posttoday

รักนี้ต้องรีเทิร์น

11 กันยายน 2555

โอ้ความรักโปรดมองฉัน บางเวลา เราพบกันเมื่อวันช้ำใจ เธอเข้ามา โอบกอดฉันไว้แผ่วเบา

โดย...เสน่ห์จันทน์

โอ้ความรักโปรดมองฉัน บางเวลา เราพบกันเมื่อวันช้ำใจ เธอเข้ามา โอบกอดฉันไว้แผ่วเบา โอ้ความรักที่อ่อนหวาน โปรยความงาม พาหัวใจฉันลอยล่องไป ดูซิดู เธออยู่ไหนเจ้าความรักฉันอยาก (พบเธอ) มองจันทราเวลาฟ้าดำ บอกทะเลฉันคงเข้าใจ มีความงามขึ้นมาครั้งใด เป็นพบเธออยู่ข้างใน เธอทำให้โลกสดใส แล้วก็ทำให้ฉันเศร้าใจ เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันได้ เป็นเพราะเธอ.

แม๊ะแหม...เนื้อเพลง “เลิฟ” ของวงพาราด็อกซ์ช่างโดนใจเสียจริง โดยเฉพาะท่อนที่ว่า “เธอทำให้โลกสดใส แล้วก็ทำให้ฉันเศร้าใจ เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันได้ เป็นเพราะเธอ” ทำให้พบสัจธรรมของความรักที่มีทั้งสุขและทุกข์ อันไหนจะมากจะน้อยกว่ากันนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ “คนสองคน” แต่ถ้าเผลอมี “สามคน” เมื่อไหร่ละก็ ไม่ต้องเดากันแล้วล่ะนะ ว่า อันไหนจะมากกว่ากัน รู้แต่ว่า...รักนี้ไม่สงบ (ฮา)

ความรักของคนดังในวงการบันเทิงก็เช่นกัน แม้ภาพพจน์ภายนอกที่เราเห็นผ่านหน้าจอทีวีและตามสื่อต่างๆ จะสวยหล่อเหมาะสมกัน ดูสวีตหวานแหววยังกะคู่รักหลุดออกมาจากโลกนวนิยายโรแมนซ์ มุมความรักของคนบันเทิง ที่ผู้เสพบันเทิงอย่างเราเห็นกันเสียจนชินชาก็คือ รักๆ เลิกๆ ประเดี๋ยวก็สตาร์ตใหม่ เป็นโลกของคนสวยหล่อมาป๊ะกันแล้วสปาร์กกัน ทว่าในมุมมองของพวกเขานั้น มีสุขเศร้าเจ็บช้ำไม่ผิดแผกจากความรักของมนุษย์ไม่ว่าคู่ไหนๆ โดยเฉพาะต้องพานพบ 2 คำเหมือนกันคือ สุข และ เศร้า

รักนี้ต้องรีเทิร์น

 

หลายคู่ในวงการบันเทิงที่เลิกรักและแยกย้ายกันไป แต่ก็ยังมีอีกหลายคู่ที่พัดหวนให้กลับมารักกันหวานชื่นอีกครั้ง...

อย่างคู่แรก “โฟร์–ศกลรัตน์ วรอุไร” กับ “พิชญ์–พิชญ์ กาไชย” ความรักที่ก่อเกิดภายใต้ชายคาอาร์เอส คบกันมานานถึง 6 ปี แต่ก็เกือบไปไม่ถึงฝั่ง เพราะก่อนหน้านี้ฝ่ายหญิงได้เอ่ยปากขอไปใช้ชีวิตในแบบของใครของมัน เพราะทนนิสัยเด็กๆ ไม่รู้จักโตของฝ่ายชายไม่ได้ แถมยังติดเพื่อนมากกว่าติดแฟน แต่นาทีนี้ทั้งคู่กลับมาเติมความหวานให้ความรักกันอีกรอบ หลังจากฝ่ายชายให้คำมั่นว่า ผมจะโตเป็นผู้ใหญ่และยอมห่างๆ เพื่อน

“เขาติดเพื่อน แฮงเอาต์บ่อย ปัญหามันก็มีมาเรื่อยๆ เราก็ปล่อยให้เขาไปทำตามใจตัวเองล่ะกัน แต่พอเพื่อนเขามีแฟนหมดเขาก็คงเหงา ก็กลับมา พอเขากลับมาเราก็มาคุยกันใหม่ อะไรที่เราไม่ชอบ ถ้าเขายังแก้ไขไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ที่จะมาคบกันอีก แต่เขาก็รับปาก ก็ดีค่ะ

ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร โฟร์สามารถให้อภัยได้หมด เพราะทุกเรื่องมีเหตุมีผล (แม้กระทั่งนอกใจหรอ) นอกใจต้องมานั่งคุยกัน อาจเป็นเราไม่มีเวลาหรือเราทำอะไรพลาดไปก็ได้ แต่เรื่องที่ไม่ให้อภัยเลยก็คือ เรื่องทำให้ครอบครัวเราเสียใจ มาทำอะไรเกี่ยวกับคนในครอบครัวเรา เรื่องนี้ไม่ต้องมาคุยกันเลยเพราะคนเราถ้ารักกันไม่ควรมาทำอะไรไม่ดีกับครอบครัวเรา”

ส่วนคู่นี้เกือบปิดตำนานรักข้ามค่าย เพราะความเจ้าเสน่ห์และเป็นกันเองเข้ากับผู้คนได้ง่ายของฝ่ายชาย ถึงขั้นมีเมสเซจหยอดคำหวานกับสาวอื่น แต่ในที่สุด “ปั้นจั่น-กวิน อิ่มอโนทัย” ก็สามารถรีเทิร์นพิสูจน์ความรักเดียวใจเดียวที่มีต่อ “ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์” ได้สำเร็จ

รักนี้ต้องรีเทิร์น

 

“ตอนนี้ที่เขาบอกเลิกตกใจมาก” ปั้นจั่นเล่าย้อนถึงนาทีที่ความรักขาดสะบั้น แต่ก็ยืดอกแมนๆ รับเป็นความผิดของตัวเองเต็มๆ “เป็นความผิดของผมเอง เหมือนผมกลัวความรักก็ว่าได้ พอเรารู้สึกว่ามันจริงจัง กลัวพลาดกลัวผิดหวัง เพราะปกติเราก็เป็นผู้ชายเรื่อยๆ เปื่อยๆ เป็นอย่างนี้ของเรา ผู้ชายทุกคนมีความเจ้าชู้ แต่เราควบคุมมันได้ดีแค่ไหน เราให้ความสำคัญกับความรักของเรามากแค่ไหน ของผมมองคนนี้น่ารักแต่ไม่มีคบซ้อน ตามประสาผู้ชายก็เอนจอย เอนเตอร์เทนกับผู้ชายผู้หญิง เล่นได้หมด เล่นด้วยการแซวแต่เตะเนื้อต้องตัวไม่เคยมี ทุกคนจะบอกว่าผมเจ้าชู้ แต่ตัวผมรู้ดีว่าคิดอะไร ก็ชัดเจนว่าผมมีใคร ถ้าตามทางโซเชียลเน็ตเวิร์กผมไม่ได้ปิดปังเลย”

ใช้ความจริงใจพิสูจน์รัก “ผมเสียใจที่อาจจะทำอะไรที่พลาด แต่เมื่อเราได้มาเจอคนดี คนน่ารัก เรียนดี ครอบครัวดี มันไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นะ ผมก็พยายามขอโอกาสพิสูจน์ตัวเอง เหตุการณ์ครั้งนั้นผมได้บทเรียนเลย ในจุดยังไม่โตเท่าวันนี้ ในเรื่องของการคบใครคนหนึ่ง บทเรียนที่สอนคือความอดทน การให้ การไม่เห็นแก่ตัว เมื่อก่อนผมก็เข้าใจว่าผมได้ให้แล้วนะ แต่พอเรามานั่งคุยกัน กลายเป็นว่าสิ่งที่เราคิดว่าเราให้แต่เราให้ไม่จริง มานั่งลำดับเรื่องราวเรานึกว่าเราทำเพื่อเขาเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าเราเห็นแก่ตัวนี่หว่า เราโวยวายโทษแต่เขา พอมาย้อนดูตัวเป็นเราเองที่ผิด ผมโชคดีที่น้องเขาคิดแบบนี้เหมือนกัน ต่อไปนี้มีอะไรเราก็จะมาคุยกันตรงๆ ผมว่าบางทีการทะเลาะกันบ้างก็ดี แต่ทุกอย่างจบลงด้วยการเข้าใจกันมากขึ้น เราได้เรียนรู้ไม่กลัวที่จะทะเลาะกัน เพราะสุดท้ายเราได้นำมาแก้ไข”

แม้จะกลับมาคบกันอีกครั้ง แต่ทุกวันนี้ปั้นจั่นก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่ทุกๆ วัน “ผมไม่ได้พิสูจน์ตัวเองแค่ตอนขอคืนดี แต่วันนี้ก็ยังต้องพิสูจน์ต่อไป เพราะผมจริงจังกับน้องเขา การจริงจังของผมคือการดูแลกันไปวันต่อวัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ต้องพิสูจน์ตัวเองอยู่ทุกวัน เป็นธรรมชนะที่เราคบๆ กันไป ความหวานที่จะลดลงเราก็แค่หมั่นเติมมันแค่นั้นเอง ทุกวันนี้ผู้หญิงเข้ามาหาผมน้อยมาก แทบไม่มีเลย อย่างแรกเพราะผมงานยุ่ง ไม่ได้ไปสถานที่สุ่มเสี่ยง ไม่ได้สังสรรค์เฮฮา ประเด็นสำคัญทุกคนรู้ว่าผมมีแฟน เพราะผมเปิดเผยมาก เอ๊ะหรือเราไม่ฮอต (หัวเราะ)”

รักนี้ต้องรีเทิร์น

 

มาถึงคู่ที่เป็นข่าวครึกโครมสำหรับ “น้ำฝน-พัชรินทร์ จัดกระบวนพล” กับ “อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม” ที่ฝ่ายชายเล่นเสียวคุยไลน์กับสาวประเภทสองนามว่า “พลอย” ถึงขั้นไปจอดรถรอที่หน้าคอนโด เมื่อเรื่องแดงขึ้นมาคนที่บอบช้ำที่สุดก็คือ น้ำฝนแฟนสาวตัวจริงเสียงจริงที่ถูกหยามเกียรติ นาทีแรกน้ำฝนโกรธจนควันออกหู มีแต่คำว่า “เลิก เลิก” ลอยวนอยู่ในหัว

“ฝนโกรธมาก หลังจากนั้นไม่ฟังอะไรอีกเลย แต่ไปฟังจากคนอื่น ซึ่งยิ่งฟังยิ่งแย่ เสียใจมาก ตอนนั้นก็คิดว่าเราต้องเลิกกันแล้วล่ะ เพราะ 5 ปีที่คบกันมาเราไม่เคยมีข่าวเสียหาย หรือตั้งแต่ฝนเข้าวงการมาเลยก็ได้ฝนยังไม่เคยมีข่าวที่กระทบกระเทือนจิตใจเสียหายอย่างข่าวนี้มาก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อนฝนคงเลิกไปแล้วเพราะใช้อารมณ์ตัดสินใจ แต่ตอนนี้เราใช้เวลาตัดสินใจ เลยได้มีเวลามาคิดถึงข้อเท็จจริง” น้ำฝนเล่าถึงเหตุการณ์ที่รู้ข่าวด้วยน้ำเสียงระรื่น เพราะตอนนี้เธอได้ให้อภัยแฟนหนุ่มแล้วนี่นา...

“ตอนแรกฝนไม่ทราบความจริง แต่พอเราตั้งสติได้ ได้ฟังเรื่องราวจากหลายๆ ทาง ก็เข้าใจความผิดของเขามีแค่นี้คือคึกคะนอง นอกนั้นเขายังไม่ได้ทำอะไรเสียหายก็ให้อภัยได้ การที่เราให้โอกาสเขา ฝนทำไปแล้วมีความสุขหรือเปล่า เราเลือกแบบไหนแล้วมีความสุข ดูเหตุผลหลายๆ อย่าง เหตุผลต้องมาจากข้อเท็จจริง ถ้าเรามีความโกรธเราจะไม่มองเหตุผลที่แท้จริง เรามองแค่ข่าว แต่ถ้าเรารู้ เราจะรู้ว่าถ้าเขาผิดแค่นี้ ในส่วนที่เรารู้ก็ไม่ร้ายแรงจนให้โอกาสไม่ได้ แต่ที่จริงความผิดที่ฝนให้อภัยไม่ได้คือการนอกใจ (หัวเราะ) แต่อันนี้ความจริงเขาไม่ได้นอกใจ มีช่วงที่คึกคะนอง เขาก็สัญญาว่าจะไม่คึกคะนองแบบนี้อีกแล้ว แต่ที่เขาทำมันดีมากในแง่ของจิตใจ คือเอาพวงมาลัยมาขอโทษแม่ฝน ส่วนฝนเขาก็ตุ๊กตาคิตตีและมีจดหมายเสียบอยู่ ฝนก็นึกในใจว่าเห็นเราเป็นเด็ก 5 ขวบหรอ เอามาหลอกล่อ”

รักนี้ต้องรีเทิร์น

 

นอกจาก 3 คู่รักที่กลับมาหวานกันได้อีกครั้งแล้ว ยังมีอีกหลายคู่ที่ฟันฝ่ามรสุมมาด้วยกันจนเรือรักแทบอับปางลง แต่ก็สามารถกู้กลับคืนมาได้บ้าง แม้จะยังไม่สวยหรูเหมือนเดิมก็ตามที เช่นคู่ของ “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” กับแฟนรุ่นน้อง “ติ๊งโน้ต-ฐิติพงศ์ วโรกร” ที่หมดโปรโมชันหวานเคยเฝ้าตามติดกันทุกที่ แต่ตอนนี้ก็ทางใครทางมันจากเหตุการณ์ที่บุ๋มโกรธติ๊งโน้ตไม่ยอมดูแลในช่วงที่ประสบอุบัติเหตุ จนลามไปถึงพ่อแม่บุ๋มด้วยที่รู้สึกไม่พอใจถึงขั้นสั่งให้เลิก แต่ฝ่ายลูกสาวก็ยังยืนยันอยู่ว่า ตอนนี้ยังไม่เลิกเพียงแค่ห่างๆ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของติ๊งโน้ตว่าจะสามารถกลับมาเป็นคนสนิทชิดตัวบุ๋มได้อีกครั้งหรือไม่

คู่มหากาพย์ตำนานรักสามเส้าระหว่าง “เป๊ก-สัณชัย เองตระกูล” กับ “ธัญญ่า ธัญญาเรศ” และ “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” ก็ยังลุ้นๆ รีเทิร์นหลังจากแยกเตียงแยกบ้านกันนอนมาร่วม 2 ปี แต่ที่ว่ารีเทิร์นหมายถึงเป๊กกับธัญญ่านะ ไม่ใช่เป๊กกับพิ้งกี้ แต่คู่นี้ฝ่ายหญิงใจแข็งชะมัด ฝ่ายชายก็ไม่ยอมแพ้ เพราะอย่างน้อยๆ ก็ยังมีลูกสาวน้องลียาเป็นโซ่ทองคล้องใจอยู่ คงมีโอกาสให้กลับมาร่วมหอลงโรงด้วยกันอีกครั้ง

ส่วนคู่นี้จบแบบแฮปปี้เอนดิงถึงขั้นเซ็นใบหย่ากันไปแล้ว ก็กลับมาเซ็นใบสมรสกันอีกครั้ง แถมยังขยันกอดขยันหอมโชว์ออกสื่ออีกด้วย นั่นคือคู่ของ “เสก โลโซ” กับภรรยา “กานต์-วิภากร ศุขพิมาย” แบบนี้เรียกว่าคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันไปได้...