posttoday

นิชาภา ยศวีร์ เราคือเครื่องมือการตลาดของประเทศ

06 มีนาคม 2561

ผู้บริหารหญิงหน้าตายิ้มแย้ม อารมณ์ดี ด้วยหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ นิชาภา ยศวีร์

เรื่อง อณุสรา ทองอุไร, จีรวัฒน์ กล้ากะชีวิต ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

ผู้บริหารหญิงหน้าตายิ้มแย้ม อารมณ์ดี ด้วยหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ นิชาภา ยศวีร์ Senior Vice President - Business สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.มีบทบาทเหมือนฝ่ายการตลาดของประเทศไทย ในการใช้ไมซ์ (Meetings, Incentives, Conventions, Exhibitions) เป็นเวทีเพื่อดึงนักธุรกิจและนักลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมนั้นๆ มาลงทุนในไทย และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศ

หลังขึ้นรับตำแหน่งใหม่ เธอสร้างภารกิจในการใช้ไมซ์เป็นเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงรุกของประเทศ และสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ด้วยวิธีจัดวางประเทศไทยเป็นประเทศเจ้าภาพไปดึงงานประชุมและนิทรรศการระดับโลกในหลากหลายอุตสาหกรรมให้เข้ามาจัดในประเทศ และสนับสนุนงานไมซ์ในประเทศให้เข้มแข็งมากขึ้น และยังต้องเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ให้ยั่งยืน

นอกเหนือจากสนับสนุนให้งานในประเทศเข้มแข็งแล้ว ยังต้องช่วยดึงงานระดับนานาชาติจากต่างประเทศให้มาจัดในประเทศไทยได้มากขึ้น ภาระหน้าที่สำคัญอีกประการคือ การประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานของภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก และเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้จัดงานและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ให้มีมาตรฐานการจัดงานและบริการที่สูงขึ้น สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ และเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงงานจากต่างประเทศ

ดังนั้น การไปทำการตลาดต่างประเทศแต่ละครั้ง เธอจำเป็นจะต้องเลือกประเทศเป้าหมาย และงานเป้าหมายที่สามารถนำมาต่อยอดความรู้ การลงทุน และสร้างมูลค่าให้แก่ประเทศที่สูงที่สุดได้จะได้ไม่มีปัญหาการไปแล้วสูญเปล่า การที่จะได้งานระดับโลกมาแต่ละครั้งไม่สามารถทำได้ในครั้งเดียว ทุกอย่างต้องมีการเจรจา ต่อรอง ยื่นข้อเสนอประมูลสิทธิการจัด หรือการ Bid งานล่วงหน้าเป็นปีๆ แต่เป็นภารกิจที่น่าภาคภูมิใจ เพราะสามารถสร้างการเจริญเติบโตให้แก่อุตสาหกรรมเป้าหมายได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ภาคเอกชนเติบโต เงินก็เข้าสู่ประเทศมากขึ้น เท่ากับว่าประเทศมีรายรับมากขึ้น

นิชาภา ยศวีร์ เราคือเครื่องมือการตลาดของประเทศ

เธอเล่าว่า งานไมซ์มีองค์ประกอบค่อนข้างมาก จึงต้องพิถีพิถันตั้งแต่การวางแผนยุทธศาสตร์ ใส่ใจการบริหารจัดการในแต่ละขั้นตอน มีความเป็นมืออาชีพตลอดกระบวนการ เพราะเราต้องการได้งานที่มีคุณค่าต่อประเทศไทย และสามารถจัดงานที่สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ตอบโจทย์นโยบายเศรษฐกิจ และยังไม่เคยจัดในประเทศไทย ยิ่งต้องพยายามดึงเข้ามา และทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบ เพราะทุกงานที่มีส่วนร่วมสนับสนุนต้องประสบความสำเร็จ

ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณทำให้ไม่สามารถไปดึงงานมาได้ทั้งหมด แต่ช่วยให้เรามุ่งเน้นไปยังงานที่ตอบโจทย์ที่สุด และสามารถสร้างรูปแบบความร่วมมือภายในประเทศ หาภาคีภาครัฐและเอกชนที่เมื่อร่วมกันทำงานแล้ว สามารถสร้างโอกาสความสำเร็จให้แก่ประเทศไทยที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลกได้หลากหลาย ตรงประเด็นและใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ พันธมิตรของเราที่จะเข้าร่วมดึงงานหรือจัดงานไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะภาคเอกชน แต่เป็นภาครัฐก็ได้ โดยทีเส็บให้การสนับสนุนภาครัฐ

“ตั้งแต่การประมูลสิทธิจนถึงความร่วมมือเรื่องการจัดงาน เช่น งาน SIGGRAPH Asia 2017 ซึ่งจัดโดยสมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ โดยมี ทีเส็บ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และหน่วยงานภาคีอื่นๆ ให้การสนับสนุน หรืออย่างงาน Future Energy Asia 2018 ซึ่งเป็นงานชั้นนำด้านพลังงานจากยุโรป นำมาจัดครั้งแรกในประเทศไทยในช่วงเดือน ธ.ค. 2018 นี้ ก็เกิดจากความร่วมมือของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ผู้จัดงานบริษัท ดีเอ็มจี ทีเส็บ และกระทรวงพลังงาน ไมซ์จึงตอบโจทย์ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมและธุรกิจ” เธอกล่าวอย่างมุ่งมั่น

นิชาภา ยศวีร์ เราคือเครื่องมือการตลาดของประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีพันธกิจที่จะต้องสร้างงาน สนับสนุนงาน และดึงงานต่างๆ อีกมากให้เข้ามาจัดที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในงานที่อยู่ในโปรไฟล์อุตสาหกรรมภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 มีงานไมซ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ดึงให้มาจัดที่เมืองไทยได้เป็นครั้งแรก หรือเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับกลุ่มนักธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล อาทิ งานนิทรรศการ Label Expo Southeast Asia 2018 งาน Medical Devices ASEAN 2018 หรือกลุ่มเมกะกรุ๊ป Herbalife จากประเทศจีน และ Herbalife จากเอเชียเหนือ และกรุ๊ปจาก Magic QSP จากอินเดีย เป็นต้น

อนาคตอันใกล้นี้ เธอมีโครงการจัดหนึ่งกระทรวงหนึ่งเอ็กซ์โป ร่วมกับกระทรวงเจ้าภาพอุตสาหกรรม 4.0 ในการไปร่วมประมูลสิทธิงานระดับโลกมาจัดในไทย รวมถึงการส่งเสริมเมืองรองในประเทศให้เป็นสถานที่จัดงานระดับชาติ เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ต้องการจะทำให้สำเร็จโดยเร็ว รวมถึงแผนการจัดวางประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของงานจัดประชุมแห่งเอเชีย หมายความว่า ประเทศแถบยุโรป อเมริกา หรือประเทศอื่นๆ นอกภูมิภาคเอเชีย เมื่อนึกถึงการจัดงานจะต้องนึกถึงประเทศไทย เพราะไทยนั้นมีเสน่ห์ ผู้คนน่ารัก มีความน่าสนใจ จุดเด่นคือ ความหลากหลายของสถานที่จัดงาน นอกเหนือจากกรุงเทพฯ ก็ยังมี เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา ขอนแก่น ซึ่งจุดนี้เองก็จะทำให้เป็นการกระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ต่างจังหวัด

“ไมซ์ตอบโจทย์ทั้งรัฐและเอกชน เพราะเราเป็นเครื่องมือการตลาดของประเทศ รายได้ของงานไมซ์มากกว่าการท่องเที่ยวปกติถึง 3 เท่า ในแต่ละปีเราสร้างรายได้เข้าประเทศ 2 แสนล้านบาท สร้างงานในประเทศมากกว่า 2 แสนงาน สร้างมาตรฐานของผู้จัดงาน มาตรฐานสถานที่จัดงาน โดยเฉพาะมาตรฐานสถานที่จัดงานของไทย เราได้ผลักดันส่งเสริม จนกระทั่งได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานในระดับภูมิภาคอาเซียน กลายเป็นต้นแบบสถานที่จัดงาน เช่น ห้องประชุม หรือศูนย์แสดงสินค้าจะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ต่อไปเวลาใครก็แล้วแต่อยากจะลงทุนก็จะเอามาตรฐานนี้ไปใช้ แล้วยังเป็นผู้นำเรื่องการนำระบบไอเอสโอเข้ามา เหล่านี้เป็นผลงานของทีเส็บที่สร้างความเข้มแข็งให้ภาคเอกชน เวลาไปดึงงาน เราก็จะบอกว่ามาจากประเทศไทย หน่วยงานนี้สถานที่นี้ผ่านไอเอสโอแล้ว ดังนั้นลูกค้าสามารถวางใจได้” เธอกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

นิชาภา ยศวีร์ เราคือเครื่องมือการตลาดของประเทศ

สิ่งที่เธอตั้งเป้าหมายไว้ก็คือ จะต้องทำงานที่ตอบโจทย์แผ่นดินให้ได้ เป็นความกดดันที่ให้กับตัวเอง แต่บางครั้งก็เป็นสิ่งที่คอยเตือนสติเหมือนกันว่าต้องตั้งใจ มีบางครั้งที่ไปประมูลสิทธิดึงงานแล้วไม่ได้ตามเป้าก็รู้สึกแย่ ก็ต้องทำใจเดินหน้าต่อ แต่ส่วนตัวไม่คิดว่าเหนื่อย เพราะว่ามีความชัดเจน และรู้ว่าเราจะไปทางไหน

“ส่วนใหญ่จะไม่มีงานที่นอนมาอยู่แล้ว (หัวเราะ) ค่อนข้างกดดัน แต่ได้ธรรมะมานำสติ มาใช้ในการปฏิบัติ มีนั่งสมาธิ รู้จักให้กำลังใจตัวเอง มองรูปในหลวงบ่อยๆ และถามตัวเองว่าทำดีที่สุดหรือยัง ยิ่งถ้าสิ่งไหนควรทำแต่ไม่ได้ทำแล้วเกิดความเสียหายจะรู้สึกแย่ที่สุด แต่ถ้าทำดีที่สุดแล้วเต็มที่แล้ว ผลเป็นอย่างไรก็รับได้”

หลักในการทำงานคือ ไม่ต้องเป็นคนเก่ง แต่ต้องเป็นคนที่มีคุณค่า สามารถสร้างคุณค่าจากเวลานี้ให้ดีที่สุด ตั้งต้นใหม่ทุกวัน นับหนึ่งได้เสมอ แต่ต้องชัดเจนกับตัวเองว่าเป้าหมายคืออะไร อยากทำอะไร วิธีการทำงานต้องชัดเจนต่อองค์กร สร้างทีมงานให้แข็งแกร่ง ช่วยลูกทีมให้เขาเป็นผู้นำทั้งในสถานที่ทำงานและในอุตสาหกรรม มีเป้าหมายเดียวกัน สิ่งที่ผู้บริหารควรทำคือการสร้างผู้นำขึ้นมาใหม่

เรียกได้ว่าทุ่มเทเวลาแทบจะทั้งหมดให้กับงานและประเทศอย่างแท้จริง เธอมองภาพตัวเองในอนาคตว่า “จะต้องเป็นคนที่มีส่วนร่วมสามารถสร้างชื่อประเทศไทยในเวทีนานาชาติ ผลักดันให้ประเทศไทยดึงงานจากต่างประเทศได้เข้ามามากๆ มองเห็นภาพตัวเองจะสามารถไปนั่งเป็นคณะกรรมการขององค์การนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับไมซ์ เพื่อที่จะไปจับจองพื้นที่การเป็นไทยเป็นผู้นำ ขณะนี้ก็มีไปทำหน้าที่หลายประเทศแล้ว”

เวลาว่าง เสาร์-อาทิตย์ เธอก็จะให้เวลากับงานธรรมะ ซึ่งเป็นงานอาสาสมัคร และให้เวลากับตัวเองเต็มที่ ชอบออกกำลังกาย อ่านหนังสือประเภทตลกขบขัน แนวธรรมะ พัฒนาจิตวิญญาณ ดูภาพยนตร์ ไปท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ เท่านี้ก็ทำให้ผ่อนคลายได้เยอะ