posttoday

ยิปมันที่ไร้เงายิปมัน

24 กุมภาพันธ์ 2562

ความอยากที่จะดูหนังเรื่องนี้ ยอมรับตามตรงเลยว่า

ความอยากที่จะดูหนังเรื่องนี้ ยอมรับตามตรงเลยว่า ไม่ใช่เพราะตัวหนัง แต่เป็นเพราะมี โทนี่ จา หรือทัชชกร ยีรัมย์ ดาราแนวแอ็กชั่นเบอร์ 1 ของเมืองไทย ที่ร่วมแสดง

รวมถึงหนังเรื่องนี้ “Master Z : The Ip Man Legacy” (ยิปมัน : ตำนานมาสเตอร์ Z) ได้ หยวนวูปิง ผู้กำกับคิวบู๊ฝีมือระดับโลกและทำงานร่วมกับฮอลลีวู้ดมาแล้วมากมาย นั่งแท่นเป็นผู้กำกับการแสดง จึงอยากดูว่าคิวบู๊ต่างๆ ของหนังเรื่องนี้เด็ดสะระตี่และพิสดารพันลึกเพียงใด และ โทนี่ จา จะพัฒนาในการเล่นบทบู๊มากขึ้นแค่ไหน

สำหรับหยวนวูปิง ผู้กำกับคิวบู๊หนังยิปมันภาค 3 แต่ทำงานด้านนี้มายาวนานในอุตสาหกรรมหนังฮ่องกง โดยเฉพาะหนังแอ็กชั่นทั้งแบบกำลังภายในพีเรียดและแอ็กชั่นร่วมสมัย เขาถือว่าฉายแสงมาพร้อมกับเฉินหลงเลยทีเดียว ตั้งแต่หนังยอดนิยมยุคปลายทศวรรษที่ 80 ต่อ 90 และทำงานอย่างต่อเนื่องกับ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ตลี ที่ร่วมงานกับฮอลลีวู้ด รวมทั้งปลุกปั้น เจิ้นจื่อตัน หรือดอนนี เยน มาเองด้วย

ที่สำคัญการเป็นมือหนึ่งของผู้กำกับคิวบู๊ ต้องผ่านการยอมรับจากฮอลลีวู้ด เขาก็ทำได้อย่างสุดเยี่ยมจาก “The Matrix” หลังจากนั้นก็มีตามอีกมากมายทั้งงานฝั่งฮอลลีวู้ดและเอเชีย เรียกว่าคิวทองก็ว่าได้

ยิปมันที่ไร้เงายิปมัน

แต่ว่าไปแล้วการเป็นผู้กำกับคิวบู๊ที่รับผิดชอบเฉพาะส่วนของหนังได้โดดเด่นดีเยี่ยม จะเป็นผู้กำกับการแสดงคุมภาพรวมทั้งหมดของหนังได้ยอดเยี่ยมตามด้วย “Master Z : The Ip Man Legacy” เป็นอีกคำตอบหนึ่งที่บอกว่า ไม่ใช่

เพราะภาพรวมทั้งหมดของหนังออกมาดูประดิษฐ์และจงใจในการนำเสนอในทุกอย่าง แม้กระทั่งหนังจบไปแล้วก็ตาม เรียกว่าเป็นสูตรกึ่งสำเร็จที่เอามาจัดวางให้ออกมาเพื่อทำให้ถูกใจตลาดขึ้นเป็นหนังยอดนิยมในประเภทแอ็กชั่น

สำหรับคนที่คุ้นกับหนังมาเฟียหรือแก๊งสเตอร์ฮ่องกงยุคทศวรรษที่ 1980-1990 น่าจะรับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยากเย็น เพราะการเดินเรื่องวางองค์ประกอบทุกอย่างเป็นไปตามสูตรของอภิบาลคนดีกวาดล้างคนชั่ว

จุดที่น่าสนใจของหนัง อยู่ที่ตัวละครตัวเอกที่ชื่อ จงเทียนฉี ซึ่งอาจารย์มวยหย่งชุนที่พ่ายแพ้ต่อยิปมันในภาค 3 หมายความว่าภาคที่แล้วเขารับบทเป็นตัวร้าย แต่ในภาคนี้กลับเป็นพระเอก

ยิปมันที่ไร้เงายิปมัน

และที่น่าสนใจ คือ หนังตั้งชื่อว่า ยิปมัน แต่ไม่มีตัวละครที่ชื่อ ยิปมัน ปรากฏตามท้องเรื่อง มีแต่กระแสสำนึกหวนกลับไปเพียงไม่มากเท่านั้น

เมื่อพ่ายแพ้ในครั้งนั้นในภาค 3 จงเทียนฉี ลี้หลีกหลบออกมาจากโลกของการต่อสู้และการเรียนการสอนวิชากังฟู ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายเปิดร้านของชำในย่านการค้าอย่างสงบเงียบ เลี้ยงดูลูกชายไปแบบวันต่อวัน มีความสุขตามอัตภาพและทิ้งวิชามวยหย่งชุนอย่างเด็ดขาด

ตอนเปิดเรื่องของหนัง ทำให้เห็นว่าเขารับจ้างในการเก็บคนร้ายที่เป็นภัยสังคม โดยเฉพาะพวกอันธพาลและมาเฟียในโลกใต้ดินหรือด้านมืดของสังคม ถอยหลังตัดขาดออกมา แต่โชคชะตาทำให้ต้องกลับไปข้องเกี่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ประเด็นสำคัญของหนังก็คือ การไม่มีวีรบุรุษนักสู้ มีเพียงคนธรรมดาที่ช่วยเหลือคนธรรมดาด้วยกัน จากเงื้อมมือของพวกนอกกฎหมายและพวกตำรวจหรือราชการสันดานชั่วที่รับใช้มาเฟียหรือผู้มีอิทธิพล ซึ่งในตัวหนังเน้นไปที่ผู้อำนวยการตำรวจในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ ทำงานรับเงินเลือดจากมาเฟียค้าเฮโรอีนที่หน้าฉากเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารสเต๊กและใจบุญ

ยิปมันที่ไร้เงายิปมัน

การวางพล็อตดูง่ายไม่สับสนหรือซับซ้อนแบบเดายาก ตัวละครเฉลยไปเองตามขั้นตามตอนอย่างไม่รู้สึกตื่นเต้น ในเรื่องของฉากการต่อสู้ที่มีอยู่ทั้งเรื่อง ถือว่าสนุกและลื่นไหลมีจังหวะส่งและเข้าออกอย่างเนียนตา

นับได้ว่าเป็นจุดแข็งหนึ่งของตัวหนังเลยทีเดียว ที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อและเดินสู่ตอนจบของเรื่องอย่างสมบูรณ์ตามสูตร เหล่าร้ายแพ้พ่าย คนธรรมดาที่โดนรังแกเดินหน้ากันต่อ

มาถึงบทของดาราไทย โทนี่ จา ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เป็นตัวละครในชุดดำทั้งชุดคนเดียว มาทั้งตอนเปิดเรื่อง ช่วงกลางเรื่อง และเป็นตัวละครสำคัญในการปิดเรื่องพิฆาตตัวร้ายในที่สุด นับได้ว่าเป็นการให้เกียรติในการเขียนบทออกมาให้ดูดีลึกลับเปี่ยมฝีมืออย่างมีเสน่ห์ที่คลุมเครือเลยทีเดียว

กลับมาที่มวยหย่งชุน และตัวละครเอกคือ จงเทียนฉี ที่พยายามต่อสู้โดยไม่ใช้แม่ไม้มวยนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องงัดออกมาใช้ตอนสู้กับตัวร้ายในฉากสุดท้ายกันตามธรรมเนียม

ยิปมันที่ไร้เงายิปมัน

มวยหย่งชุน เป็นศิลปะการต่อสู้จีนแขนงหนึ่งในแบบของกังฟู ซึ่งมีความแตกต่างจากกังฟูแบบอื่นอย่างชัดเจน เป็นมวยที่ไม่ต้องใช้พละกำลังหรือความแข็งแกร่งมากนัก เหมาะสมกับสรีระของผู้หญิง ที่แรงกายอ่อนแอกว่าผู้ชาย เน้นในการป้องกันตัวและจู่โจมในระยะสั้นอย่างรวดเร็ว มีวิธีการยืนเท้าที่มั่นคง ได้ถูกถ่ายทอดต่อมาในรุ่นต่อรุ่น

จนกระทั่งมาถึงรุ่นของยิปมัน ที่เป็นผู้ที่ทำให้หย่งชุนโด่งดังเป็นที่รู้จักในระดับสากล ด้วยความที่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่ บรูซ ลี ซึ่งต่อมากลายเป็นนักแสดงแอ็กชั่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก

การกลับมาใช้มวยหย่งชุน ปราบเหล่าร้ายหัวหน้ามาเฟียแก๊งยาเสพติดของ จงเทียนฉี ทำให้เขาบรรลุสู่อีกขอบข่ายหนึ่งซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน ดังคำที่ปรมาจารย์มวยหย่งชุน ยิปมัน เคยกล่าวว่า กังฟูมวยหย่งชุน ฝึกกังฟูไปแล้ว ถ้าหากไม่สามารถขจัดกิเลส คือความโกรธ ความเกลียด ความกลัวภายในจิตใจของตัวเองไปได้ ต่อให้มีอายุถึง 100 ปี ก็มิอาจบรรลุ...