เก่งจังนะตัวแค่นี้ ‘โก๊ะตี๋’ ตลกร้อยล้าน

โดย...แซบซ่าส์

เรียนน้อยมิใช่ปัญหา เงินไหลมาเทมาจนกระทั่งเป็นหลักล้าน หลักร้อยล้าน!

มิได้มีเจตนาส่งเสริมให้น้องๆ ไม่สนใจเรียน พากันออกมาทำมาหากินหรือเล่นตลกกันจนหมดนะ เพียงแต่อยากเสนออีกแง่มุมว่า ถ้าคนเราไม่มีโอกาสเรียนสูงๆ ก็ใช่ว่าจะอับจนหนทางสร้างเงินสร้างรายได้ให้ร่ำรวยได้ แต่แม้ว่าเรียนน้อย แต่ตั้งใจ คิดดี คิดเป็น ขยันทำมาหากิน สู้ไม่ท้อถอย แล้วโอกาสจะมีเงินมีรายได้เป็นกอบเป็นกำก็มีเหมือนกัน คนที่นำเสนอวันนี้ เรียนน้อยแต่สร้างรายได้เป็นร้อยล้านกันได้ ทั้งเก่ง ทั้งเฮง ครบสูตร

ตลกคิวทอง งานเดิน เงินเข้า

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ตลกเตี้ยล่ำ หุ่นจ้ำม่ำน่ากอด โก๊ะตี๋ อารามบอย หรือชื่อจริงว่า เจริญพร อ่อนละม้าย แม้จะเข้าสู่วัย 32 ปี แต่ภาพลักษณ์ของเขาก็ยังแลดูเป็นเด็กอยู่เสมอ วันนี้ถือว่าเขาเป็นตลกแถวหน้าของเมืองไทยที่มีงานเข้าตลอดเวลา ทั้งละคร ภาพยนตร์ พิธีกร ซิตคอม โฆษณา ไม่เวอร์เกินไป ที่ระยะหลังๆ หนังที่เขาเล่นเกือบทุกเรื่องมักจะมีรายได้ทะลุร้อยล้านเสมอ

ชี้ชัดได้ว่า ณ นาทีนี้ เขาเป็นตลกที่เล่นหนังเยอะที่สุดนับแล้วน่าจะได้เกือบ 30 เรื่อง จากเริ่มต้นค่าเหนื่อยแค่เรื่องละไม่กี่หมื่นบาท วันนี้เขาฟันค่าตัวเรื่องละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท พิธีกรงานอีเวนต์ครั้งละไม่ต่ำกว่า 7-8 หมื่นบาท โอ้โห!!! ไม่ธรรมดานะค้าคุณ ราคาค่าตัวอ่ะ ไม่แพ้ระดับพระรอง นางรอง เลยนะ

จากบทถนัดที่เราจะผ่านตาบทบาทของเขาแบบตลกขบขัน เริ่มขยายแนวมาสู่หนังรัก และต่อไปเขาอยากเล่นบทหนักๆ ใช้อารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตลกโปกฮา และแน่นอนว่าขอลองอีกสักครั้งในการเป็นผู้กำกับ

“ผมเคยกำกับมาแล้ว 2 เรื่อง แต่ไม่เวิร์ก จะว่าไปหนังก็ไม่ขี้เหร่นะครับ แต่มาเจอประท้วงเหลืองมั่ง แดงมั่ง ช่วงหนังผมเข้าพอดีก็เลยจบเห่ ถ้าจะทำอีกครั้งต้องดูจังหวะเวลาให้เหมาะสมลงตัวกว่านี้ อยู่ในวงการนี้มา 17-18 ปีแล้ว ประสบการณ์พอสมควร บ่มเพาะอีกสักหน่อยผมว่าน่าจะพอเอาอยู่นะกับการเป็นผู้กำกับ”

ทุกวันนี้โก๊ะตี๋ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ เดือน เม.ย.นี้หนังภาคสองปล้นนะยะ กำลังจะเข้าโรง พิธีกรอีก 3-4 รายการ ซิตคอมอีก 2 เรื่อง งานอีเวนต์เดือนละไม่น้อยกว่า 10 งาน และอีกบทบาทในฐานะนักธุรกิจเจ้าของร้านข้าวมันไก่ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 18 สาขา

บทบาทใหม่ใหญ่กว่าเดิม

ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ข้าวมันไก่โก๊ะ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ที่ร่วมหุ้นกับญาติๆ และเพื่อนๆ พี่ๆ ในวงการมีอยู่ 12 สาขา และอีกส่วนที่ร่วมกับบริษัท พระนครฟิล์ม อีก 6 สาขา และตั้งเป้าว่าจะขยายสาขาภายในสิ้นปีนี้อีกไม่น้อยกว่า 10 สาขาใน กทม.

แผนต่อไปในปี 2556 จะขยายไปหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดอีก 5-10 สาขา พร้อมๆ กับการออกรถโมบายขายข้าวมันไก่เฉพาะกิจอีก 3 คัน เพื่อไปขายยังงานกาชาด คอนเสิร์ตใหญ่ๆ เช่น มันใหญ่มาก ที่เขาใหญ่ เป็นกองทัพมดไปยังที่ต่างๆ

ร้านข้าวมันไก่ถือเป็นเมนูหลัก แต่จะมีเมนูเสริมเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่ เกี๊ยวกุ้ง อาหารสายกลางที่คนไม่กินเนื้อและไม่กินหมูก็รับประทานได้อย่างไม่กังวลใจ รวมทั้งจะมีของหวานและของว่าง เช่น หมี่กรอบ ปั้นสิบ ให้ถือติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านอีกด้วย และแน่นอนว่า เขาก็มีแผนจะขยายสาขาไปต่างประเทศใกล้เคียงอีกด้วย

โอ๊ะๆ..ฟังแผนการ วิธีคิดของเขาแล้ว ในไม่ช้าเขาน่าจะเป็นคนที่รวยไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน

พูดได้อย่างเต็มปากว่าเขาเป็นตลกที่คิดเป็น วางแผนชีวิตดี เหตุที่เขาคิดเปิดร้านข้าวมันไก่ ก็เพราะกลัวว่าวันหนึ่งที่ไม่มีงานแล้วจะอดตาย เลยหาอาชีพสำรองไว้ก่อน

“ผมไม่อยากแก่ตัวแล้วไม่มีกิน ไม่มีเงินซื้อโลง เวลาเจ็บป่วยต้องมีคนมาจัดงานระดมหารายได้ช่วย วงการบันเทิงรายได้ดีจริง แต่มันก็ไม่แน่นอนมีขึ้นมีลง เด็กใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน จะมีงานต่อเนื่องไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้

แล้วก็อยากหาอาชีพให้กับญาติๆ เกือบ 30 ชีวิตให้มีงานทำ เพราะเขาไม่มีอาชีพกันเลย ถ้าผมตกงานอีกคนก็คงอดตายกันทั้งบ้าน”

นอกจากมีธุรกิจข้าวมันไก่ โรงเรียนสอนการแสดงแล้ว โก๊ะตี๋ยังลงทุนในทองคำ เรียกว่าทุกครั้งที่มีรายได้ก้อนใหญ่เขาจะแบ่งเอาไปซื้อทองคำเก็บเอาไว้ แอบถามว่ามีกี่บาท โก๊ะตี๋บอก...จำไม่ได้ ส่วนที่ดินก็ซื้อไว้บ้างแต่ไม่มากนัก มาถึงวันนี้เขาบอกว่าชีวิตเขามาไกลเกินฝัน จากเด็กยากจนจบแค่ ป.6 มาแค่นี้ก็ดีมากแล้ว

ตอนนี้ที่เขาจะทำ คือ พยายามสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง ว่าจะทำอย่างไรให้แก่ตัวแล้วไม่ลำบาก เจ็บไข้ได้ป่วยแล้วมีเงินรักษาและทำให้พี่ๆ ญาติๆ มีอาชีพเลี้ยงตัวกันได้

รายได้ดีแต่มีภาระเยอะ

ถึงวันนี้ที่กลายเป็นตลกร้อยล้าน มีงานทุกวัน มีธุรกิจที่ดูดีมีอนาคต อดถามเขาไม่ได้ว่า จริงๆ แล้วมีเงินถึงร้อยล้านจริงป่ะ?... โก๊ะตี๋ยิ้มขมขื่น... “ผมเหมือนตุ่มรั่วอ่ะพี่ หาเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม วันนี้มีค่าใช้จ่ายทั้งส่วนตัวและเลี้ยงคนในบ้าน 30 ชีวิต ต้องหาให้ได้เดือนละเกือบ 3 แสนบาท ไม่งั้นไม่พอ จะพาแม่ไปเที่ยวเมืองนอกสักครั้ง ต้องพ่วงพี่ชาย พี่สะใภ้ หลานๆ เคยจะไปญี่ปุ่นนับไปนับมาเกือบล้านห้า โห...ถอยก่อนดีกว่า คนมองเห็นแต่ตอนผมรับ แต่ไม่เห็นตอนจ่าย ที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อให้แม่สบายใจ ผมไม่ทำก็ตกหนักที่แม่”

กระนั้น เขาก็บอกอย่างมีความหวังว่า ที่ทำร้านข้าวมันไก่ก็หวังว่าจะทำให้ทุกคนมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเองกันบ้าง เขาจะได้หายเหนื่อยใจเสียที

เรื่องเงินเก็บน่ะหรือ เขาบอกว่าถ้ามีสัก 10 ล้านก็บุญโขแล้วครับ

ชายในดวงใจ... แบบอย่างของโก๊ะตี๋

อยู่ในวงการมา 17 ปี มีทั้งช่วงรุ่งเรืองและร่อแร่ เข้าวงการใหม่ๆ ตอนยังเด็กๆ ก็ดังเป็นพลุแตกอยู่หลายปี แต่ก็พลาดเหลิงกับชื่อเสียงเงินทอง จากเด็กบ้านนอกจนๆ เงินทองไม่เคยมี พอมีเข้าหน่อยก็เหลิง ลืมตัว นิสัยเสีย จนคนระอา งานหายไปพักใหญ่ๆ จนกระทั่งคิดได้ปรับปรุงตัวเองใหม่ เจียมเนื้อเจียมตัว รู้จักสัมมาคารวะ คนก็ให้โอกาส ก็เลยดีต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้

“โชคดีว่ายังกลับตัวทัน ได้เจอผู้ใหญ่ที่ดีคอยสอน คอยเตือน อยู่กับผู้ใหญ่ที่มีเมตตา เลยคิดได้คิดเป็น”

อยากรู้ละซิ ว่าใครที่เป็นไอดอลของเขาบ้าง

หนังทุกเรื่องของ ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ต้องมีโก๊ะตี๋เสมอ ขาดเธอเหมือนขาดใจ โก๊ะตี๋ บอกว่า เขารักนับถือพี่ยอร์ชมาก เป็นพี่ที่เขาคุยได้ทุกเรื่อง จะดีใจเสียใจ สุขทุกข์อย่างไรให้คำปรึกษาได้หมด และพี่ยอร์ชก็จะสอนเขาเหมือนเพื่อน เป็นคนที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่งมาก เป็นฮีโร่ในใจของเขาเลย ทุกครั้งที่เขาเสียใจ พี่ยอร์ชจะตบไหล่แล้วบอกว่าแล้วมันจะผ่านไป ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องให้เต็มที่ ถ้าอยากจะหัวเราะก็หัวเราะให้ดังสุดๆ ไปเลย คำสอนง่ายๆ แต่โดนใจเขาเสมอ

ส่วนอีกคนก็ ไตรภพ ลิมปพัทธ์ เขาบอกว่าอาต๋อยก็จะสอนเขาเหมือนพ่อสอนลูก เตือนทุกอย่างด้วยความหวังดี และอีกคนที่ลืมไม่ได้ คือ สรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าวขาใหญ่ในวงการ ก็จะสอนเหมือนพี่สอนน้อง การที่เขาได้รู้จักและทำงานกับคนที่โตกว่าเป็นเรื่องที่เขาได้เรียนรู้สิ่งดีๆ ได้มาก นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในชีวิตเขา เพราะตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน สูตรสำเร็จในการทำงานของเขาก็คือ บริหารด้วยหัวใจ

อ่ะ!! ปิดท้ายด้วยผู้หญิงในดวงใจละกัน... นอกจากแม่แล้วก็มีแฟนสาวที่ชื่ออ้อย ที่หมั้นหมายกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว รู้จักกันมา 5-6 ปี โดยสาวเจ้าเคยทำงานอยู่ในเบื้องหลังกองถ่ายละคร แต่ก็ออกมาเป็นกำลังสำคัญในการช่วยดูแลด้านการผลิตธุรกิจข้าวมันไก่

น้องอ้อยผู้หญิงเรียบง่าย นิสัยเป็นผู้ใหญ่ใจดี ส่วนจะแต่งเมื่อไหร่นั้น เขาบอกว่า รออายุ 35 แล้วค่อยว่ากันอีกทีนะครับ...