posttoday

ดาราดอกเตอร์ (และบรรดาว่าที่...)

23 เมษายน 2555

ชีวิตในวงการบันเทิงมีวงรอบหมุนเวียนเปลี่ยนไปเสมอ ดาวดวงใหม่ฉายแสงแจ้งเกิดทุกวัน คนดังบางท่านจึงมีหนทางอาชีพอื่นรองรับไว้

โดย...ณัฐพล ช่วงประยูร

ชีวิตในวงการบันเทิงมีวงรอบหมุนเวียนเปลี่ยนไปเสมอ ดาวดวงใหม่ฉายแสงแจ้งเกิดทุกวัน คนดังบางท่านจึงมีหนทางอาชีพอื่นรองรับไว้ พร้อมด้วยหัวใจใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา นำพาตัวเองไปยืนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ

วันนี้ 2 คนดังสายบันเทิงที่ทุ่มเทให้กับการเรียนจนมาถึงระดับปริญญาเอก มาร่วมแบ่งปันความคิดและปลูกจิตเรียนรู้กับแซ่ดวันนี้ “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” และ “หมวย-อริสรา กำธรเจริญ”

ปนัดดา วงศ์ผู้ดี – ‘ความรู้คู่การงาน’

ดาราดอกเตอร์ (และบรรดาว่าที่...)

หลังจากที่ “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” จบปริญญาตรี บริหารธุรกิจ สาขาการจัดการทั่วไป เธอก็เรียนปริญญาโทใบแรก คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยวอลลองกอง ประเทศออสเตรเลีย

จากนั้นเรียนปริญญาโทใบที่ 2 ณ เซาท์ออสเตรเลีย ด้านปรัชญาบริหารธุรกิจ ระหว่างนั้นเรียนแทรก เรียนเสริมเพิ่มประกาศนียบัตรพิเศษอีก 7 ใบ อาทิ พาณิชยนาวี จากจุฬาฯ การอบรมพิเศษการพูดในที่ชุมชน การบริหารข้ามวัฒนธรรม จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ภาษาอังกฤษสำหรับงานวิชาการ จากมหาวิทยาลัยนิวนิวเซาท์เวลส์ และเกี่ยวกับบาร์เทนเดอร์ จากออสเตรเลีย ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Cocktail ที่ทอม ครูซ แสดง

“บุ๋มให้ความสำคัญกับการศึกษามาก ถือเป็นหน้าต่างและโอกาสสำคัญที่จะนำเราไปสู่งาน หรืออาชีพอื่นๆ ได้ แม้อาชีพในวงการบันเทิงจะทำให้เรามีรายได้เยอะก็จริง แต่ไม่ได้มั่นคงยาวนานค่ะ ถ้าเราเก่ง มีความรู้ และทักษะต่างๆ ก็เป็นที่ยอมรับง่ายขึ้น พร้อมที่จะทำงานในทักษะความรู้อื่นๆ ได้มากขึ้น

การเรียนมาถึงในระดับสูงไม่จำเป็นต้องฉลาดมาก สำคัญที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีความตั้งใจในห้องเรียนเป็นหลัก เมื่อเราเข้าใจแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษเสริมเพิ่มเติมเลย สำคัญอีกประการ คือ ต้องรู้จักจัดสรรเวลาให้ดี บางทีเราไม่เข้าใจในบางวิชาก็ถาม ก็ค้นคว้าเพิ่ม เรื่องแบบนี้เราต้องขวนขวาย และหาประสบการณ์เพิ่มยามว่าง ช่วงปิดเทอมบุ๋มก็จะรับแปลเอกสาร รับสอนพิเศษภาษาอังกฤษตามบ้าน นอกจากจะเสริมรายได้แล้วยังเพิ่มศักยภาพของตัวเรา รวมทั้งได้ทบทวนวิชาความรู้ไปพร้อมกัน ไม่ใช่แค่เรียนๆๆ อย่างเดียว ในวันข้างหน้าเราจะรู้จักเลือกและหยิบสิ่งต่างๆ มาปรับใช้กับงานได้

ทุกครั้งที่คิดจะเรียนอะไร บุ๋มเลือกในสิ่งที่สนใจอันดับแรก อย่างการเรียนบาร์เทนเดอร์นั้น เราทำงานพิธีกร ทำงานบันเทิง ไปออกงาน ก็จะมีมาด มีความรู้เกี่ยวกับการดื่มกิน ไม่ได้ว่าชอบดื่มเหล้า แต่มันเติมเต็มมุมอื่นๆ ในการงาน บุ๋มรักที่จะเรียนรู้และอ่านหนังสือตลอด ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้อยู่ได้เพราะพูดเก่ง แต่เราอ่านเยอะ เราก็รู้มาก ก็มีอะไรพูดได้ เอามาเสริม มาซ่อมแซมในส่วนที่เราไม่เก่ง จำเป็นต่องานพิธีกรมาก

มาถึงตอนนี้ศึกษาปริญญาเอก ด้านบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต อยู่ในระหว่างการทำดุษฎีนิพนธ์ หัวข้อเกี่ยวกับแบรนดิง ซึ่งมีเคสหลักจากธุรกิจของเรา บีเอสซี ปนัดดา เครื่องสำอางของตัวเอง คุณพ่ออยากให้จบระดับปริญญาเอกเร็วๆ แต่บุ๋มบอกว่า อาชีพวงการยังต้องใช้ความสาวอยู่ ตรงนี้คงอยู่กับเราไม่นาน ขอทำให้เต็มที่ก่อน เพราะความสาวรอไม่ได้ แต่งานวิชาการยังรอได้ (หัวเราะ) แต่ก็ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ค่ะ”

อีกไม่นานนักเราคงได้เรียนเธอว่าเป็น ดร.บุ๋ม กันแล้ว

อริสรา กำธรเจริญ- การศึกษาทำให้คน ‘องอาจ’

ดาราดอกเตอร์ (และบรรดาว่าที่...)

ดร.หมวยอริสรา กำธรเจริญ จบปริญญาตรีโทและเอก จากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในระดับปริญญาตรี ศึกษาด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ระดับปริญญาโท สาขาบริหารสื่อสารมวลชน และปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิต สาขาสื่อสารการเมือง

“การศึกษาคือการลงทุนค่ะ เราอาจไม่เห็นผลกำไรในปีเดียว แต่รู้ไว้เถอะว่ามันเปลี่ยนชีวิตคนได้ ถ้าเรียนดี คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นได้ โชคดีที่บ้านให้ความสำคัญและสนับสนุนเรื่องนี้มาตลอด คุณแม่ของหมวยไม่ได้ลงทุนกับที่ดินหรือทรัพย์สินอื่น แต่ลงทุนกับการศึกษาของเรา ให้ไปอยู่ในโรงเรียนที่มั่นใจว่าดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ต้องขอบคุณที่บ้าน

ตัวหมวยเองชอบเรียนอยู่แล้ว เด็กๆ อยากเป็นครู แต่จับพลัดจับผลูได้มาทำงานตรงนี้เสียก่อน การทำงานตัวเราอยู่ในแวดวงทีวีซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสูง วันหนึ่งน่าจะได้นำความรู้ด้านการสื่อสารมวลชนภาคปฏิบัติทั้งข่าวและละครกลับไปสอนในห้องเรียนได้ ในอนาคตจะมีโอกาสกลับไปสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะมีความตั้งใจว่าจะกลับไปถ่ายทอดวิชาความรู้กับน้องๆ ทุกคน

ไม่ว่าเรียนระดับไหนก็ต้องใช้ความมานะพยายามทั้งนั้น การเรียนถึงระดับปริญญาเอก หมวยว่าคนที่จะฝ่าฟันมาได้ต้องอดทน เพราะเราเผชิญแรงกดดันมาก เวลาเขียนงานไม่ออก ก็ต้องทำให้ได้ ต้องผ่านคอร์สเวิร์กไป ถ้าไปถึงจุดนั้นได้ วิชาการทำให้เราเก่งเท่ากัน แต่จะจบหรือไม่จบ อยู่ที่ใครจะอดทน ทำวิจัย เผชิญอุปสรรคไปได้ เพราะเราต้องเจอทั้งตำราไทยและอังกฤษ ระหว่างบรรทัดก็ต้องตีความ

จำได้ว่าต้องพยายามอย่างหนัก ท้อก็หลายหน แต่การเรียนปริญญาเอกทำให้เราเป็นคนครุ่นคิดตลอดเวลา มีการแย้ง การถกกันด้านวิชาการ เราต้องแก้ปัญหา ตั้งคำถาม และหาคำตอบ ทำให้เราได้ฝึกฝนตัวเองมาก มองย้อนกลับไปแล้วคุ้มค่าและภูมิใจ เพราะมันทำให้เราได้ท้าทายตัวเองขณะที่อยู่ในช่วงวัยที่ยังมีพลัง

อยากบอกทุกคนว่า ไม่ว่าคุณจะเรียนถึงระดับไหนแล้วก็ตาม หรือแม้แต่บางคนต้องออกมาทำงานเพราะมีความจำเป็น ก็อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ เพราะต้องขวนขวายและไขว่คว้าหาโอกาสในการศึกษา ยิ่งถ้าคุณได้เรียนสูงๆ แล้ว มีโอกาสมากกว่าคนอีกหลายเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้เรียน ต้องไม่หยุด ไม่ท้อ ทำต่อให้จบ

การศึกษาเปลี่ยนเรา แค่จบ ป.3 กับ ป.6 ก็ต่างกันแล้ว การศึกษานั้นทำให้เราได้ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี สังคมที่ดี การงานดีๆ แล้วชีวิตก็ดี หมวยว่า การศึกษาทำให้คน “องอาจ” ขึ้น