posttoday

มวยไทย กู้บ้านกู้เมือง

28 มกราคม 2561

ภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทย เป็นตลาดที่ปราบเซียนอย่างมากๆ ยิ่งไม่ได้ลงโรงช่วงปิดเทอมใหญ่หรือฤดูร้อน

โดย เพรงเทพ

ภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทย เป็นตลาดที่ปราบเซียนอย่างมากๆ ยิ่งไม่ได้ลงโรงช่วงปิดเทอมใหญ่หรือฤดูร้อน อย่างน้อยก็ปิดเทอมเล็กก็ต้องลุ้นกันน่าดู

แม้จะมีดีทั้งด้านการสร้าง ตัวเรื่อง การตลาด การประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ อีกมากมายอย่างครบถ้วนกระบวนความแล้วก็ตาม

เพราะดูสถิติของภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทยที่ผ่านมา ล้วนมีตัวเลขรายได้ที่ไม่สวยงามเอาเสียเลย เพราะฉะนั้นผู้สร้างที่กระโดดลงมาลงทุนในภาพยนตร์ประเภทนี้ ก็ต้องยอมรับว่าใจกล้าและท้าทายเป็นอย่างยิ่ง

มวยไทย กู้บ้านกู้เมือง

“๙ ศาสตรา” เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ลงทุนไปกว่า 200 ล้านบาท และใช้เวลาสร้างยาวนาน 4 ปีเต็ม ซึ่งภาพรวมทั้งหมดถือว่าสอบผ่านได้เกรดดีด้วยสำหรับภาพยนตร์แนวนี้ และถือว่ามีมาตรฐานที่สามารถส่งออกขายในต่างประเทศได้อย่างน่าภาคภูมิ

อย่างแรกที่ต้องยกนิ้วให้คือความเร้าใจ สามารถเปิดเรื่องอย่างสนุกและตรึงคนดูได้อยู่ใน 5 นาทีแรกแบบน่าตื่นเต้น หลังจากนั้นก็ผ่อนเกียร์เล่าเรื่องไปตามสูตรและมีการพัฒนาตัวละครไปอย่างมีระบบ แล้วก็เข้าสู่โหมดแอ็กชั่นล้างผลาญไปจนจบเรื่อง และจบลงอย่างดีงาม ทิ้งท้ายติ่งท้ายเรื่องเผื่อไว้ให้คนดูลุ้นอีกนิดหน่อยในเรื่องความรักของตัวละครเอก

ต้องบอกว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นไทยที่ดูสนุก แม้โดยโครงเรื่องหลักไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็ตาม และพยายามสอดใส่ความเป็นไทยเข้าไปอย่างจงใจ ตัวละครเอกที่มีชื่อบ้านๆ อย่าง อ๊อด ที่เล่นเป็นตัวเอกแบบแอนตี้ฮีโร่อยู่นิดๆ รวมถึงตัวนางที่เป็นคนหมิงหรือคนจีนที่เป็นนางโจรสลัดชื่อ เสี่ยวหลาน ต่างมีมิติของตัวละครที่ค่อนข้างลึกและน่าสนใจ ตัวประกอบอย่าง อสุราสีชาด หรือมารตา ยักษ์นอกแถว และองค์ชายวาตะ ไม่ได้ลอยมาเฉยๆ แต่มีภูมิหลังและที่มาที่ไปซึ่งช่วยรองรับการต่อสู้กู้บ้านกู้เมือง

มวยไทย กู้บ้านกู้เมือง

ตัวละครที่แบนราบที่สุด กลับกลายเป็นตัวร้ายใหญ่สุดคือ เทหยักษา ที่ยึดนครรามเทพของมนุษย์ ซึ่งน่าเสียดายหากเติมสีสันความร้ายกาจในอดีตให้เข้มข้นจะสนุกกว่านี้

คงไม่ต้องพูดถึงงานสร้างทางภาพและเสียงรวมถึงการเล่าเรื่องที่ทำได้ดี ดนตรีและเพลงประกอบยังไม่ลงตัวและดูขัดแย้งกับตัวเรื่อง โดยเฉพาะเพลงร็อกที่ใส่เข้าช่างประดักประเดิดเกินจะทำใจไหว คิดว่าคงเอาไว้ขายวัยรุ่น แต่ในที่นี้ไม่ใช่เพลงไม่ดี แต่ไม่เข้ากับเรื่องราวที่พยายามเน้นความเป็นไทยแบบฟิวชั่นไทยประเพณีนิยมกับแฟนตาซี

อีกอย่างที่ดูสอดแทรกเข้ามาจนเกินเหตุ ก็คือเอกราชและการกู้ชาติจากยักษ์โดยผ่านกีฬาประจำชาติคือ มวยไทย ซึ่งโดยตัวบทหลักแล้วค่อนข้างที่จะไม่เข้ากัน หากมองเรื่องรัฐชาติและอาณานิคม แต่มองอีกมุมหากตีความเรื่องการต่อต้านลัทธิอาณานิคมก็พอไหว ยักษ์คือตัวแทนผู้รุกราน

มวยไทย กู้บ้านกู้เมือง

ทั้งหมดเป็นเรื่องแค่รายละเอียดปลีกย่อยของแก่นความคิดที่ซ่อนอยู่ในตัวภาพยนตร์ ซึ่งถือว่าดีในแง่มุมการตีความทางศิลปะที่สามารถทำให้ผู้ชมแตกประเด็นออกได้ นอกเหนือจากความบันเทิงที่ได้รับ

การนำมวยไทยมาเป็นแก่นความคิดหลักผสมผสานกับแนวภาพยนตร์แอนิเมชั่นแอ็กชั่นแฟนตาซีฟิวชั่นไทยประเพณีนิยม ถือว่าเป็นก้าวแรกที่สวยงามพอดู แม้ยังไม่ถึงขั้นดีเลิศก็ตาม

สรุปแล้ว “๙ ศาสตรา” ครบเครื่องจนล้นเหลือ เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนกินเกาเหลาเล้งรสแซ่บที่อร่อยครบสูตรจี๊ดจ๊าดลงตัว ที่ว่าล้นเหลือออกมาก็คือ น้ำซุปนัวเกินเหตุ เหมือนใส่ผงปรุงรสจนทำให้ปากแห้งคอแห้งกระหายน้ำ คือมีความพยายามที่จะใส่สูตรสำเร็จลงไปทุกอย่างที่คาดหมายว่า คนดูจะชอบ ยิบย่อยไปหมด ซึ่งทำให้เห็นและรับรู้ออกมาได้เลยว่า ตั้งใจให้ติดตลาดจนเกินเลยอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เพียงแต่เลยความกลมกล่อมไปขีดหนึ่ง รสจัดดัดจริตไปนิด

มวยไทย กู้บ้านกู้เมือง

ก็คงต้องรอภาค 2 เพราะภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้มีอนาคต และลงทุนไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นจากวัตถุดิบของตัวละครที่คนรู้จักดีแล้ว รวมทั้งมาตรฐานงานสร้างในระดับโลก ก็คงหาเรื่องราวและการเล่าเรื่องที่ดีๆ ให้กลมกลืนกลมกล่อมเหมือนรสต้มยำไทย ที่คนไทยก็แซ่บอร่อย ฝรั่งจีนแขกก็ชอบยกนิ้วให้ ซึ่งคิดว่าทีมสร้างชุดนี้น่าจะทำได้ ถ้าไม่เอาโจทย์การตลาดและความสำเร็จเรื่องรายได้มาเป็นธงหลัก

รอคอยภาค 2 กันได้เลย คงสนุกกว่านี้