posttoday

ความบ้าคลั่งของการเกิดมาเพื่อแตกต่าง

29 กรกฎาคม 2561

ชีวิต... หากมองในแง่ความจำเจแล้วก็คุ้มที่จะหลีกหนี มันคือโรงงานสำหรับพ่อ โรงครัวสำหรับแม่

โดย เพรงเทพ

“ชีวิต... หากมองในแง่ความจำเจแล้วก็คุ้มที่จะหลีกหนี มันคือโรงงานสำหรับพ่อ โรงครัวสำหรับแม่ การทะเลาะที่โต๊ะกินข้าว เด็กหายในข่าว และความรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ค่อยๆ พังครืน... จะดีกว่าไหมถ้าเปลี่ยนเพลงใหม่ ซัดยากำใหญ่ แล้วรอให้เกิดอะไรขึ้น จะดีกว่าไหมถ้าจะดับไฟ คลานมุดใต้ผ้าห่ม รอนิทรามาชวนเราเข้าสู่โลกที่ใฝ่หา มันดีกว่าชีวิตที่อยู่ตรงหน้านี้ไหม”

นี่คือถ้อยคำที่หลั่งไหลพรั่งพรูผ่านกระแสสำนึกของ สตีเวน แพทริก มอร์ริสซีย์ ในช่วงค้นหาตัวเองและชีวิตในวัยหนุ่ม เป็นการเปิดเรื่องและปิดเรื่องด้วยการครุ่นคิดภายในและรำพึงรำพันกับตัวเอง ใน “England Is Mine” (มอร์ริสซีย์ ร้องให้โลกจำ) ภาพยนตร์ชีวประวัติออกมาเป็นแผ่นดีวีดีลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้วเมื่อกลางเดือน ก.ค. 2561 ที่ผ่านมานี่เอง ตอนฉายในโรงเพียงพริบตาเดียวก็หลุดโปรแกรม จึงต้องตามหาดูทีหลัง

เมืองแมนเชสเตอร์ ปี 1976 เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มขี้อายคนหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนสาวคู่กาย คือ แองจี้ หรือแองเจลา ฮาร์ดี้ ตระเวนเที่ยวตามผับและร้านขายแผ่นเสียงเพื่อหาโอกาสไปมีส่วนร่วมในวงดนตรีสักวงในเมืองนี้ ในฐานะนักร้องและคนเขียนเพลง

มอร์ริสซีย์ชอบอ่านและเขียนหนังสือ รวมถึงบทกวี และเขียนเพลง แต่ด้วยความขลาดกลัวทำให้เขาละทิ้งโอกาส มัวแต่จ่อมจมกับความฝัน จนแองจี้เดินจากไปพร้อมกับคำพูดว่า “บางคนอยู่ในโลกของความจริง เจอปัญหาจริงๆ...”

ความบ้าคลั่งของการเกิดมาเพื่อแตกต่าง

เขากลับสู่โลกของความจริง เข้าทำงานในฐานะลูกจ้างของหน่วยงานสรรพากรเพื่อจะมีรายได้มาหล่อเลี้ยงในครอบครัว

การได้พบกับ ลินเดอร์ สเตอริ่ง นักศึกษาศิลปะสาวผู้ชอบอ่านหนังสือและดูเหมือนมีอนาคตไกล ได้กระตุ้นและปลุกเร้าให้เขาทำงานเพลงและเขียนหนังสืออย่างจริงจัง แทนที่จะทำงานประจำอยู่ในกรอบเหมือนคนปกติสามัญ ดั่งคำที่เธอบอกกับเขาในหลายๆ ครั้ง เช่น “สตีเวน มอร์ริสซีย์ คงต้องมีคนฟังคุณบ้าง” “ศิลปะเป็นตัวของมันเองอยู่แล้ว จงเป็นตัวของตัวเอง เพราะคนอื่นเป็นตัวของเขาไปหมดแล้ว”

มอร์ริสซีย์ได้พบกับมือกีตาร์ บิลลี่ ดัฟฟี่ และร่วมวงดนตรีด้วยกัน การแสดงครั้งแรกในผับของพวกเขาเข้าตาแมวมอง ได้รับการติดต่อให้บันทึกเสียงและเข้าค่ายเพลง มอร์ริสซีย์ ต้องเลือกทางเดินระหว่างงานประจำและเส้นทางดนตรี เขาเริ่มเกเรเบี้ยวงานเรื่อยๆ จนเจ้านายยื่นคำขาดว่า “คุณใช้สองชีวิตควบกันไม่ได้ ทั้งงานและดนตรี”

แต่ท้ายที่สุด มอร์ริสซีย์ ต้องเจอวิบากกรรมที่ต้องเผชิญครั้งสำคัญในชีวิต บิลลี่หนีไปเข้าวงดนตรีอื่น ด้วยคำบอกว่าแมวมองต้องการเพียงเขาคนเดียวเพื่อเข้าวงดนตรีอีกวงในกรุงลอนดอน ส่วนลินเดอร์ก็ไปแสดงงานและเรียนต่อศิลปะที่ลอนดอน เขาระทมทุกข์เหมือนโลกแหลกสลายลงไปต่อหน้า ออกจากงานดำดิ่งกับยาหลอนประสาท

ความบ้าคลั่งของการเกิดมาเพื่อแตกต่าง

กระแสสำนึกที่เล่าผ่านถ้อยคำของเขา คือ “คำนามภาษาอังกฤษที่ใช้มากที่สุดคือเวลา และผมก็กำลังใช้มันหมดลงแล้ว” หรือ “ชีวิตนี้สั้นสำหรับพวกจำเจ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรคุ้มค่าที่ให้ทำซ้ำซาก จิตใจต่างหากที่สำคัญที่สุด จิตใจช่วยให้เราคิดและรู้สึก มองเห็นความงามของสิ่งต่างๆ ขณะที่คนอื่นเห็นแค่ฟันเฟืองและหัวเทียน”

ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาเป็นคนพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์แบบคือความตายของแองจี้ เพื่อนสนิทเก่าแก่ที่รู้ถึงความฝันของเขา ซึ่งเขาเจอเธอตอนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล วันที่เขาจะเอาดอกไม้มาเยี่ยมเธอเป็นวันที่เธอตายจากไป และเขาอยู่ในช่วงที่ตกต่ำดำดิ่งสุดของชีวิต

อีก 6 ปีต่อมา ในปี 1982 การสำเหนียกตัวเองของมอร์ริสซีย์ ทบทวนเข้าไปในห้วงลึกภายในของตัวเองออกมาว่า “อดีต... คือทุกอย่างที่ผมเป็นไม่สำเร็จ มันคือการไม่กล้าทำอะไร ผมจะพ่ายแพ้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จะได้ถือธงชัยของชัยชนะสักครั้งไหม มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่ง

แม้โลกไม่อยากมีเวทีเต้นรำพร่างพราวให้กับเรา แต่มนุษย์ที่เกิดมาเพื่อสวดอ้อนวอนภาวนา ไม่กระทำอะไรเลย อังกฤษยุคโรแมนติกจึงคว่ำลงดับสิ้น ตายไปพร้อมกับ เจน ออสติน ในหลุม”

ความบ้าคลั่งของการเกิดมาเพื่อแตกต่าง

ในท้ายสุดนำไปสู่ฉากทรงพลังที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ในตอนที่เขานั่งคุยปรับทุกข์กับแม่ของเขาเอง

“โลกนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อคนอย่างผม” มอร์ริสซีย์ กล่าวตัดพ้อพร้อมสะอื้นในการพร่ำทุกข์คุยกับแม่ ซึ่งเธอตอบเขาว่า

“งั้นก็สร้างโลกของลูกขึ้นมาเองสิสตีเวน ลูกจะไปถึงมันจนได้ แม่รู้ว่าลูกทำได้ ถ้าลูกเหมือนคนอื่นๆ ยอมแพ้ได้ง่าย เพียงแต่รู้ว่าลูกมีทางเลือก มีแบบฉบับของตัวเองคนเดียว ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดี... เพียงแต่ลูกเป็นตัวของตัวเอง มันก็คุ้มค่าที่จะสู้แล้ว”

นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อจังหวะและโอกาสทางดนตรีได้หวนกลับมาอีกครั้ง จอห์นนี่ มาร์ ตามหาตัวของเขาและร่วมมือกันทำเพลงก่อตั้งวงเดอะ สมิธส์ เป็นจุดเริ่มต้นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ดนตรีร่วมสมัยบนเกาะอังกฤษ

ความบ้าคลั่งของการเกิดมาเพื่อแตกต่าง

“เราบางคนอยากฝันและฝันต่อไป คิดถึงและปกป้องตัวเอง สิงโตกับแกะควรจะนอนลงด้วยกัน ดำเนินไปด้วยกัน”

ภาพที่ติดฝาผนังห้องนอนของเขา ออสการ์ ไวด์ นักเขียนระดับตำนาน ซึ่งถูกขว้างและทำลาย เปลี่ยนยุคมาสู่ภาพของ เจมส์ ดีน เสมือนสัญลักษณ์ของความขบถที่แปรเปลี่ยนไปจากฮีโร่ในความลุ่มหลงแต่ละช่วงชีวิตที่ เปลี่ยนและก้าวผ่านมาสู่ความเป็นนักร้อง-นักเขียนเพลงที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล

“England Is Mine” เป็นภาพยนตร์สะท้อนถึงจุดเริ่มต้นช่างฝันของคนที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตา เพราะรู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อแตกต่างจากคนอื่น...