posttoday

เบื้องหน้าเพลงดัง เบื้องหลังเพลงฮิต

04 กรกฎาคม 2558

เพลงจะฮิตได้ เพลงจะดังเปรี้ยง ไม่เพียงแค่นักร้องที่ถ่ายทอดอารมณ์ น้ำเสียง และลีลา ทว่ายังหมายรวมถึงเนื้อหา

โดย...แจนยูอารี ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช   

เพลงจะฮิตได้ เพลงจะดังเปรี้ยง ไม่เพียงแค่นักร้องที่ถ่ายทอดอารมณ์ น้ำเสียง และลีลา ทว่ายังหมายรวมถึงเนื้อหา ดนตรี และการเรียบเรียง เพลงนั้นถึงจะเข้าไปอยู่ในใจแฟนๆ เหลียวหลังแลหน้าจึงพบว่ากว่าจะมาเป็นเพลงฮิตเพลงดังไม่ง่าย ต้องผ่านขั้นตอนการทำงานที่ทั้งสนุกและดราม่า เช่นพวกเขาที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนให้ก่อเกิดเป็นเพลงขวัญใจของคนทั่วบ้านทั่วเมือง ณ เวลานี้

‘เมื่อไหร่จะพอ’ ต่อลมหายใจ ‘เดือนเพ็ญ อำนวยพร’

43.5 ล้านวิว คือบทพิสูจน์ความดังของเพลง“เมื่อไหร่จะพอ” (อัลบั้ม อีสานตลาดแตก 3 ค่ายอาร์สยาม) ไม่มากก็น้อย เพลงนี้ถูกยกให้เป็นเบอร์หนึ่งนักร้องหมอลำหญิงแดนอีสาน “เดือนเพ็ญอำนวยพร” ที่ว่ากันว่ากลับมาดังอีกครั้งในวัยย่าง 50

เธอยอมรับว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอกลับมาดังเปรี้ยง เพราะโซเชียลมีเดียที่รวดเร็วทันใจรวมทั้งเอ็มวีที่ทยอยส่งตามมาติดๆ เนื้อหาดูง่าย เข้าใจและไม่ต้องอาร์ตมาก ทำให้เข้าถึงคนฟังรากหญ้าอีกทั้งเสียงร้องมีเสน่ห์ของเดือนเพ็ญ ที่ใครก็ไม่อาจเลียนแบบ

“ปกติเดือนเพ็ญจะร้องหมอลำกับลูกทุ่ง ซึ่งสำเนียงก็จะออกอีสานคักๆ (มากๆ) ฟังแล้วรู้เลยว่านี่คือเสียงของเดือนเพ็ญ แต่พอมาร้องเพลงนี้ ซึ่งเป็นลูกทุ่งทั่วไป เดือนเพ็ญก็เลยติดสำเนียงอีสานมาด้วย มีกลิ่นหมอลำมาด้วย ทั้งๆ ที่ทำนองเพลงไม่ใช่ มีคนบอกว่ามันก็เลยคล้ายกับกลิ่นอายเพลงเพื่อชีวิตผสมลูกทุ่ง

พอมีคนพูดบ่อยๆ เดือนเพ็ญก็คิดว่าใช่แล้วละมันคือเสน่ห์ของเราเอง พยายามจะตัดทิ้งไป พยายามจะเปลี่ยนใหม่ แต่มันก็ไม่หาย (หัวเราะ) มันก็เลยกลายเป็นเมื่อไหร่จะพออย่างที่เห็นนี่ละคะ”

เดือนเพ็ญ มองว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้เธอกลับมายืนหยัดบนเส้นทางลูกทุ่งอีกครั้ง เป็นการต่อลมหายใจของหมอลำดาวค้างฟ้า จ.มหาสารคาม ที่หายหน้าไปนานและร้างรากับการออกผลงานเพลงให้กลับมาฟื้นชีพ

“เดือนเพ็ญรู้เลยว่าความดังเป็นยังไง ความดังตอนตัวเองอายุมากขึ้น (หัวเราะ) ก็แอบน้ำตาซึม ปลื้มใจค่ะ ที่เห็นเด็กเล็กๆ คนหนุ่มคนสาวร้องเพลงเราได้ ขนลุกเพราะไม่คิดว่ามันจะได้รับการต้อนรับดีขนาดนี้  ต้องขอบคุณคนแต่งเพลง (สมชาย ตรุพิมาย) เดือนเพ็ญไม่ค่อยถนัดเพลงหวานแบบนี้ แต่เดือนเพ็ญก็พยายามถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาแบบที่เดือนเพ็ญเป็น จนถูกแฟนๆ ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมาถูกทาง ถึงแม้จะไม่ได้ร้องหมอลำ แต่เดือนเพ็ญก็มีความสุขมากค่ะที่มีคนชอบเพลงนี้”

เบื้องหน้าเพลงดัง เบื้องหลังเพลงฮิต

 

‘แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว’ แว้นๆ เกรียนๆ แบบ ‘แจ๊ส ชวนชื่น’

เมื่อไหร่ที่ “แจ๊ส ชวนชื่น” ปรากฏตัว ความฮาของเขาย่อมจะกระตุกต่อมความสนุกได้ไม่ยาก ตอนนี้เขามีเพลงเป็นของตัวเอง “แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว” ที่เขาใช่ชื่อว่า “แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก” แถมด้วยแก๊งรับเชิญตัวแสบ “ต้นหอม ศกุนตลา” “โก๊ะตี๋ อารามบอย” “สามบาทห้าสิบ”ร่วมฟีเจอริ่ง

“บ๊อบบี้ สามบาทห้าสิบ” หรือ “นิติกร สิมะลี” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเพลงฮิตนี้ที่มียอดวิวทะลุ 60 ล้านวิวเล่าว่า เพลงนี้โจทย์มาจากแจ๊ส ชวนชื่น อยากมีเพลง ก็เลยมาบอกเขาช่วยแต่งเพลงให้หน่อย โดยแสดงตัวตนเป็นตลกจอมเกรียน เน้นเนื้อและจังหวะสนุกสนาน

“เนื้อหาแรกนั้นผมก็เน้นสนุกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่มาเพิ่มคือ แจ๊สอยากได้ประมาณว่าอารมณ์เด็กแว้น ผมก็เลยต้องมาปรับใส่ให้มันเป็นแว้นแบบแจ๊ส เป็นตัวตนของแจ๊สเลย ส่วนตัวที่เพลงมันดังเพราะจังหวะและโอกาสจริงๆ เลยนะครับ คือตัวแจ๊สเองก็ดังอยู่แล้ว ผมว่าดวงเขามาแรง เขาเป็นราชาเด็กแว้น พอเพลงออกมาแนวนี้ นิยามคำว่าแว้นมันก็เลยชัดเจน”

เพลงนี้ทำกันแบบไร้ค่าย ไม่มีนายทุนเงินหนาใจป้ำใจ ทุกอย่างเกิดจากความอยาก บ็อบบี้ยอมรับว่าลำพังแค่ตัวเพลง ไม่ว่าจะคำร้อง หรือจังหวะดนตรี อาจไม่ง่ายนักที่จะกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ แต่เพราะความเป็นแจ๊ส ชวนชื่น พลังและบารมี ความสามารถและลีลา จึงทำให้เพลงโจ๊ะเพลงนี้ดังเปรี้ยง 

“ผมว่าการที่เพลงจะดังได้มันต้องมีกลุ่มคนฟังนะ ต้องเจาะกลุ่มให้ได้ ถ้าไปแตะกลุ่มที่ใช่ รู้สไตล์ว่าเขาชอบอะไร อย่างไร ก็จะทำงานง่ายขึ้น คนทำเพลงอย่างผมก็จะทำงานสนุก สำหรับผมนะ ผมว่าไม่ต้องเป็นเพลงโจ๊ะก็ได้ เพลงช้าก็ยังมีคนชอบ แต่เพลงต้องมีเอกลักษณ์ เพลงโจ๊ะถ้าทำได้โดนคนก็อาจไม่ชอบ คำเชยๆ คำบ้านๆ ความซื่อ ความเป็นเด็กบ้านนอก ความจริงใจ ถ่ายทอดอารมณ์ตรงไปตรงมา ไม่ปรุงแต่ง นี่ละผมว่ามันจะโดนใจคนฟัง

ดนตรีก็สำคัญครับ ถ้าตัดเนื้อร้องออก ถ้าคนเต้นได้ แสดงว่ามันสนุก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งเนื้อร้องเลยก็ได้ อย่างเพลงแว้นฟ้อฯ คนก็เต้นได้สนุกได้แม้ว่าจะมีแค่ดนตรีก็ตาม หรือการมีฟีเจอริ่ง ผมว่ามันก็ยิ่งทำให้เพลงมีความพิเศษมากขึ้นนะ ดนตรี เนื้อหาพูดถึงเด็กแว้นแล้ว แต่แก๊งที่มาฟีเจอริ่งมันพิเศษมากกว่าเพลงอื่น”

เบื้องหน้าเพลงดัง เบื้องหลังเพลงฮิต

 

‘เอาผัวไปเทิร์น’ ดังได้เพราะมีของ ‘ลำยอง หนองหินห่าว’ 

“เอาผัวไปเทิร์น เอาผัวไปเทิร์น เอาผัวไปเทิร์น สิเอาผัวไปเทิร์น...”

ขึ้นต้นมาก็แดนซ์กระจาย ใครเล่าจะอดใจไหว ก็จังหวะเพลงมันน่าแดนซ์ออกปานนั้น ที่ไหนๆ ตอนนี้ต้องเปิดเพลงนี้ไม่เปิดถือว่าเชยมาก เจ้าของเพลง “ลำยอง หนองหินห่าว”ยืนยันอย่างนั้น และเราก็ขอคอนเฟิร์มตามนั้น เพราะไม่ว่าจะผับหรู ผับบาร์ๆ วงดนตรีหมอลำ หรือคณะลำซิ่ง ต้องเปิดหรือไม่ก็แสดงโชว์กัน

ยอดวิวกำลังไต่ความดังเฉียดเข้าใกล้ 10 ล้านวิว “เอาผัวไปเทิร์น” และ อัลบั้ม มัน ม่วน แซบ 2 ค่ายแกรมมี่โกลด์ ภายใต้การดูแลโดย “สวัสดิ์ สารคาม” ครูเพลงชื่อดังที่ตั้งใจปลุกปั้นหมอลำซิ่งโคโยตี้นามว่าลำยองก้าวสู่แถวหน้าในวงการลูกทุ่งหมอลำ

“ตอนที่ได้มาเป็นนักร้องของแกรมมี่โกลด์ก็ยังไม่ได้ออกอัลบั้มทันทีนะคะ ก็ฝึกท่องฝึกร้องกับอาจารย์สวัสดิ์อยู่นานค่ะ เท่าที่นับจำนวนเพลงที่ลำยองท่องและฝึกนี่ถ้าทำเป็นอัลบั้ม ก็น่าจะประมาณ 4 อัลบั้มแล้วละคะ (หัวเราะ) แต่สุดท้ายลำยองก็มี 2 เพลงค่ะ เอาผัวไปเทิร์น กับ จีบเอาสิคะ ซึ่งลำยองก็เข้าใจว่าถ้าออกมาตอนนั้น โลกก็จะลืมลำยอง (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นกระแสหญิงลีดังมากกกก คงไม่มีใครมาสนใจลำยองหรอกค่ะ เชื่อสิ ลำยองสู้หญิงลีไม่ได้แน่นอน ทางผู้ใหญ่ก็เลยรอให้กระแสหญิงลีซาลง แล้วค่อยปล่อยเพลงลำยองออกมา

ที่เพลงนี้ดัง ลำยองว่าเพราะมันแปลกใหม่สำหรับค่ายใหญ่อย่างแกรมมี่โกลด์ ซึ่งก่อนหน้าไม่เคยทำเพลงแนวนี้จังหวะแดนซ์ๆ เป็นหมอลำซิ่ง ไม่เคยทำ คนก็เลยสนใจและแปลกใหม่ ไม่คาดคิดว่าแกรมมี่โกลด์จะทำ บวกกับคาแรกเตอร์ของลำยองที่ออกดื้อๆ เปรี้ยวๆ ก๋ากั๋นนิดๆ ไม่ได้เป็นสาวเรียบร้อย มันก็เลยทำให้คนจดจำลำยองได้ไว ถ้าให้ลำยองร้องเพลงเอาผัวไปเทิร์น แต่ให้แต่งตัวเรียบร้อย พูดเพราะ สวยๆ บนเวที จ้างให้ก็ไม่ดัง จะดังมันต้องแบบลำยองนี่ละคะต้องก๋ากั๋น ต้องแซ่บ ต้องดื้อ ยิ่งเฉพาะโชว์บนเวทีต้องครบสูตรค่ะ ไม่งั้นไม่มีคนฟังหรอกค่ะ”

ก็ไม่ผิดเช่นที่หมอลำวัย 35 ว่าไว้ เพลงนี้ดังได้เพราะความเป็นลำยอง ตัวตนที่เธอใส่เข้าไปในเพลงและการแสดงบน ล้วนแต่สะท้อนถึงความสนุกสนานแบบหมอลำซิ่งอีสาน ที่เมื่อจังหวะเพลงเริ่มขึ้น คนฟังก็พร้อมขยับตามและวาดลวดลายได้ตามใจปรารถนา

“ตอนแรกก็มีปัญหาเหมือนกันนะคะ เพราะผู้ใหญ่บอกว่าให้ลดดีกรีความแซ่บความแรงลงบ้าง ซึ่งลำยองก็กังวลอยู่เหมือนว่า ถ้าลดลงแล้วมันจะไม่เป็นตัวตนลำยองน่ะสิ จนกระทั่งลำยองมาเรียนรู้เองว่าที่ผู้ใหญ่บอกน่ะไม่ได้ให้เปลี่ยน แค่ไม่ให้มันมากเกินไปเท่านั้น อย่างคำพูดคำจา การแต่งตัว ก็ไม่ให้ดูแรง หรือโป๊เกินไป ตอนนี้พอเข้าใจ ลำยองก็ยิ่งแซ่บกว่าเดิมอีกค่ะ

ลำยองว่านักร้องแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนะคะไม่มีใครมาแทนใครหรอก ไม่ใครเป็นคู่แข่งใครหรอก เพราะต่างคนก็ต่างมีความเป็นตัวของตัวเอง เพลงที่แต่ละคนร้องก็บ่งบอกคนคนนั้น อย่างเพลงที่ลำยองร้องก็เป็นเพลงที่มาถูกทางของลำยอง เป็นเพลงที่
เข้ากับสไตล์ลำยอง ก็ยิ่งง่ายที่ถ่ายทอด ไม่ต้องปรับอะไรเยอะ เพราะมันคือตัวตนของลำยองอยู่แล้ว”