posttoday

ลูกทุ่งพันล้าน ต้านกระแสเพลงกิมจิ

24 มกราคม 2555

แม้กระแสเคป๊อป นักร้องจากแดนกิมจิจะมาแชร์ตลาดเพลงและความนิยมในหมู่คนฟังชาวไทยมานานปีแล้ว

โดย...วราภรณ์

แม้กระแสเคป๊อป นักร้องจากแดนกิมจิจะมาแชร์ตลาดเพลงและความนิยมในหมู่คนฟังชาวไทยมานานปีแล้ว แต่สำหรับกระแสเพลงลูกทุ่งที่สะท้อนวิถีชีวิต สภาพสังคมอุดมคติ และวัฒนธรรมไทยแบบต่างจังหวัดของไทย ก็ยังสามารถครองตลาดเพลงได้มากถึงปีละ 1,000-1,500 ล้านบาททีเดียว ซึ่งนับเป็นเม็ดเงินมหาศาล โดยมีตลาดหลักอยู่ที่ภาคอีสาน 50% รองลงมาคือ ภาคเหนือ กลาง และใต้ สำหรับยอดขายเพลงลูกทุ่งมีแกรมมี่ โกลด์ ครองส่วนแบ่งการตลาดเพลงลูกทุ่งทั่วประเทศมากที่สุดถึง 65-70% ทีเดียว

กริช ทอมมัส รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานธุรกิจเพลง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผู้ดูแลค่ายแกรมมี่ โกลด์ ที่ครองตลาดเพลงลูกทุ่งมากที่สุด ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับความนิยมเพลงลูกทุ่ง ว่า ไม่ใช่ผลงานเพลงลูกทุ่งจากค่ายใหญ่ๆ เท่านั้นที่โดดเด่น ศิลปินท้องถิ่นในค่ายเล็กๆ ในต่างจังหวัด เช่น นครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดลูกทุ่งที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีประชากรมากถึง 4 ล้านคน ก็มียอดจำหน่ายที่น่าจับตามอง

“ภาพตลาดรวมๆ ของเพลงลูกทุ่งปัจจุบันยังไม่ค่อยชัด บางชุดยอดจำหน่ายลดลง บางชุดดาวน์โหลดเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มคนแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มแรก ชื่นชอบศิลปิน ทั้งโหลดและซื้อแผ่น กลุ่ม 2 ชอบเพลงฮิต แต่ไม่ได้ชอบนักร้อง ก็จะอาศัยการโหลดอย่างเดียว กลุ่ม 3 ชอบซื้อซีดี แต่ไม่โหลด ตัวเลขตลาดจึงไม่นิ่ง ตอนนี้ตลาดเพลงลูกทุ่งโตที่เพลงรวมฮิต ที่ภาคอีสานมียอดจำหน่ายมากถึง 50% ก็เพราะความใหญ่ของภาค และคนภาคอีสานก็กระจายตัวไปทำงานตามภาคต่างๆ เช่น ไปเป็นสาวโรงงานในภาคกลาง ตะวันออกก็เยอะ แต่ภาคเหนือคนไม่ค่อยนิยมเพลงลูกทุ่ง แต่ออกอะไรมาก็ขายได้ ไม่ได้นิยมแนวเพลงลูกทุ่งเป็นพิเศษ

ลูกทุ่งพันล้าน ต้านกระแสเพลงกิมจิ

สำหรับสถานการณ์เพลงลูกทุ่งในปัจจุบันโดยรวมยังมีอาการทรงๆ ไม่มีอะไรเลวร้าย กระแสยังนิ่งๆ เพราะยังไม่มีอัลบั้มอะไรออกมาแรงๆ ตอนนี้ศิลปินลูกทุ่งออกเพลงอะไรมาก็ขายได้ แต่ไม่มีกระแสตื่นเต้นที่จะเป็นตัวกระตุ้นวงการ อย่างปีที่แล้ว มีน้องเปาวลีออกมาก็ช่วยฉุดกระแสขึ้นมานิดหนึ่ง” กริช บอก

อย่างไรก็ดี นักร้องที่ผันตัวเองจากนักร้องสตริงแนวป๊อป ฟังสบายๆ หลายคน ก็หลงเสน่ห์ลูกทุ่ง ผันตัวเองไปเป็นนักร้องลูกทุ่งและได้รับความนิยมแบบเหลือเชื่อในวงการเพลงเมืองไทย ที่เห็นภาพชัดมี 2 คน ได้แก่ ก๊อทจักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ และฝน ธนสุนทร ส่วนนักร้องสตริงที่มาร้องเพลงลูกทุ่งบ้าง แต่ภาพไม่ชัดเจนและไม่ได้ออกเป็นอัลบั้ม ได้แก่ เอิร์น เดอะสตาร์ เป็นต้น

ผ่านไป 20 ปี ก๊อทก็ยังขายได้

เจ้าของฉายา “เจ้าชายลูกทุ่ง” ก๊อท-จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ ชื่อเดิมเข้าวงการบันเทิงด้วยการเป็นนักร้องเพลงสตริง รุ่นเดียวกับ ใหม่ เจริญปุระ เข้าวงการครั้งแรก พี่เต๋อ-เรวัติ พุทธินันทน์ ฟันธงว่า ด้วยลุครูปร่างหน้าตาที่เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน รวมถึงสไตล์การร้องและการเอื้อนลูกคอน่าจะเหมาะกับการร้องเพลงลูกทุ่งมากกว่า แต่ในสมัยนั้นกระแสเพลงสตริงกำลังฮิต จักรพันธ์จึงขอไปร้องเพลงสตริงก่อน เมื่อออกไปได้ 3 อัลบั้มก็รู้สึกอิ่มตัว เขาจึงกลับมาพูดคุยกับเรวัติว่า เขาอยากลองร้องเพลงแนวลูกทุ่ง ซึ่งเขารู้สึกคุ้นเคยดูบ้าง และก๊อทก็เริ่มร้องเพลงลูกทุ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 แค่เพียงอัลบั้มแรก “แม่ไม้เพลงไทย” ก็มียอดจำหน่ายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ก๊อทจึงหันมาร้องเพลงลูกทุ่งจนกระทั่งปัจจุบัน และมีรางวัลการันตีความนิยมมากมาย อาทิ รางวัล “พระพิฆเนศทองพระราชทาน” ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2540 สาขานักร้องลูกทุ่งชายยอดเยี่ยม จากเพลง “เรือนหอน้ำตา” รางวัล “มาลัยทอง” ปี พ.ศ. 2544 สาขานักร้องชายยอดนิยม จากเพลง “ต้องมีสักวัน” รางวัล “มาลัยทอง” ปี พ.ศ. 2546 สาขานักร้องชายยอดเยี่ยม จากเพลง “ใจสารภาพ” รางวัล “พระพิฆเนศทองพระราชทาน” ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2547 สาขานักร้องลูกทุ่งชายยอดเยี่ยม จากเพลง “ใจสารภาพ”

แม้เวลาผ่านไป ปัจจุบันแม้จักรพันธ์จะไม่ใช่นักร้องเบอร์หนึ่งของแกรมมี่ โกลด์ แล้ว เพราะต้องถอยให้นักร้องรุ่นน้องอย่าง ตั๊กแตน ชลดา ครองตำแหน่งนักร้องขายดีของแกรมมี่ โกลด์ คนปัจจุบัน ซึ่งเธอชัดเจนในแนวทางนักร้องลูกทุ่งมาตั้งแต่เริ่มแรก และเป็นคนสุดท้ายที่เป็นนักร้องล้านแผ่น กับเจ้าของเพลงฮิต “ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้” ที่ฮิตติดหูคนทั้งบ้านทั้งเมือง

กริช เล่าว่า ปัจจุบัน ก๊อทก็ยังจัดเป็นนักร้องขายได้ของแกรมมี่ โกลด์ ที่ยังสามารถครองใจคนฟังอยู่ได้

“ตอนนี้ก๊อทกำลังซ้อมคอนเสิร์ตอยู่ เพราะมีกำหนดจะขึ้นแสดงเดือน มี.ค.นี้ จริงๆ เพลงของก๊อทยังขายได้ประมาณหนึ่ง และมีกลุ่มทาร์เก็ตโตขึ้นทุกปี มีแฟนเพลงดูคอนเสิร์ตเยอะ เพราะก๊อททำโชว์ดีและมีอัลบั้มเป็นโชว์ก็ยังขายได้ สิ่งที่ทำให้ก๊อตยังได้รับความนิยม เพราะการดูแลตัวเอง พิถีพิถันในการพัฒนาโชว์ คนดูเยอะ เรียกว่ารูปร่างหน้าตาได้หมด สื่อมวลชน รวมทั้งคนฟังตั้งฉายาให้เขาเป็นเจ้าชายลูกทุ่ง ตอนนี้เขาก็ยังเป็นอยู่”

ฝน ธนสุนทร หน้าสวย เสียงใส

ลูกทุ่งพันล้าน ต้านกระแสเพลงกิมจิ

นักร้องลูกทุ่งหญิงร่วมสมัย ฝน ธนสุนทร มีชื่อจริงว่า เตือนใจ ศรีสุนทร เธอเริ่มอาชีพนักร้องในสไตล์นักร้องเพลงป๊อปแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เธอจึงเปลี่ยนแนวมามองเพลงลูกทุ่งที่เธอถนัด กลับได้รับความนิยมกลายเป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ครูเพลงอย่าง อาจารย์ชลธี ธารทอง นักแต่งเพลงลูกทุ่งชื่อดัง ยกย่องให้ ฝน ธนสุนทร เป็น 1 ใน 4 นักร้องลูกทุ่งหญิงที่มีมาตรฐาน เช่นเดียวกับ ผ่องศรี วรนุช พุ่มพวง ดวงจันทร์ และสุนารี ราชสีมา

ด้านประวัติของฝน ธนสุนทร ในวัย 36 ปี เป็นคน จ.อุดรธานี มีฐานะยากจน พ่อรับจ้างถีบสามล้อ ส่วนแม่หาบของขาย ฝนเป็นลูกคนโตที่ช่วยแบ่งเบาภาระหารายได้ช่วยเหลือครอบครัวอีกทางหนึ่ง แต่เธอก็ใฝ่ดี ศึกษาจนเรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และศึกษาต่อปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยปทุมธานี

นับว่าฝนเป็นนักร้องที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง เธอฝึกฝนร้องเพลงลูกทุ่งกับปู่ อดีตนักร้องเชียร์รำวงเก่า ประกอบกับเธอมีความสวยที่โดดเด่นจนแมวมองชักชวนก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงบนเวทีประกวดมิสทีนโอเล่ แล้วก็ได้มงกุฎมาครอง เธอทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาลูกอม “โอเล่” ในขณะนั้นเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นได้รับเชิญให้ไปบันทึกเทปเพลงที่จัดทำขึ้นเพื่อฉลอง 100 ปี จ.อุดรธานี โดยเธอได้ร้อง 3 เพลง เช่นเพลงกราบเท้าพ่อหลวง อุดรฯ มีของดี

การทำงานในงานเพลงชุดนี้ ทำให้อาจารย์ปรีชา อรัญวารี นักจัดรายการวิทยุในสังกัดของบริษัท ชัวร์ออดิโอ ที่ จ.อุดรธานี บ้านเกิด ชักชวนเข้าสู่วงการนักร้องอย่างเต็มตัว และได้เซ็นสัญญาเป็นเวลา 4 ปี กับ บริษัท เคลฟเวอร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ บริษัทในเครือของชัวร์ออดิโอ ที่เน้นทำเพลงแนวสตริง เนื่องจากทางต้นสังกัดเห็นว่าหน้าตาของเธอเหมาะกับแนวเพลงแบบนี้มากกว่า ซึ่งฝนก็ทำงานกับเพลงแนวนี้ได้ดี โดยมีผลงานเพลงออกมาในแนวป๊อป 2 ชุด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 คือ “มุมหนึ่งของหัวใจ” และ “สายฝนแห่งความรัก” แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร บริษัทจึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวให้เธอมาลองร้องเพลงลูกทุ่งตามแนวที่เธอถนัด โดยให้เริ่มร้องเพลงคู่กับมนต์สิทธิ์ คำสร้อย และเกษม คมสันต์ ในชุด “เกี่ยวก้อย” ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงมากขึ้น จนในที่สุดก็มีผลงานเดี่ยวออกมาในปี พ.ศ. 2544 ชื่อ “ฮักอ้ายโจงโปง” ก่อนจะมาประสบความสำเร็จล้นหลามกับชุด “ใจอ่อน” ทำให้เธอดังเป็นพลุแตก ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเธอก็ผลิตผลงานลูกทุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องจวบจนถึงปัจจุบัน และได้รับความสนใจจากแฟนเพลง ทำให้เธอขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของวงการลูกทุ่งปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี สำหรับสถานการณ์เพลงลูกทุ่งในอนาคตในวิสัยทัศน์ของกริช ลูกทุ่งไทยสามารถต้านทานกระแสของเพลงเคป๊อปได้ หากมีการปรับให้ดนตรี คำร้อง รวมทั้งทำนองเพลงมีความทันสมัยขึ้น เพราะยุคนี้เป็นยุครีโมต ที่กดทีเดียวก็เจอเพลงของนักร้องเกาหลีแล้ว

“คนบางกลุ่มไม่ชอบเพลงลูกทุ่ง เพราะมองว่าเชยมาโดยตลอด แต่เราสามารถทำให้ไม่เชยได้ ดังนั้น เราต้องพัฒนาภาคดนตรี มิวสิกวิดีโอก็ต้องพัฒนาให้ดูทันสมัยขึ้น ยุคอนาคตต้องตัดความเชยออก เป็นเรื่องน่ายินดีว่าปัจจุบันคนไทยฟังเพลงลูกทุ่งมากขึ้น เพราะผู้ผลิตลดความเชยลงไป ต้องทำให้เพลงลูกทุ่งเรียบง่าย อย่าซับซ้อน เช่น เพลงหมอลำต้องเป็นคนภาคอีสานเท่านั้นที่ฟังออก แต่เราจะพัฒนาดนตรีให้เท่อย่างไร รวมทั้งกรรมวิธีในการอัดเสียงต้องพัฒนา นักดนตรีต้องเก่ง คนฟังก็ควรเปิดใจกว้าง ฟังก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ นักศึกษาก็หันมาฟังลูกทุ่งมากขึ้น ในทางกลับกัน คนทำงานเบื้องหลังยิ่งหายาก เพราะบอกว่าไม่ถนัด ไม่รู้จะนำเสนออย่างไร ฟังเพลงแล้วไม่เก็ต เป็นต้น”