posttoday

จักรพันธุ์ ขวัญมงคล การตกผลึกถึงมรดกของอดีต

21 มิถุนายน 2561

หนังสือที่จะผลักหลังดันไหล่ให้คุณกล้ากลับไปเผชิญเรื่องราวที่ผิดพลาดในอดีต กับนวนิยายอ่านสนุกแต่อาจจะจุกในตอนสุดท้ายเรื่อง มรดกตกผลึก

เรื่อง : กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

หนังสือที่จะผลักหลังดันไหล่ให้คุณกล้ากลับไปเผชิญเรื่องราวที่ผิดพลาดในอดีต กับนวนิยายอ่านสนุกแต่อาจจะจุกในตอนสุดท้ายเรื่อง มรดกตกผลึก ผลงานเล่มล่าสุดของ จักรพันธุ์ ขวัญมงคล นักเขียน นักแปลและบรรณาธิการอิสระวัย 42 ปี ผู้โตมากับวิดีโอตลกคาเฟ่ และมีความสามารถในการเล่าเรื่องให้คนฟังรู้สึกตลก แต่เขากลับยืนกรานว่าตัวเองไม่ใช่คนตลกแม้แต่น้อย

“คนส่วนใหญ่บอกว่ามันเป็นนิยายที่พูดถึงชีวิตของตลกคาเฟ่ที่ผมสมมติขึ้นมาแก๊งหนึ่ง และชะตากรรมของพวกเขาที่เกิดขึ้น” ตัวละครหลักของนวนิยายเรื่องนี้คือ ตกผลึก ผู้ที่ต้องกลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตเพื่อที่จะได้รับมรดก

“ทำไมถึงเลือกตลกมาเป็นตัวละครหลัก” เขาทวนคำถาม “เพราะตอนเด็กๆ ผมชอบดูตลกคาเฟ่ เวลาเราเขียนนิยายและเซตตัวละครเอก ในฐานะคนเขียนเราจำเป็นต้องรู้ชีวิตของตัวละครตัวนั้นว่าเป็นคนแบบไหน ทำมาหากินอะไร บุคลิกลักษณะเป็นยังไง วันๆ ต้องเจอกับอะไรบ้าง ดังนั้นมันจึงมีไม่กี่อาชีพที่ผมจะสามารถอธิบายชีวิตคนเหล่านั้นได้ เป็นคนที่ผมอยากไปทำความรู้จัก และผมน่าจะจัดการเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขาได้”

วิธียิงมุขแบบ ปู ชง ตบ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของตลกคาเฟ่ปรากฏอยู่ในทุกบทของหนังสือ แต่มรดกตกผลึกไม่ใช่นวนิยายตลกโปกฮาที่เอะอะก็ใช้ถาดฟาดหัวและจบด้วยเสียงกลอง ตึกโป๊ะ! นี่เป็นความร้ายกาจของจักรพันธุ์ เพราะในขณะที่เขากำลังปูเรื่องมาปกติ ก็ขอแวะชงด้วยมุขตลกจังหวะสามช่า แต่กลับตบด้วยความรู้สึกหนาๆ ทำน้ำตาซึม

“ผมกำลังเล่าชีวิตของคนที่กลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยทำไว้ในอดีต” เขาตกผลึก “และอีกมุมหนึ่งที่นิยายเล่มนี้กำลังพูดก็คือ สังคมเราในอดีตเคยทำอะไรกันไว้มันคือ มรดกอย่างหนึ่งที่คนรุ่นหลังจำเป็นต้องรับมาไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เพราะมันตกผลึกเป็นชั้นๆ มาตั้งแต่กาลก่อน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เลือก สิ่งที่เราไม่ได้ทำ แต่มันเป็นสิ่งที่เขาจัดวางมาให้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ว่าเราจะอยู่และจัดการกับมรดกก้อนนี้ยังไง”

จักรพันธุ์ ขวัญมงคล การตกผลึกถึงมรดกของอดีต

จักรพันธุ์ กล่าวต่อว่า หากนวนิยายเล่มนี้จะมีส่วนใดส่วนหนึ่งเขียนขึ้นมาจากชีวิตจริงของเขาบ้าง สิ่งนั้นคงจะเป็นการที่เขากล้ากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตให้ถูกต้อง “ผมทำสิ่งผิดพลาดไว้ในอดีตเยอะ ซึ่งสิ่งที่ผ่านมาผมใช้วิธีหลบหลีก หนีปัญหา ผมเป็นนักหนีปัญหาชั้นเยี่ยมเลย แล้วผมไม่แฮปปี้กับชีวิตแบบนั้น แต่พอถึงจุดหนึ่งที่ผมไม่สามารถหนีมันได้อีกแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะกลับไปแก้ไขมันได้หรือเปล่า เพราะข้อผิดพลาดบางอย่างผมทำมันพังด้วยมือตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ชีวิต การงาน ความสัมพันธ์ เงินทอง คำสัญญา หากผิดคำสัญญาแล้วจะไปกอบกู้อะไรในตอนนี้ มันจึงทำให้ผมสมเพชตัวเอง

ผมเลยคิดว่า เอาล่ะ ต่อไปนี้ผมจะไม่หนีอีกแล้ว ผมจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ผิดพลาดและจะกลับไปเผชิญหน้ากับมันเท่าที่ผมจะทำได้ ถ้าต้องขอโทษ ผมจะกล่าวคำขอโทษ ถ้าจำเป็นต้องอธิบาย ผมจะอธิบายและไม่โกหก ถ้าผมโหลยโท่ย ผมก็จะยอมรับว่าผมโหลยโท่ย ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงจะเป็นอนุสรณ์ส่วนตัวไว้เตือนสติว่า จงอย่าหนีอีก มันจะเป็นคนที่จะดึงเสื้อผมและบอกว่า อย่าไปผิดคำสัญญาใคร ถ้าทำผิดก็ต้องขอโทษ หรือถ้าทำพลาดก็เดินเข้าไปบอกว่าผมทำพลาดไปแล้ว อย่าหนีปัญหา”

อย่างไรก็ตาม การเดินทางย้อนกลับไปดูข้อผิดพลาดในอดีตของตัวละครหลัก จักรพันธุ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง Broken Flowers ของจิม จาร์มุช ส่วนฉากจบได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงของครอบครัวตลกไทยที่ทำให้หัวเราะไปทั้งน้ำตา

“ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้คงสร้างความสนุกสนานประมาณหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันไม่ได้เปล่ากลวง” เขากล่าวทิ้งท้าย “แต่ถ้ามันจะเหิมเกริมสร้างอะไรให้คุณได้มากกว่านั้น ผมก็โชคดีที่งานเขียนของผมสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งน้อยที่สุดผมอยากให้คุณสนุกไปกับมัน หัวเราะไปกับมัน และร้องไห้บ้างในบางตอน”

หลังจากหัวเราะจนเมื่อยกรามและหลังมือเปื้อนน้ำตา มรดกตกผลึกไม่เพียงพาผู้อ่านย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ทั้งเรื่องที่ยิ้มได้และอยากร้องไห้ออกมา แต่มันยังทำให้คิดถึง “ปัจจุบัน” ว่าควรใช้ชีวิตวันนี้อย่างไร เพื่อให้อนาคตไม่ต้องเสียใจกับอดีตของตัวเอง