ดารณีนุช ปสุตนาวิน ทำด้วยใจเพื่อ (ผู้) พิทักษ์ผืนป่า

เรื่อง : มัลลิกา นามสง่า

“ท็อป” ดารณีนุช ปสุตนาวิน ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงจิตอาสาที่ช่วยเหลือกิจกรรมการกุศลอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้เป็นหัวเรือใหญ่โครงการ “ใครรักป่ายกมือขึ้น” โดยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่มีแนวความคิดจิตอาสาตรงกันทั้งนอกและในวงการบันเทิง ชื่อกลุ่ม “ทำด้วยใจ” ระดมทุนดูแลเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั่วประเทศ

“ที่ผ่านมาอยากช่วยอะไรก็ช่วยไป ไม่มีทำต่อเนื่อง หรือทำใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราว มาเริ่มต้นจริงจังกับเรื่องป่า ในส่วนของสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ดูแลป่า

จุดที่ทำให้เราต้องทำอะไรสักอย่าง ตอนกรณีเสือดำถูกยิง เราก็ไปคุยกับเพื่อนที่เคยทำโปรเจกต์จบด้วยกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นเราทำเรื่องชีวิตผู้พิทักษ์ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งผ่านมาถึงทุกวันนี้เขาก็ยังไม่ได้รับการดูแลที่ดีขึ้น

เราก็ร่างโปรเจกต์ขึ้นมา พอมีความรู้อันเดิม แล้วมีโอกาสไปช่วยงานมูลนิธิปิดทองหลังพระ ก็ได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องขององค์กรการกุศล

แล้วเราก็ได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทั้งที่ห้วยขาแข้ง กรมอุทยานฯ ไปขอคุยกับอธิบดี ท่านก็เมตตาให้คุย เราในฐานะภาคประชาชนขอทำงานร่วมมือที่พอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

ของเราเน้นไปที่สวัสดิการผู้พิทักษ์ป่า จากเหตุการณ์ของเสือดำทำให้มองเห็นคนทำงานเบื้องหลังต่อสู้เพื่อสมบัติของชาติขนาดนั้น

คนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ใส่ชุดเหมือนทหารได้รับสวัสดิการแบบข้าราชการ แต่ความจริงไม่ใช่ ในจำนวนนั้นมีข้าราชการ แต่เกินกว่าครึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว แต่ละคนก็ใช้สิทธิรักษา 30 บาท บัตรทอง ความยุติธรรมในสิ่งที่เขาดูแลสมบัติของชาติแทนเราไม่ได้คุ้มกันเลย

แล้วเขาไม่มีเวลางานแน่นอน ชีวิตพวกเขาทำงาน 24 ชั่วโมง ทำงานเสี่ยงโรคในป่า ศัตรู หน้าฝนพระยังไม่ออกจากวัด แต่เขาต้องออกไหม เสี่ยงเดินลื่นตกเหว ไข้ป่า คุณภาพชีวิตน่าเห็นใจ

ยิ่งเห็นประวัติการทำงานหัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ ขนลุกเลยนะ เขาทำงานที่เสี่ยงภัยมาก ตอนนั่งพิมพ์โครงการจัดตั้งกองทุนนี่มือสั่น”

โครงการใครรักป่ายกมือขึ้น จัดกิจกรรมขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่ล่าสุดภายในงาน Good Society Expo 2018 ได้มีการแจ้งผลการระดมทุนและเปลี่ยนแปลงวิธีการในการสนับสนุนผู้พิทักษ์ป่า เพื่อให้ผู้พิทักษ์ป่าได้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุด

ได้แจ้งผลการระดมทุนและเงินบริจาคไว้ใน http://www.rangersfund.com (ซึ่งดำเนินการโดยธุรกิจเพื่อสังคม เทใจดอทคอม เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อองค์กรที่นำยอดบริจาคไปหักลดหย่อนภาษีได้) นำเงินไปจัดซื้อกรมธรรม์ให้ผู้พิทักษ์ป่า 16,319 คน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-30 ก.ย. 2561 เป็นจำนวนเงิน 32,638,000 บาท แต่เนื่องจากจำนวนเงินยังได้ไม่ถึงเป้าที่กำหนดไว้ และได้ตัดยอดแบ่งซื้อกรมธรรม์สุขภาพและอุบัติเหตุไปแล้ว 4,445 กรมธรรม์ เป็นจำนวนเงิน 8,890,000 บาท

ส่วนที่เหลือจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. มีเงินประมาณ 2 ล้านกว่าบาท โครงการได้หารือกับเมืองไทยประกันภัย ได้ข้อสรุปว่าเงินส่วนที่เหลือจะปรับจากซื้อกรมธรรม์ประเภทสุขภาพและอุบัติเหตุแบบระบุชื่อเป็นกรมธรรม์ประเภทอุบัติเหตุกลุ่มแบบไม่ระบุชื่อ เพื่อให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า โดยจะคุ้มครองเป็นเวลา 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อ

นอกจากนี้ กลุ่มทำด้วยใจจะจัดตั้งเป็นชมรมเพื่อความคล่องตัวในเรื่องให้ความช่วยเหลือและบริหารเงินบริจาค

“ก้าวที่เราออกเดินต้องโปร่งใส เราทำอะไร วัตถุประสงค์ยังไง ทำไมเราเลือกทำประกัน ทำกองทุน ทำระบบต่างๆ จะตรวจสอบได้ว่าเงินที่คนบริจาคมาไปถึงเจ้าหน้าที่ยังไง ถ้าเราไม่เริ่มต้นแบบนี้จะไม่รู้กลไกที่รัดกุม เรารู้ช่องทางกลไกช่วยเหลือให้โปร่งใส เราเรียนรู้และปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้น

ที่ทำมาทั้งหมดเริ่มโครงการมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 2561 มาถึงวันนี้ ที่ทำมารู้สึกว่าเราเริ่มทำแล้ว มันเป็นระบบของมันไปต่อแล้ว ทำโครงการมาเงินที่ได้จากกรมธรรม์ตอนนี้มีรายเดียวที่เสียชีวิต ได้ 2 แสนบาท คนอื่นป่วยไข้มีกฎกติกาในการดูแลของประกัน ก็มีคนไปใช้สิทธิอยู่

ในอนาคตเราเปลี่ยนจากซื้อประกันมาจดเป็นชมรม วัตถุประสงค์เปลี่ยนรูปแบบการช่วยเหลือ ให้เจ้าหน้าที่มาเป็นสมาชิก ให้เขารู้ว่ามีคนคอยช่วย ใครป่วยไม่สบายเราดำเนินการช่วยเหลือพิจารณากันต่อไป

ตอนนี้ในเชิงความคิด เจตนาสำเร็จแล้ว แต่ในภาคปฏิบัติช่วยได้จริง แต่ยังมีคนอื่นๆ ป่วยไม่ได้แจ้งเข้ามา เราเข้าไม่ถึงทุกคน เราต้องผ่านส่วนกลางของกรม เราต้องหาทาง ทำพวกนี้เรียนรู้ไปด้วยทำไปด้วย เดินอย่างระวัง เราต้องเดิน ทำเรื่องให้โปร่งใส ชัดเจน ถ้าตั้งใจจะช่วยคนต้องเอาให้ได้ตามนั้น เราต้องทำให้เต็มที่

แน่นอนการที่พวกเราคนมีชื่อเสียงลุกมาทำเรื่องพวกนี้ ทำให้กระแสอนุรักษ์มีมากขึ้น และให้ทุกคนหันกลับมามอง ให้คนรู้ว่าเจ้าหน้าที่เสียสละอย่างไรบ้าง”

เรื่องเงินๆ ทองๆ ของคนอื่นใครแตะก็มีเรื่องให้ร้อนใจตามมาได้ ดังนั้นเป็นเรื่องแรกที่ท็อปต้องทำให้โปร่งใส เพราะเจตนาคือช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่า ชื่อเสียงเงินทองสำหรับเธอมีติดตัวมานานแล้ว ที่ออกเหงื่อออกเวลาก็เพื่อต้องการทำเพื่อผู้อื่นจริงๆ เมื่อเจตนาบริสุทธิ์จึงมีผู้ให้ความร่วมมือจำนวนมาก

ปลูกต้นไม้ในวันนี้ ค่อยๆ รดน้ำพรวนดิน สักวันต้นไม้จะกลายเป็นป่าให้ร่มเงาคืนความชื่นใจแก่ผู้ปลูก