มิชชั่น ... คอมพลีต (?)

โดย แหนง-ดู

ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักที่หนังแอ็กชั่นสักเรื่องจะได้คะแนนจากบรรดานักวิจารณ์สูงๆ โดยหลายสำนักให้คะแนนกับ Mission : Impossible-Fallout มากถึง 100 คะแนนเต็ม มันจึงชวนเชื่อที่จะให้ไปชม ก่อนจะได้พบกับความบันเทิงเต็มเปี่ยมในเวลากว่า 2 ชั่วโมง

Fallout เป็นภาคที่ 6 ของ Mission : Impossible หนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ Mission : Impossible (1996) Mission : Impossible 2 (2000) Mission : Impossible III (2006) Mission : Impossible-Ghost
Protocol (2011) และ Mission : Impossible-Rogue Nation (2015)

ครั้งนี้ อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) และทีมอิมพอสซิเบิล มิชชั่น ฟอร์ซ (ไอเอ็มเอฟ) รวมถึง อแลน (อเล็ก บอลด์วิน) อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ ที่ตอนนี้กลายเป็นหัวหน้าของไอเอ็มเอฟ เบนจี (ไซม่อน เพ็กก์) และ ลูเธอร์ (วิง เรมส์) พร้อมด้วยพันธมิตร อิลซา
(รีเบกกา เฟอร์กูสัน) และ จูเลีย (มิเชลล์ โมนาแฮน) ต้องกลับมาในปฏิบัติการซึ่งต้องแข่งกับเวลา หลังจากภารกิจเกิดความผิดพลาด

เขียนบทและกำกับโดย คริสโตเฟอร์ แม็คควอร์รีย์ เจ้าของรางวัลออสการ์จากบทภาพยนตร์ เรื่อง The Usual Suspects ซึ่งกลับมากำกับหนังชุดนี้เป็นครั้งที่ 2 และเขาก็ทำได้น่าประทับใจ เนื้อเรื่องของภาคนี้คือ บทสรุปของหลายภาคที่ผ่านมา เรื่องราวและหลายตัวละครถูกนำกลับมา ความนิยมในหนังเรื่องนี้ เห็นทีต้องยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้กับ ทอม ครูซ ผู้ทุ่มเทให้กับงาน

หนังเรื่องนี้ ทอม ผู้สวมบท อีธาน ฮันต์ ได้ได้พื้นที่สำหรับดราม่า เพราะความเป็นมนุษย์ของตัวละครเอก ความรู้สึกผูกพันที่อีธานมีต่อคนอื่นๆ ทำให้เขาทำผิดพลาด เจอกับเรื่องต่างๆ ในอดีต ต้องตัดสินใจว่าจะช่วยเพื่อน ครอบครัว หรือผู้คนนับล้านๆ ต้องเดินเข้าไปในสถานการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุม และต้องผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งก็กลายเป็นความบันเทิงบนจอหนัง

แต่ภาคของแอ็กชั่น ทอมก็ทำไม่ขาดตกบกพร่อง สร้างความตื่นเต้น เข้มข้น และมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นตาให้กับคนดู สิ่งที่เราได้เห็นบนจอ ทำให้เรารู้ว่าในวัยใกล้ 60 เขายังมีทักษะทางกายภาพที่จะทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมาจากการฝึกฝน รวมทั้งความกล้าที่จะลงมือ หลายฉากเสี่ยง ทอม เลือกที่จะแสดงเอง แบบเล่นจริง เจ็บจริง

ภาคนี้มี 4 ตัวละครสาวมาสร้างสีสัน ไม่ว่าจะ มิเชลล์ โมนาแกน ในบท จูเลีย ภรรยาของอีธาน ที่กลับมา ยังรวมถึง รีเบกกา เฟอร์กูสัน ในบท อิลซา ฟอสต์ อดีตเจ้าหน้าที่เอ็มไอซิกซ์ แองเจลา บาสเซ็ทท์ รับบท เอริกา สโลน ผู้เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอ แทนที่อลัน ฮันลีย์ และ วาเนสซา เคอร์บี รับบท อลานา หรือ ไวท์ วิโดว์ อีกด้วย

ตัวละครที่ยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับพระเอกในเรื่องนี้คือ ออกัสต์ วอล์กเกอร์ เจ้าหน้าที่ซีไอเอ (เฮนรี คาวิล) ซึ่งถูกส่งมาประกบกับอีธาน ซึ่งมาพร้อมกับวัตถุประสงค์ลับๆ ในใจ เขาเป็นตัวร้ายที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมี ฌอน แฮร์ริส ซึ่งกลับมารับบท โซโลมอน เลน วายร้ายจาก Rogue Nation ซึ่งอยากจะแก้แค้นอีธาน

หนังมีฉากแอ็กชั่นที่สุดมัน รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียด ซึ่งทำให้ตื่นเต้นแทบจะตลอดเวลา ฉากแอ็กชั่นที่ทั้งสมจริงและเหนือจริง การไล่ล่าด้วยความเร็ว การโดดร่ม ห้อยโหนบนเฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ อีกหนึ่งที่ทำให้คนดูต้องตื่นตา คือ โลเกชั่น ไม่ว่าจะปารีส อังกฤษ นอร์เวย์ เกาะใต้ของนิวซีแลนด์ ฯลฯ ใครชอบรถสวยๆ หัวใจคุณจะเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์ รถคลาสสิก 1986 BMW M5 รถบรรทุกหุ้มเกราะ ฯลฯ วิ่งอยู่เต็มเรื่อง

เป็นหนังที่คนดูต้องตามติดแบบละสายตาและความสนใจไม่ได้เลย โดยเฉพาะตอนหักหลังกันไปมา และอาจจะเป็นหนึ่งในหนังแอ็กชั่นที่ดีที่สุดของปีนี้ ด้วยการยึดถือขนบเก่าๆ ไว้ โดยได้การสนับสนุนส่งเสริมด้วยพลังของดิจิทัลเอฟเฟกต์

ภารกิจ - มิชชั่นของ Mission : Impossible-Fallout จึงจบ-คอมพลีตอย่างสวยงาม ... จนอดสงสัยไม่ได้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรจาก อีธาน ฮันต์ และพลพรรคมาให้เราตื่นเต้นได้อีกไหม