รีวิว Toy Story 4 : แอนิเมชั่นของเล่นที่ซึ้งกินใจและจะไม่มีวันลืม

โดย... เป็ดปุ๊ยชวนดู

Toy story 4 พาเรารู้จักกับของของเล่นที่ไม่ว่าจะมาจากการซื้อ การได้รับบริจาค หรือสร้างมันขึ้นมาเอง แต่ของเล่นทุกชิ้นอยากเล่นกับเด็กๆ

การกลับมาในรอบ 9 ปีหลังจากที่ภาค 3 ได้ทำเราซึ้งจนน้ำตาไหล และคิดว่าเป็นการปิดจบแอนิเมชั่นไตรภาคที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แต่การกลับมาครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลย ยังคงความสนุก มุขตลกแบบฉบับ toy story ความซึ้งกินใจของมิตรภาพระหว่างของเล่น แถมด้วยภาพสวย สีสันสดใส ความสมจริงของเงาบนตัวการ์ตูนที่ทำให้ภาคนี้น่าดูมากยิ่งขึ้น

เล่าถึง"บอนนี่" สาวน้อยวัย 5 ขวบที่ต้องเริ่มเข้าอนุบาล และในวันแรกของการเรียนสาวน้อยได้สร้างเพื่อนใหม่ ที่ไม่ใช่คน แต่กลับเป็นช้อนกึ่งส้อมพลาสติกที่เธอได้ตั้งชื่อว่า "ฟอร์คกี้" ช้อนกึ่งส้อมที่ไม่ได้ต้องการเป็นของเล่น แต่อยากเป็นขยะมากกว่า จึงหนีจากบอนนี่ไปทำให้บอนนี่เสียใจที่ทำของเล่นชิ้นสำคัญหาย

"วู้ดดี้"จึงเริ่มต้นภารกิจสำคัญอีกครั้ง ออกตามหาฟอร์คกี้กลับมาเป็นของเล่น ซึ่งระหว่างทางที่ต้องพาเพื่อนใหม่กลับนั้นเขาก็ได้พบกับรักครั้งเก่า เพื่อนเก่า"โบ พี้ป" ของเล่นเซรามิกที่ไม่บอบบาง และไม่ได้เป็นของเล่นหลงทางอีกต่อไป ที่จะมาช่วยต่อกรกับตัวร้ายสุดแบ๊วอย่าง "แก๊ปบี้ แก๊ปบี้" ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ชำรุดจนไม่มีใครอยากได้ และเรื่องราวที่ทั้งเพื่อนใหม่ และเพื่อนเก่าต้องผจญภัยไปด้วยกัน เพื่อให้ฟอร์คกี้ได้กลับไปหาบอนนี่อีกครั้ง

ความสนุกของ Toy Story ภาคนี้จะไม่สมบูรณ์แบบเลยถ้าขาด ตัวละครของเล่นใหม่อย่าง ดุ๊ก คาบูม ที่ได้ คีอานู รีฟ มาให้เสียงพากย์ รวมทั้ง ดั๊กกี้ และบันนี่ ตุ๊กตาปุยนุ่นคู่หูคู่ฮา และแน่นอนว่าตอนจบของแอนิเมชั่นที่กินใจและจะไม่มีวันลืม จนเราไม่แปลกใจเลยที่ ทอม แฮงส์ และ ทิม อัลเลน ผู้ให้เสียงพากย์วู้ดดี้ และบัซ ไลท์เยียร์ ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับตอนจบภาคนี้ว่า "นี่แหละคือเหตุการณ์ที่น่าจดจำ และเป็นเหตุการณ์ที่ควรจะถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์"