posttoday

ขับขานตำนานเพลง สืบสานตำนานคน

16 กันยายน 2561

ประสบความสำเร็จมายาวนานกับการทำผลงานเดี่ยว แต่ โทนี เบนเนตต์

โดย เพ็ญแข สร้อยทอง
 
ประสบความสำเร็จมายาวนานกับการทำผลงานเดี่ยว แต่ โทนี เบนเนตต์ ก็หลงเสน่ห์การปะทะสังสรรค์ทางเสียงกับศิลปินคนอื่นเข้าเสียแล้ว หลังจากที่ไป “ดูเอต” กับเพื่อนพ้องศิลปินมากมายมาแล้ว ครั้งนี้ ลุงโทนี เบนเนตต์ ก็ขอมาประชันเสียงกับสายแจ๊ซอย่างสาว ไดอานา ครอลล์ (อีกสักครั้ง)
 
Love is Here to Stay คือ การโคจรมาพบกันของเสียงร้องอันงดงามไพเราะระดับตำนาน ซึ่งสร้างความเริงใจให้กับคนฟังอย่างยิ่ง พวกเขาโดยการนำงานของ พี่น้องเกิร์ชวินส์ และเพลงอเมริกัน สแตนดาร์ดมาสรรเสริญอีกครั้ง ดูเหมือนว่า โทนี และเด็กรุ่นหลังอย่าง ไดอานา จะเป็นการจับคู่ถูก และสาวไดอานาอาจจะเข้าใจลุงโทนีได้ดี เพราะว่าพื้นเพประสบการณ์นั้นค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน  
 

ขับขานตำนานเพลง สืบสานตำนานคน

 
โทนี เบนเนตต์ ในวัย 92 ปี (โอววว หลานขอคารวะ) ไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เสียงเลยแม้แต่น้อย เสียงของเขาแข็งแรงอย่างน่าประทับใจ เสียงและวิธีการร้องของพวกเขาช่างไปกันได้ดี
 
มิตรภาพระหว่าง โทนี และ ไดอานา นั้นยาวนานกว่า 20 ปี พวกเขาเคยทัวร์ด้วยกันในปี 2000 ไดอานาเคยบันทึกเสียงบางเพลงกับโทนีในอัลบั้ม Duets : An American Classic (2004) และ Playin’ with My Friends : Bennett Sings the Blues (2001) แต่นี่คือ ครั้งแรกที่ได้ทำงานด้วยกันแบบเต็มอัลบั้ม ทั้งสองต่างเป็นศิลปินที่ได้การยอมรับนับถือ ตอนอายุ 80 กว่า โทนี ยังทำอัลบั้มให้ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งได้ ส่วนไดอานานั้น เธอเป็นศิลปินแจ๊ซเพียงคนเดียวที่มีผลงานแปดอัลบั้มออกวางจำหน่ายพร้อมกับขึ้นอันดับหนึ่งชาร์ตอัลบั้มแจ๊ซของบิลบอร์ด
 
ทุกเพลงในอัลบั้มเป็นผลงานของ จอร์จ-ไอรา เกิร์ชวิน นักเปียโนและนักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ชาวอเมริกัน ในแง่หนึ่ง Love is Here to Stay คือ การเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปีของ จอร์จ เกิร์ชวิน (เกิด 26 ก.ย. 1898) การทำงานของคู่ลุงหลานครั้งนี้ในฟากดนตรีเป็นหน้าที่ของวงทริโอ (เปียโน กลอง และเบส) โดยการนำของ บิล ชาร์แล็ป (มือเปียโนชื่อดังผู้นี้ก็เคยมีอัลบั้มเพลงเกิร์ชวินของตัวเองด้วยเช่นกัน) ดนตรีของพวกเขาสะอาด แจ่มใส มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
 

ขับขานตำนานเพลง สืบสานตำนานคน

 
เพลงของเกิร์ชวินในเวอร์ชั่น โทนี-ไดอานาคือ การนำเสนอระดับมาสเตอร์ ทั้งนุ่มนวล พลิ้วไหว ฟังเพลิน มีทั้งเพลงร้องคู่และเดี่ยว หนึ่งในเพลงที่น่าสนใจคือ Fascinating Rhythm ซึ่ง จอร์จ และไอรา เกิร์ชวิน แต่งในปี 1924 เพลงนี้มีคนนำมาร้องหลายๆ ครั้ง รวมทั้งเฟรด แอสแตร์, เอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์ และเดอะ คาร์เพนเตอร์ส ส่วน โทนี เบนเนตต์ เองก็เคยบันทึกเสียงเพลงนี้เมื่อปี 1949 และ 68 ปีต่อมา จึงกลับมานำเสนอเพลงนี้อีกครั้งอย่างงดงาม (ระยะห่างของการบันทึกเสียงเวอร์ชั่นแรกกับเวอร์ชั่นต่อมานั้นนานจนต้องบันทึกสถิติโลกกินเนสส์เลยทีเดียว)
 
 นอกจากนี้ ยังมี S’Wonderful เป็นเพลงจากละครบรอดเวย์เรื่อง Funny Face (1927) อีกหนึ่งเพลงเรื่องเดียวกันคือ My One and Only ส่วน But Not for Me เป็นเพลงจากละคร Girl Crazy เพลงชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้ม Love Is Here to Stay แรกนั้นเกิร์ชวินแต่ให้กับหนัง The Goldwyn Follies (1938) 
และเชื่อว่า น่าจะเป็นเพลงสุดท้ายที่ จอร์จ เกิร์ชวิน แต่งก่อนลาโลก
 

ขับขานตำนานเพลง สืบสานตำนานคน

 
I’ve Got a Crush on You เป็นเพลงของ เกิร์ชวิน ที่ปรากฏในละครเพลงสองเรื่องคือ Treasure Girl (1928) และ Strike Up the Band (1930) เป็นเพลงที่สุดยอดนักร้องหลายคนในโลกเคยบันทึกเสียง เพลงนี้แรกเริ่มเดิมทีมาในจังหวะฟอกซ์ทรอตก่อนจะทำเป็นบัลลาด They Can’t Take That Away
From Me เพลงซึ่งเกิร์ชวินแต่งให้กับเฟรด แอสแตร์ ร้องให้กับ จิงเจอร์ โรเจอร์ ในละครเพลง Shall We Dance? (1937) เพลงนี้ โทนี น่าจะโปรดมากเพราะนำมาบันทึกเสียงหลายต่อหลายครั้ง ไดอานา ก็เคยทำเพลงนี้ในเวอร์ชั่นตัวเอง แต่เวอร์ชั่นใหม่นี้ยังมีสิ่งแตกต่างให้ค้นหา
 
หลังจากที่อัลบั้ม Cheek to Cheek ซึ่ง โทนี เบนเนตต์ ทำร่วมกับ เลดีกากา เมื่อ 4 ปีที่แล้วนั้นไต่ขึ้นถึงอันดับสูงสุดในชาร์ตความนิยม ทั้งยังชนะรางวัลแกรมมี่ด้วย งานชุดนี้ก็สามารถคาดหวังยอดขาย ความนิยม หรือรางวัลได้เช่นกัน อย่างน้อยที่สุด หลังออกวางขายได้เพียงสัปดาห์เดียวก็มีคนฟังมากมายที่ชื่นชอบมากจนฟังซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ