ตัวตนและความแปลกแยก

โดย...เพรงเทพ

หนังการ์ตูนที่ดูสนุกและเต็มอิ่มกับเวลาแค่ชั่วโมงครึ่งที่พาผจญภัยแบบน่ารักๆ และเห็นถึงมิตรภาพที่ก่อเกิดภายใต้การต่อสู้กับตัวร้ายที่คอยล้างผลาญและทำลาย

 “Smurfs : The Lost Village” (หมู่บ้านที่สาบสูญ) คงไม่ใช่หนังภาคต่อและมีความเป็นเอกเทศของตัวหนังเอง สำหรับหนังเรื่องนี้ชูโรงด้วยตัวละครที่เป็นผู้หญิง คือ สเมิร์ฟจอมซนแสนแก่น สเมิร์ฟเฟ็ตต์ พร้อมกับทีมสเมิร์ฟที่ร่วมผจญภัยไปด้วยกันอีก 3 คน คือ แฮฟฟี่  คลัมซี่ เบรนนี่

ตามท้องเรื่องในดินแดนสเมิร์ฟที่มีปะป๊าสเมิร์ฟดูแลอยู่ มีสเมิร์ฟเด็กชาย 99 คน และสเมิร์ฟหญิงเพียง 1 คน โดยมีวายร้าย คือ พ่อมดการ์กาเมล ที่คอยตามเช็ดตามล้างจับตัวสเมิร์ฟมารีดพลังเพื่อเสริมเวทมนตร์และทำให้ตัวเองกลับกลายสู่ความหล่อเหลาของวัยหนุ่มอีกครั้ง

การผูกเรื่องที่ยึดโยงเอาความแปลกแยกของสเมิร์ฟเฟ็ตต์เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง ในฐานะผู้หญิงคนเดียวของดินแดนสเมิร์ฟ รวมทั้งไม่มีบุคลิกของตัวตนที่ชัดเจนในความถนัด หรือลักษณะนิสัยเหมือนสเมิร์ฟคนอื่นๆ ที่มีความเป็นลักษณะเฉพาะตน ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตตัวตน รวมถึงแหล่งกำเนิดที่สร้างมาจากดินเหนียวสีฟ้าจากฝีมือของพ่อมดการ์กาเมล ทำให้มีปมขัดแย้งในตัวเธอ

การออกไปนอกกำแพงดินแดนของสเมิร์ฟเพื่อข้ามป่าพิสดารไปสู่ดินแดนอีกแห่งของสเมิร์ฟ ซึ่งเป็นผู้หญิงล้วน ต่อสู้และฟาดฟันกับการไล่ล่าของพ่อมดการ์กาเมล เป็นพล็อตเรื่องที่มีรายละเอียดปลีกย่อยแปลกใหม่ชวนให้ติดตามมากกว่าตอนอื่นๆ ในแบบการ์ตูนจบในตอน

แอนิเมชั่นที่เน้นสีสันและแสงสีของป่าพิสดารได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจคู่ขนานไปกับการเดินเรื่อง รวมถึงสัตว์และต้นไม้ประหลาดที่ต้องฝ่าฟันไป ทุกอย่างทำได้ดีหมดครบถ้วนกระบวนความตามที่หนังการ์ตูนดีๆ เรื่องหนึ่งพึงจะมีและไปถึงจุดที่ดีที่สุด เป็นความอิ่มตาอิ่มใจมากกว่าความคาดหวังที่มีไม่มากนักในการตอบสนองความบันเทิงให้กับเด็กๆ ที่ผู้ใหญ่ดูได้อย่างรื่นรมย์

หากมองในมุมการตีความหนังการ์ตูนเรื่องนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเฟมินิสม์อยู่พอสมควร ทั้งตัวละครชูโรงที่เป็นเด็กผู้หญิงอย่างสเมิร์ฟเฟ็ตต์ รวมถึงดินแดนสเมิร์ฟลึกลับที่มีแต่สเมิร์ฟผู้หญิง เป็นขั้วตรงข้ามของสเมิร์ฟเดิมที่เป็นดินแดนของผู้ชาย

สำหรับประเด็นที่แหลมคมที่สุดในเรื่อง คือ เรื่องชาติกำเนิดและความแปลกแยกที่นำเสนอและสะท้อนผ่านสเมิร์ฟเฟ็ตต์ ถือว่าทำได้นวลเนียนแต่ซ่อนคมไว้ให้คิดเป็นมุมมองที่สอนใจได้เป็นอย่างดี ว่าดีชั่วอยู่ที่ตัวมิใช่ที่มาของการก่อกำเนิด ซึ่งหนังการ์ตูนเรื่องนี้สามารถข้ามพ้นพื้นฐานของการต่อสู้ระหว่างความดีความชั่วที่เป็นแก่นหลักของดำขาวที่เป็นจุดขายของหนังการ์ตูนขายเด็กได้ดีในระดับหนึ่ง