posttoday

สู่ดินแดนที่ยังไปไม่ถึง

29 เมษายน 2561

ผลงานของ เบน เลวิน ผู้กำกับชาวโปแลนด์ ซึ่งได้รับคำชื่นชมมากมายจากผลงานหนังอินดี้เรื่อง The Sessions ในปี 2012

โดย แหนงดู

ผลงานของ เบน เลวิน ผู้กำกับชาวโปแลนด์ ซึ่งได้รับคำชื่นชมมากมายจากผลงานหนังอินดี้เรื่อง The Sessions ในปี 2012

เรื่องที่แล้ว เบน เลวิน ทำหนังเกี่ยวกับผู้ป่วยเป็นอัมพาตช่วยตัวเองไม่ได้ แต่มีความคิดสร้างสรรค์ความสามารถในการเขียนหนังสือและแต่งกลอน ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือ เป็นชายอย่างสมบูรณ์แบบ จึงต้องมี “นักบำบัด” เข้ามาช่วย

มาครั้งนี้ หนังของผู้กำกับคนนี้เล่าถึง หญิงสาวผู้ป่วยโรคออทิสติกซึ่งหนีออกจากสถานดูแล ระหว่างนั้นเธอต้องเผชิญกับหลากหลายเหตุการณ์ เป็นการผจญภัยที่มีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและน้ำตา ทำให้เธอ (รวมทั้งคนอื่นๆ) ได้เรียนรู้ และเติบโต

ดาโกตา แฟนนิง รับบท เวนดี้ เด็กสาวที่ป่วยออทิสติกได้น่าชื่นชม ร่วมแสดงโดยโทนี คอลเลตต์ ในบทของ สก็อตตี้ นักจิตวิทยา-นักบำบัดซึ่งดูแลผู้ป่วยอย่างอดทน

สู่ดินแดนที่ยังไปไม่ถึง

 

สก็อตตี้สอนให้เวนดี้สบตาคน ดูสีหน้าคู่สนทนา ยิ้มเมื่ออยู่ที่ทำงาน (ร้านขายขนมในห้าง) รวมทั้งใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำเตียง อาบน้ำ ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว เป็นต้น นอกจากสก็อตตี้แล้ว สิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิต เวนดี้ คือ ซีรี่ส์ Star Trek เธอมีตัวละครอย่าง สป็อค ลูกครึ่งมนุษย์-วัลแคน เป็นดั่งผู้นำทางวิญญาณ

เมื่อได้เห็นประกาศประกวดบทหนังStar Trek เวนดี้ก็พากเพียรเขียนจนได้บทที่มีความยาวเกือบ 500 หน้า ด้วยลีลาความสามารถซึ่งไม่ธรรมดา ความปรารถนาของเวนดี้ คือ ถ้าเธอชนะการประกวดก็จะสามารถรักษาบ้านหลังเล็กของแม่ไว้ได้ เธอจะได้ย้ายกลับไปอยู่กับออเดรย์ (อลิซ อีฟ) พี่สาวและหลาน

แต่เมื่อเวนดี้พลาดกำหนดเส้นตายสำหรับการส่งบทเข้าประกวดทางไปรณีย์ เธอจึงตัดสินใจเดินทางจากซานฟรานซิสโกเพื่อไปส่งบทภาพยนตร์ที่สตูดิโอในฮอลลีวู้ดด้วยตัวเอง สำหรับหญิงสาวซึ่งมีปัญหาเรื่องพัฒนาการ ต้องอยู่ภายใต้กฎเคร่งครัดว่า “อย่าข้ามถนนมาร์เก็ต ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆ” การออกเดินทางข้ามเมือง (โดยมี พีท สุนัขตัวน้อยของเธอไปเป็นเพื่อน) จึงนับเป็นการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ และน่าหวาดหวั่นอย่างมาก

แต่ Star Trek ก็เป็นแรงใจมหาศาล เมื่อต้องเดินทางไปสู่ไปสู่ดินแดนที่ไม่รู้จัก เธอจะต้องพิชิตให้ได้ และต้องไม่กลัว

สู่ดินแดนที่ยังไปไม่ถึง

 

หากเทียบกับหนังที่นำเอาเรื่องราวของผู้ป่วยออทิสติกมานำเสนอ อย่างเช่น Rain Man, I Am Sam ฯลฯ ก็ดูเหมือน Please Stand By จะเป็นเรื่องเด็กๆ หรือเบาๆไปเลย หนังอาจจะไม่ได้ดีเลิศที่สุด แต่คะแนนจากนักวิจารณ์ก็ดูจะค่อนข้างต่ำเกินไปหน่อย

หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคออทิสติก ทั้งในเรื่องส่วนตัว ความฝัน ความยากลำบากของการใช้ชีวิตประจำวัน ฯลฯ

แม้ว่าพล็อตจะเป็นอะไรที่เราๆ ท่านๆ รู้เห็นหรือผ่านพบประสบกันมาแล้ว อีกทั้งบทก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่องค์ประกอบอื่นๆ เช่น ความสามารถอันโดดเด่นของนักแสดง อารมณ์ ภาพ การดำเนินเรื่อง ฯลฯ ทำให้เรื่องนี้มีชีวิตชีวาน่าติดตาม หนังมีความเพลิดเพลิน และมีความสมจริงน่าเชื่อถือ

เนื้อหา Star Trek ถูกแทรกเข้ามาอย่างชาญฉลาด หนังสัมผัสหัวใจคนดูด้วยอารมณ์อันบอบบาง ตัวละครที่อ่อนไหว แต่ก็ไม่ได้ขยี้หรือลึกซึ้งบีบคั้นหัวใจขนาดนั้น แต่อย่างน้อยที่สุดหนังเรื่องนี้ก็ให้เรารู้จัก และเข้าใจผู้ป่วยโรคออทิสติกมากขึ้น

สู่ดินแดนที่ยังไปไม่ถึง

 

เป็นหนังเล็กๆ เหมาะกับเทศกาลหนังอย่างซันแดนซ์ (และอื่นๆ) รวมทั้งคนที่ชอบดูหนังอินดี้แบบฟีลกู๊ดออกแนวโอลด์แฟชั่นหน่อยๆ ส่วนแฟนหนัง Star Trek น่าจะสนุกสนานกับการนำเรื่องไซ-ไฟนี้เข้ามาอ้างอิงถึงในหนัง

Please Stand By ได้พาเราไปสำรวจโลกของผู้ป่วยออทิสติก ซึ่งมุมหนึ่งอาจจะเป็นเหมือนดินแดนที่แสนไกลโพ้นอย่างเอื้อมไปสัมผัสไม่ถึง แต่ถ้าหากเราไม่กลัว ก็อาจจะพิชิตได้ แม้จะเป็นเพียงส่วนเสี้ยวไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม