posttoday

หยุด! นี่คือการปล้น

19 มิถุนายน 2559

ไม่น่าเชื่อว่า ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Where to Invade Next บุกให้แหลก แหกตาดูโลก จะฮาได้ขนาดนี้

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ไม่น่าเชื่อว่า ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Where to Invade Next บุกให้แหลก แหกตาดูโลก จะฮาได้ขนาดนี้ นอกจากจะฮาเต็มขั้นแล้ว มันยังกวนอารมณ์ สร้างแรงบันดาลใจ ทำให้เราสะอึก น้ำตาซึม เจ็บจนจุกอก จนทำให้เราต้องหันกลับมาดูตัวเราเองอย่างละอายแก่ใจ ว่า ทำไมเราถึงปล่อยให้ตัวเอง (และประเทศของตัวเราเอง) เป็นได้ถึงขนาดนี้และยาวนานขนาดนี้?

ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ กำกับและแสดงนำโดย ไมเคิล มัวร์ (เจ้าของรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมจาก Bowling for Columbine ปี 2002 และรางวัลปาล์มทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เทศกาลหนังเมืองคานส์ จาก Fahrenheit 9/11 ปี 2004) โดยไมเคิล มัวร์ ได้ประกาศแก่กองทัพสหรัฐว่า ถึงเวลาต้องวางมือจากการกรีธาทัพไปบุกยึดทรัพยากรจากประเทศโน้นนี้เสียทีแล้ว สิ่งที่เราควรบุกยึดคืออะไรที่ดีงามที่เราควรนำมันกลับมาใช้ในบ้านเกิดเมืองนอนของเราบ้าง

“แนวคิดเริ่มแรกของผมในการทำหนังเรื่องนี้ก็คือ ผมจะออกไปบุกประเทศต่างๆ แล้วขโมยและยึดอะไรๆ ที่ไม่ใช่น้ำมันกลับมา โดยที่จะไม่ต้องยิงใครเลยด้วยแม้แต่หนึ่งนัด แต่เอาสิ่งที่เป็นประโยชน์จริงๆ กลับมาบ้าน และเมื่อลงมือบุกเราก็ยิ่งรู้สึกชัดขึ้นทุกๆ ทีว่าคงจะเข้าท่ามิใช่น้อย ถ้าผมทำหนังเกี่ยวกับสหรัฐ โดยไม่ต้องถ่ายในสหรัฐเลยสักเฟรม หนังจะออกมาเป็นยังไงนะ? ผมชอบความท้าทายนี้มากๆ”

จากแนวคิดแรกเริ่มของไมเคิล มัวร์ นี้ นี่จึงถือเป็นจุดกำเนิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ทำให้เราได้เห็นผู้ชายคนนี้ ถือธงชาติสหรัฐ เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ตั้งแต่อิตาลีไปจนถึงสโลวีเนีย ฝรั่งเศสไปจนถึงตูนิเซีย โปรตุเกสไปจนถึงไอซ์แลนด์ ฯลฯ เพื่อดูว่าชนชาติเหล่านั้นสร้างสรรค์สิ่งเหลือเชื่ออะไรขึ้นบ้างในสังคมของพวกเขา และเราในฐานะคนดู เมื่อได้ดูแล้วถึงกับอึ้งและทึ่งตามไปด้วย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับชนชาตินั้นๆ มันก็มาจากการก่อรากฝังลึกทางทัศนคติที่ดี และการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเป็นการปฏิบัติที่คนทั้งชาติพร้อมใจกันทำเพื่อหวังเห็นสิ่งที่ดีในอนาคต

หยุด! นี่คือการปล้น

 

ประเด็นนี้น่าคิดนะครับ ถ้านโยบายเกิดขึ้น แต่มีคนทำบ้าง ไม่ทำบ้าง นโยบายก็ไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดีอย่างแท้จริง จริงไหม?

หากคุณอยากรู้ว่า โรงเรียนในประเทศฟินแลนด์สามารถกำจัด “การบ้าน” ออกไปจากชีวิตของเด็กๆ ได้สำเร็จได้อย่างไร คุณต้องดูภาพยนตร์เรื่องนี้ และหากคุณอยากรู้อะไรอีกมากมายจากหลากหลายประเทศ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก คุณยิ่งต้องมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้

มีนักวิจารณ์หลายท่านบอกว่านี่เป็น “หนังที่มองโลกในแง่ดีที่สุดของไมเคิล มัวร์” ซึ่ง ไมเคิล มัวร์ ก็ได้พูดถึงการวิจารณ์นี้ไว้ว่า อาจเป็นเพราะเขาได้พบเจอหนทางใหม่ในการจัดการกับความโกรธเกรี้ยวที่เขามีต่อสภาพของประเทศของตัวเขาเองได้ เขาจึงทำภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ “ผมไม่เคยทำหนังด้วยท่าทีถากถางส่อเสียดนะ เพราะผมเชื่อมาตลอดว่าการส่อเสียดคืออาการหลงตัวเองแบบหนึ่ง และผมก็เชื่อในความดีงามของมนุษย์ รวมทั้งเชื่อด้วยว่าคนส่วนใหญ่มีสติสัมปชัญญะ และแยกแยะสิ่งผิดกับสิ่งถูกออกจากกันได้ คนส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าควรทำอะไร แต่พวกเขาอาจจะกลัวหรือเฉยเมยเกินไป จนเมื่อไหร่ที่ปัญหาเริ่มถูกแก้ไข เราเลิกมีชีวิตที่อยู่กับความกลัวและความโง่ เมื่อนั้นทุกสิ่งก็จะดีขึ้น”

หากใครสนใจชมภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ หาชมได้ที่โรงภาพยนตร์ SFW เซ็นทรัลเวิลด์, SFX เดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา, SFC เดอะคริสตัล ราชพฤกษ์ และ SFX เมญ่า เชียงใหม่ และติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังและรอบฉายได้ที่เฟซบุ๊ก Documentary Club (www.facebook.com/DocumentaryClubTH)