกต่าง เพื่อทำให้คนหันมามอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีเอกลักษณ์และนิ่ง จนคนจดจำได้ มีการเตรียมพร้อมด้านคุณภาพอินเตอร์เนชั่นแนล สแตนดาร์ด ปรับการทำงานเป็นแบบอินเตอร์เนชั่นแนลมากขึ้น ปรับตัวเองให้เข้ากับซีซั่นของโลกให้ได้ สิ่งเหล่านี้สำคัญ

การค้นหาวัตถุดิบที่จะสู้แบรนด์อื่นๆ ได้ ล้วนเป็นการแข่งขันด้านคุณภาพไม่ใช่ด้านการดีไซน์อย่างเดียว จริงๆ คนไทยเก่ง แต่เรามักคิดว่าต่างชาติเก่ง ต่างชาติเขาคิดและปฏิบัติเพราะเขามีวินัย เขามีระบบที่ดี ฉะนั้นลี่อยากให้คนไทยรู้จักสร้างระบบให้ตัวเอง ถ้ามีระบบบริหารการจัดการที่ดี จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น”

เธียเตอร์ คู่แอลมา 8 ปี

ดีไซเนอร์และเจ้าของเธียเตอร์ จ๋อมศิริชัย ทหรานนท์ ห้องเสื้อไทยระดับตำนาน สัญลักษณ์แห่งงานฝีมืออันประณีตด้วยงานปักประดิษฐ์ที่สมบูรณ์แบบ เธียเตอร์มีความหมายที่ว่าด้วยจิตวิญญาณของการออกแบบงานศิลปะแฟชั่นร่วมสมัย และด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด และอยู่คู่วงการแฟชั่นไทยมายาวนาน 28 ปีแล้ว

ความรู้สึกของเธียเตอร์ต่อเวทีแอล แฟชั่น วีค ศิริชัย กล่าวว่า เวทีนี้เป็นเวทีที่เปิดให้กับนักออกแบบทั้งหน้าเก่าและใหม่ ให้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

“ผมมองว่า เวทีแอล แฟชั่น วีค เป็นการรวม คัดเลือกดีไซเนอร์ที่มีคุณสมบัติที่พร้อมมาทำแฟชั่นโชว์ร่วมกัน แอล แฟชั่น วีค จึงถือเป็นตัวจักรสำคัญในการสยายปีกของวงการแฟชั่นไทย ให้เป็นไปในระดับสากล ให้ต่างชาติได้รู้ว่ากรุงเทพเมืองไทยมีการทำแฟชั่น วีค ขึ้นมา”

เธียเตอร์ทำแบรนด์มา 28 ปี สามารถก้าวขึ้นมายืนจุดนี้ได้ ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง หนึ่งคือตั้งใจ และเขาเป็นคนที่รักที่จะทำงานด้านแฟชั่น “ผมมีความรักและศรัทธา ซื่อสัตย์ อดทน และขยันอย่างต่อเนื่องที่จะทำอาชีพทำเสื้อผ้า พี่มองว่าจุดนี้ทำให้เรามายืนอยู่จนถึงทุกวันนี้” ศิริชัย เล่า

ด้วยศักยภาพการไปโชว์ในเวทีระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง แบรนด์เธียเตอร์สามารถโกอินเตอร์ได้อย่างสบายๆ แต่ศิริชัยสวนกระแสด้วยการไม่ทำส่งออก เพราะรู้ตัวเองดีว่ายังไม่พร้อมด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง

“เพราะผมเป็นคนทำงานสบายๆ มีการทำงานที่ไม่เป็นระบบ ฉะนั้นการที่จะทำเสื้อผ้าให้เป็นธุรกิจ ออกเป็นคอลเลกชันแล้วนำไปขายค่อนข้างยาก เหตุผลที่สองด้วยวัตถุดิบที่สร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้า เป็นวัตถุดิบที่เราสรรหามาจากที่ต่างๆ วัตถุดิบเหล่านั้นไม่มีสต๊อกเพื่อการผลิตปริมาณมากๆ จึงทำตามออร์เดอร์ไม่ได้ก็จะเกิดความเสียหาย ประกอบกับทีมงานเราไม่พร้อม”

แม้ไม่มีการทำการตลาดในต่างประเทศ แต่ด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์ ทำให้มีลูกค้าชาวต่างชาติมาเลือกซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เธียเตอร์ถึงประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชีย และตะวันออกกลางที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เธียเตอร์

“ผมมองว่าทำเสื้อผ้า ไม่ใช่แค่ทำเสื้อผ้า แต่ต้องมีใจรัก งานทุกงานมีความยากง่ายต่างกัน ทำเสื้อต้องอดทน ต้องรักในอาชีพ และต้องเข้าใจในศาสตร์นี้ ผมไม่ได้ทำอย่างอื่น ทำเสื้อผ้าอย่างเดียว ผมมุ่งมั่นกับการพัฒนาโครงสร้างทำแพตเทิร์น ดีเทล การดูผ้า การจัดการเสื้อผ้า เราต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ วางรากฐานของแบรนด์ด้วยตัวเองให้แข็งแกร่ง”

 

เกรย์ฮาวนด์ ทำโชว์ร่วมกับแอล 4 ครั้ง

รองจิตต์สิงห์ สมบุญ Head of Designer Playhound by Greyhound ดีกรีปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์และภาพไทย สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่ฉีกแนวมาทำงานด้านการออกแบบกับแบรนด์เกรย์ฮาวน์ และช่วยกันนำพาแบรนด์ก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์ไปจำหน่ายแล้วทั่วโลก ฮ่องกง มอสโก สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฝรั่งเศส สวีเดน ญี่ปุ่น ฯลฯ

ปีนี้ เกรย์ฮาวนด์กลับมาบนเวทีแอล แฟชั่น วีค อีกครั้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากเชฟโรเลต

“ถือว่าทั้งแอล แฟชั่น วีค และเชฟโรเลตให้เกียรติเรา แอลเป็นนิตยสารระดับโลกที่ให้เกียรติเพลย์ฮาวน์มาแสดงแฟชั่นโชว์ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว ปีแรกเราก็ได้มาร่วมโชว์ตั้งแต่ปีแรกๆ แล้วก็ไปๆ มาๆ เพราะเราคิดว่า นานๆ ได้โชว์ทีจะสร้างความแปลกใหม่และฮือฮากว่า”

จิตต์สิงห์ ยอมรับว่า เวทีแอล แฟชั่น วีค เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ดีไซเนอร์ไทยก้าวสู่ความเป็นอินเตอร์ได้มาก เพราะแอลคือเจ้าแรกๆ ที่จัดแฟชั่นโชว์ระดับประเทศ อีกทั้งยังเป็นนิตยสารระดับโลก ทำให้มีแรงผลักดันสูงพอควร ต่อไปก็อยู่ที่การจัดการ การออกสื่อต่างประเทศให้ได้มากแค่ไหน ยิ่งออกสื่อไปทั่วโลกก็ทำให้ต่างชาติรู้จักแบรนด์ไทยมากขึ้น

แบรนด์เพลย์ฮาวนด์อยู่ในตลาดมา 10 ปี ส่วนเกรย์ฮาวนด์อยู่ในตลาดมา 30 ปีแล้ว สิ่งที่ทำให้เกรย์ฮาวนด์อยู่มา 30 ปี เพราะหลักใหญ่ๆ คือ มีความเป็นตัวของตัวเอง มีเอกลักษณ์เฉพาะ แต่ละคอลเลกชันใส่ได้นานไม่ตกยุค ภาพรวมของทั้งสองแบรนด์คือ สามารถเคลื่อนตัวไปกับอนาคตได้อย่างไม่ขัดเขิน เป็นแฟชั่นที่ร่วมสมัย