posttoday

เป็นมะเร็งแล้วไง...วิธีคิดไม่ติดลบ ชาติ ภิรมย์กุล

01 เมษายน 2561

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ถือเป็นอมตวาจาที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย

โดย อณุสรา ทองอุไร-จุฑามาศ นิจประพันธ์ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ถือเป็นอมตวาจาที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะโรคมะเร็งนั้นถือเป็นโรคที่หลายคนกลัว หากเป็นขึ้นมาจะทำอย่างไร จะรักษาหายหรือไม่ บางคนรู้ตั้งแต่ระยะแรกก็โชคดีไป แต่บางคนที่มารู้ตอนระยะหลังอยู่ในขั้น 4 นี่ถือว่าจิตตก ทำใจลำบากจริงๆ

ดังนั้น โรคนี้จึงเป็นโรคที่ต้องใช้กำลังใจเป็นอย่างมาก ยิ่งคิดบวกมากเท่าไร ยิ่งมีพลังใจในการต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น เรียกว่า เสียอะไรเสียได้ แต่อย่าเสียกำลังใจเป็นดีที่สุด เช่นเดียวกับเขาคนนี้ นักเขียนนามระบือที่เราคุ้นเคยกับชื่อเสียงของเขาเป็นอย่างดี เพราะเขามีงานเขียนมาแล้วถึง 45 เล่ม

ชาติ ภิรมย์กุล นักเขียนผู้มากประสบการณ์และถือว่ามีตัวหนังสือที่อารมณ์ดีสะท้อนตัวเขาเองที่เป็นคนมีอารมณ์ขันอยู่ไม่น้อย แถมยังเป็นคนรักสุขภาพ ไม่ดื่ม ไม่สูบ รวมทั้งรักในการปั่นจักรยาน ถือว่าโดยภาพรวมแล้วเขาก็เป็นผู้ที่มีสุขภาพดีใช้ได้ ไม่ค่อยเจ็บป่วยอะไรมาก จนกระทั่งเข้าสู่วัย 60 ปี เขาตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งมุ่งมั่น เขาบอกกับเราว่า “ผมอยากปั่นจักรยาน ผมต้องหาย” ตั้งแต่เริ่มเป็นเมื่อปีที่แล้วที่การรักษาเป็นไปอย่างเข้มข้นหนักหน่วง ที่เขาต้องนอนโรงพยาบาลนานเกือบ 6 เดือน เพื่อรับไขกระดูกจากน้องสาวและน้องชาย จนวันนี้ผ่านมาเกือบปีอาการของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ต้องมาพบแพทย์ทุกเดือนเพื่อติดตามควบคุมอาการที่เป็นผลข้างเคียงมาจากการได้รับคีโม

เป็นมะเร็งแล้วไง...วิธีคิดไม่ติดลบ ชาติ ภิรมย์กุล

ตลอดเวลาการรักษาเกือบ 1 ปี เขาใช้พื้นที่หน้าเฟซบุ๊กตนเองถ่ายทอดเรื่องราวการเป็นมะเร็งในมุมมองแง่บวกให้กับผู้คนได้อ่าน ได้เข้าใจว่ามะเร็งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด และเขียนหนังสือชื่อเรื่อง มะเร็งแล้วไงต่อ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากการรักษาของเขาอย่างใกล้ชิด แม้ในยามที่ร่างกายอ่อนแอสุด งานเขียนของเขาก็ยังเป็นตัวหนังสืออารมณ์ดีที่ทำให้คนอ่านแล้วแอบยิ้มกับอารมณ์ขันของเขา จนทำให้ความน่ากลัวของโรคมะเร็งนั้นเจือจางลงไปมาก

เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเริ่มไม่สบายตอนปลายปี 59 ตอนนั้นมันเริ่มจุกหน้าอก แน่นหน้าอก หายใจไม่สุด มีอาการหนาวสั่น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลบําราศนราดูร แพทย์บอกเขาว่าเป็นเนื้อกระดูกอ่อนอักเสบ ก็เอายามากินแต่ไม่หาย คราวนี้ปวดหัวด้วย ทรมานมากกินยาก็ไม่หาย เลยเข้าไปที่โรงพยาบาลเดิมอีกรอบ คราวนี้หมอที่ห้องฉุกเฉินบอกว่าเขาเป็นไข้เลือดออก ไปนอนได้คืนหนึ่ง พักที่ตึกผู้ป่วยชาย แล้วก็มีหมออีกคนบอกว่าเขาไม่ได้เป็นไข้เลือดออกแต่เป็นเกี่ยวกับเม็ดเลือดขาวผิดปกติ ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าคืออะไร เลยถามหมอ หมอเลยบอกว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว

เขาอึ้งไปพักใหญ่ แต่ไม่ได้จิตตกจนเกินไป สิ่งที่กังวลก็คือจะไปบอกภรรยากับลูกชายอย่างไร กลัวครอบครัวจะเสียกำลังใจ เขาเก็บเรื่องนี้ไว้ 1 สัปดาห์ เพื่อคิดว่าจะบอกลูกเมียอย่างไรไม่ให้ตกใจ เพราะทางครอบครัวทางเขาไม่เคยมีใครเป็นมะเร็งมาก่อน
ดังนั้นมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เขาเป็นไม่ได้เกิดจากปัจจัยเสี่ยง ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ มิหนำซ้ำตัวเขาเองไม่ใช่คนดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ แต่น่าจะเกิดมาจากพฤติกรรมการกินที่ผิดๆ และสะสมมานานปี 

เป็นมะเร็งแล้วไง...วิธีคิดไม่ติดลบ ชาติ ภิรมย์กุล

โดยเขามานึกย้อนถึงพฤติกรรมการกินตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ “การกินกาแฟตอนเช้าและไม่กินข้าว ไม่ใช่ว่ากินมาแค่ปี 2 ปี ผมกินมา 20 กว่าปีแล้ว ก่อนป่วย กินกาแฟและขนมปัง พวกเบเกอรี่ มันเป็นไขมันทรานส์ พวกนี้เป็นจุดที่ทำให้ความสมดุลของเลือดมันเสีย ตอนเย็นก็ยังไม่กินข้าวอีกแล้วกินกาแฟ เรากินข้าวมื้อเที่ยงมื้อเดียวเพราะความชิน เป็นโภชนาการวิบัติ ตรงนี้มันมีส่วน เพราะปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับเม็ดเลือดขาวเราไม่มีเลย สรุปแล้วมันก็มาจากการกินที่ผิดๆ”

เขาเสริมอีกว่า เบเกอรี่ทุกชิ้นมันมาจากไขมันทรานส์ เขากินมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี มันทำให้ความเป็นกรดเป็นด่างของเลือดในตัวมนุษย์เปลี่ยนไปหมด อาการก่อนป่วยเขามักจะเป็นไข้บ่อยและไม่สามารถอาบน้ำเย็นได้ เพราะตอนนั้นเลือดของเขาเสียไปแล้วเพียงแต่เขาไม่รู้ตัว

“ถ้าเราไม่กลัวแต่แรกก็ไม่ต้องกลัว ตอนรู้ครั้งแรกปกติ ไม่ได้ตกใจ ตอนนั้นกังวลแค่อย่างเดียวว่าเราจะบอกลูกกับแฟนว่าอย่างไรดี ใช้เวลา 1 อาทิตย์ก็บอกเขา ครอบครัวก็บอกว่าเป็นก็ต้องรักษา โชคดีที่น้องที่รู้จักแนะนำให้มารักษาที่ศิริราช เราได้อาจารย์หมอ พอมาถึงหมอก็จะบอกเราว่าเรารักษาแบบไหน ขั้นตอนการรักษา คีโม 3 รอบนะ (รอบละหลายครั้งด้วย) ปลูกถ่ายกระดูก เขาบอกขั้นตอนรักษาชัดเจน เขาบอกเราว่ามันกินกระดูกไปเยอะแล้ว ต้องรีบรักษา เราก็ตกลง”

หลังจากนั้นเขาย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งการทำคีโมของเขารอบหนึ่งต้องให้ 6-7 ถุง เข้าทั้งหมด 3 รอบ และขั้นสุดท้ายคือการปลูกถ่ายกระดูกโดยใช้สเต็มเซลล์ของคนในครอบครัว โดยเขาใช้สเต็มเซลล์ของน้องชายนำมาฉีดเข้าไขกระดูกและจะผลิตเม็ดเลือดออกมาเพราะหากไม่ทำเม็ดเลือดที่ออกมาก็จะเสีย ยกเว้นนำเลือดคนอื่นมาใส่ เจาะ 3 คน ได้คนหนึ่ง โครโมโซมตรงกัน 6 คู่ได้ นอนโรงพยาบาล 3 รอบ ก็ประมาณ 6 เดือน หนักสุดคือตอนปลูกถ่ายไขกระดูกเพราะคีโมมันจะแรงกว่าปกติ 10 เท่า เพราะเขาจะเคลียร์ให้หมด ล้างให้เกลี้ยงและค่อยเอาเลือดใหม่ลงไป

เขาเสริมอีกว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวจะไม่มีระยะแบบมะเร็งตับหรือมะเร็งชนิดอื่น จะเป็นมากเป็นน้อยดูจากว่ามันกินไขกระดูกไปเท่าไรแล้ว และด้วยความที่ปกติเขาเป็นคนเขียนหนังสืออยู่แล้ว เมื่อป่วยจึงอยากถ่ายทอดเรื่องราว อยากให้คนรู้ว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวคืออะไร รักษาอย่างไร เพราะคนกลัวกันเยอะ ทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาล เขาจะกลับมาเขียนเพื่อให้คนที่เป็นเหมือนเขาไม่ต้องกลัวและกังวลกันไปเอง ซึ่งการป่วยของเขาในครั้งนี้ นอกจากเขาจะไม่วิตกไปเองแล้วนั้น เขายังมีทัศนคติและพลังใจที่ล้นเปี่ยม ไม่พาตนเองให้จมดิ่งลงไปเพราะเพียงว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็ง

“คนเรามันต้องมีเป้าหมาย การป่วยมันไม่ใช่ว่าคุณนอนป่วยแล้วไปคิดว่าทำไมเราต้องป่วย มันไม่ได้ประโยชน์เราต้องคิดว่าถ้าเราหาย จะทำอะไร อย่างผมก่อนป่วย ปั่นจักรยาน ตอนป่วยเปิดดูภาพที่เคยปั่นจักรยาน เราเปิดดูทุกวันและบอกตัวเองว่าเราต้องออกไปให้ได้ และจำคำพูดที่หมอบอกว่าคุณชาติ คนอื่นหายได้ คุณก็ต้องหายได้ เราต้องจำตรงนี้ไว้ อย่าไปท้อ อย่าไปคิดว่าเมื่อไรจะหาย”

เป็นมะเร็งแล้วไง...วิธีคิดไม่ติดลบ ชาติ ภิรมย์กุล

นี่คือความคิดพลังบวกที่นำจิตใจของเขาให้เข้มแข็ง แม้จะเป็นโรค แต่โรคไม่สามารถกัดกินกำลังใจที่ตัวเขามีให้กับตนเองมาเสมอได้ แม้ว่าในบางครั้งเบื้องหลังการถ่ายทอดประสบการณ์มะเร็งเม็ดเลือดขาวผ่านเฟซบุ๊กในบางครั้ง ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาอ้วกบ้าง แพ้ยาบ้าง แต่เขาก็ยังกลับมาเขียนถ่ายทอดเรื่องราวต่อ และโชคดีที่การรักษาของเขาผ่านไปด้วยดี เขาไม่แพ้คีโม

หลายคนคงสงสัยว่าแพ้คีโม ทำไมถึงแพ้ เขาเล่าเสริมว่า คนที่แพ้คีโมต้องดูว่าก่อนจะเป็นมะเร็งนั้น ใช้ชีวิตกันมาอย่างไร กินเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวเตร่และไม่ดูแลร่างกายขนาดไหน เพราะการให้คีโมมันค่อนข้างแรง เมื่อร่างกายไม่แข็งแรงพอก็จะแพ้ แต่สำหรับเขาเองไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้าออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยานเสมอ พื้นฐานร่างกายเขาแข็งแรง ส่งผลให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว  ศาสนาพุทธให้เดินสายกลางมาอยู่กับปัจจุบัน อันนั้นคือเรื่องปกติ แต่สำหรับคนที่ป่วยต้องชวนใจไปเที่ยวข้างนอก ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันเราจะมัวคิดว่าทำไมเจ็บแผล ต้องเปลี่ยนใหม่วิธีคิดใหม่

ในปัจจุบันเขาอยู่ในระยะฟื้นตัวและมีผลข้างเคียง 2 อย่าง คือ ปอดกับตาแห้ง โดยผลข้างเคียงนี้เกิดจากการปลูกถ่ายไขกระดูกไม่ได้มาจากการทำคีโม โดยปกติคนทั่วไปผลข้างเคียงไม่เป็นที่หัวใจก็ปอด แต่ของเขาเป็นที่ปอดเพราะก่อนที่จะป่วยเขามีปัญหาเรื่องของปอดอักเสบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มักจะมีอาการหายใจไม่สุดเหนื่อยง่าย หายใจไม่ทัน

“ตอนนี้ผมทำคีโมครบหมดแล้ว เหลือแค่โรคข้างเคียงปอดกับตาและต้องทานยาโรคเลือด หมอจะให้กินยาต้านไวรัส เพราะส่วนใหญ่คนที่ถึงขั้นตอนการปลูกถ่าย ถ้าเราดูแลตัวเองไม่ดี เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด มันก็คือเชื้อไวรัสนั่นแหละ หมอเขาจะกันให้เราหมด หลังจากนี้เราก็ตรวจเลือดทุกครั้ง เจาะดูว่าเป็นอย่างไร หมอจะเป็นคนบอกเราได้ว่าต้องลดยาลงไหม เลือดเราปกติหรือยัง สำคัญที่สุดคือเม็ดเลือดขาว ถ้าเม็ดเลือดขาวเราขึ้นมาใกล้คนปกติ มันก็โอเค”

ในตอนที่เริ่มหายดี สิ่งที่เขาเขียนไว้บนเฟซบุ๊ก เขานำตรงนั้นมาเรียบเรียงและเขียนเพิ่ม ส่งให้กับมติชน ทำเป็นหนังสือออกมาโดยมีจุดประสงค์หลัก คือ อยากเล่าถึงขั้นตอนการดูแลรักษา การให้คีโม และเป็นการให้กำลังใจคนป่วยที่กำลังท้อหรือกลัวและวิตกกังวลกับโรคมะเร็งให้มีกำลังใจที่จะรักษาตนและดูแลตนเองให้หายจากโรคร้าย ทั้งหมดนี้เขาใช้เวลาประมาณเกือบปี รักษาตนเองจนมีอาการที่ดีขึ้น แม้จะยังไม่หายดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็สามารถไปไหนมาไหนได้ด้วยตนเอง

เป็นมะเร็งแล้วไง...วิธีคิดไม่ติดลบ ชาติ ภิรมย์กุล

การที่ร่างกายเขาฟื้นฟูเร็ว เกิดจากร่างกายที่แข็งแรงและการมีเป้าหมายในชีวิต เขาบอกว่าถ้าหายดีเป็นปกติ จะไปปั่นจักรยานต่างจังหวัด ชอบเที่ยวชุมชนเล็กๆ มันมีเสน่ห์ดี มีวัฒนธรรม แล้วก็จะเอามาเขียนหนังสืออีก แต่ต้องรอให้ตัวเองหายดีก่อน ตอนนี้ยังไปได้ไม่ไกลเพราะติดเรื่องปอด มันรักษานาน แต่ก็รักษาได้ ดีที่ไม่สูบบุหรี่เลยไม่รุนแรงมาก ร่างกายฟื้นตัวเร็ว สิ้นปีนี้ปอดถึงจะดี แต่ก็ต้องกินยาตลอด ส่วนการปั่นจักรยานมันได้เรื่องหัวใจด้วย เวลาไปไหนจริงๆ ยังต้องใส่แมสปิดปากตลอด แต่เขาใส่แล้วหายใจไม่ออก ก็ใส่ๆ ถอดๆ

เขายังเล่าต่อว่า การกินที่ผิดทำให้ชีวิตไม่ดี การกินอาหารและการดูแลตนเอง ไม่เพียงเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค แต่เป็นสิ่งที่ชี้วัดได้ด้วยว่า โรคที่เราเป็นจะหนักหรือไม่หนัก ก็ดูจากการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของแต่ละคนอีกด้วย การฟื้นฟูร่างกายหลังรักษาโรคก็เช่นกัน หากใส่ใจที่จะดูแลตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ สุขภาพที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งเสมอ

เขาแนะนำว่า ถ้าเลือกได้พยายามเลือกผักผลไม้ เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่เป็นของดี เป็นของปลอดสารพิษ เพราะในผักแต่ละชนิดมีสารเคมีปนเปื้อนอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะเลือกบริโภคแบบไหน ในเมืองมันเลือกยาก เราก็ควรจะเลือกสิ่งดีๆ ให้กับร่างกาย เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมและก่อให้เกิดโรคร้าย สุดท้ายนี้เขาได้ฝากข้อคิดและข้อแนะนำในการรักษาตัวเอง

“คนเราเวลาป่วยก็จะมโนไปทางนั้นทางนี้ คิดเยอะไป คิดมากกว่าหมออีก จริงๆ เราควรฟังหมอคนเดียวเลย บางคนเก่งกว่าหมอ บอกแบบนั้นแบบนี้ มันไม่ใช่เขาไม่เคยเป็น ที่บอกว่าให้คีโมแล้วร่างกายจะทรุด เขาเคยให้หรือเคยเป็นหรือเปล่า หลักการการให้คีโมมันทำลายเม็ดเลือดที่ดีและไม่ดี ถูกมันทำลายทั้งดีและไม่ดีทำลายหมด แต่อย่าลืมว่าอีก 1 อาทิตย์ มันจะฟื้นมาใหม่ เลือดก็ฟื้นฟูใหม่ อันนี้ไม่มีใครพูดกัน

เราต้องกินอาหาร กินเยอะๆ ร่างกายมันจะซ่อมแซมตัวเอง ไม่ใช่ว่าทรุดแล้วต้องทรุดตลอดไป คีโมทุกคนเป็นแบบนี้ สมมติมันไม่ขึ้นเขาก็ให้เลือด ถ้าเม็ดเลือดขาวไม่ขึ้น ก็ฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว ถ้าใครมีญาติป่วยเป็นมะเร็ง อย่าเพิ่งไปท้อ อย่าคิดว่าจะไม่หาย เป็นมะเร็งถ้ารักษาแบบถูกหลัก โอกาสหายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ มันเป็นวิทยาศาสตร์ ก็รักษาตามแพทย์ปัจจุบัน เขาจะตรวจค่าเลือด บางคนเสียดายโอกาส เป็นระยะแรกๆ 1-2 ดันไปหาหมอสมุนไพร ไปทางแพทย์ทางเลือก ทีนี้แพทย์ทางเลือกไม่มีงานวิจัย กฎวิทยาศาสตร์มันไม่มี แพทย์ทางเลือกเราควรเอามารักษาช่วงฟื้นฟูแล้ว อันนั้นจะดี แต่ช่วงป่วยควรรักษาทางวิทยาศาสตร์ดีกว่าครับ”