posttoday

ปารีณา บัทเลอร์ เก่ง กล้า แกร่ง คุณแม่ฟูลไทม์

05 มีนาคม 2561

คุณลักษณะของความเป็นคนเก่ง แกร่ง และแกล้วกล้า ใช่ว่าจะมีในบุรุษอย่างเดียว ผู้หญิงก็มีเช่นกันและมากด้วย

เรื่อง วรธาร ทัดแก้ว  ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

คุณลักษณะของความเป็นคนเก่ง แกร่ง และแกล้วกล้า ใช่ว่าจะมีในบุรุษอย่างเดียว ผู้หญิงก็มีเช่นกันและมากด้วย โดยเป็นผู้นำในองค์กรของรัฐก็มาก เป็นผู้บริหารในองค์กรเอกชนก็เยอะ เป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก็มากมาย แตน-ปารีณา บัทเทอร์ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณลักษณะดังกล่าวทุกประการ

ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการร้านอาหารบังเกอร์ ซอยสาทร 12 และมีสถานภาพเป็นคุณแม่ลูกสอง โดยแต่งงานกับเชฟชื่อดัง “ทิม บัทเลอร์” เจ้าของร้านอาหาร อีท มี (Eat Me) นั่นเอง

ชีวิตของปารีณาก่อนมาเปิดร้านอาหาร เธอเรียนจบจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วไปต่อปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ ที่ประเทศออสเตรเลีย และปริญญาโทที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยในช่วงหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีได้ไปเรียนคอร์สทำอาหารที่ต่างประเทศเป็นเวลา 9 เดือน เกิดหลงรักในการทำอาหาร จึงเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ด้านการจัดการร้านอาหาร

ปารีณา บัทเลอร์ เก่ง กล้า แกร่ง คุณแม่ฟูลไทม์

พอเรียนจบก็ได้ทำงานด้านการบริหารจัดการที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นร้านที่นำพาให้เธอได้รู้จักกับเชฟทิม บัทเลอร์ ซึ่งทำงานอยู่ที่นั่นและได้คบหาดูใจกันเรื่อยมา จากนั้นในปี 2008 ก็ได้เดินทางกลับมาอยู่เมืองไทยพร้อมกัน แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน ปัจจุบันมีทายาท 2 คน เป็นชายทั้งคู่ คนโตอายุ 6 ขวบ คนเล็ก 4 ขวบ

ปารีณา เล่าว่า การกลับมาอยู่เมืองไทยเธอมีเป้าหมายต้องการทำร้านอาหารของตัวเอง แต่ช่วงที่กลับมาใหม่ๆ เธอและสามีได้มีโอกาสไปทำร้านอาหารให้กับห้างแห่งหนึ่งเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นในปี 2010 ทิมก็ออกไปสมัครเป็นเชฟที่ร้านอาหารอีท มี หลังจากมีโอกาสไปกินอาหารแล้วประทับใจ โดยเริ่มจากทำพาร์ตไทม์ก่อน ต่อมาเป็นฟูลไทม์จนถึงปัจจุบัน (ทุกวันนี้ทิมก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเจ้าของร้านอีท มี) ขณะเธอตั้งท้องลูกคนแรกก็ได้หยุดทำงานไปประมาณ 2 ปี จนวันหนึ่งสามีบอกจะเปิดร้านอาหาร ซึ่งก็คือร้านบังเกอร์ในปัจจุบัน (เปิดมาได้ 2 ปี)

 “ต้องบอกก่อนว่าร้านบังเกอร์ ตอนแรกเราร่วมกับพาร์ตเนอร์ แต่ตอนหลังพาร์ตเนอร์ถอนตัวไป ตอนนั้นแตนเข้ามาเป็นโปรเจกต์แมเนเจอร์ เพื่อมาช่วยดูงบเพราะกลัวจะบานปลาย เสร็จแล้วก็ตั้งใจกลับไปเลี้ยงลูกต่อ แต่กลายเป็นว่าพอพาร์ตเนอร์ถอนตัวก็ต้องมาทำทุกอย่างเต็มตัว ตั้งแต่ช่วยดูแลควบคุมการออกแบบร้าน บริหาร เซตระบบทุกอย่าง รวมถึงเทรนพนักงาน เข้าครัว เสิร์ฟอาหาร ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่ได้ทำคือล้างจาน”

ปารีณา ยอมรับว่า การทำร้านอาหารเป็นงานที่หนักและเหนื่อย เพราะเป็นธุรกิจบริการที่มีดีเทลมาก โดยเฉพาะเรื่องเซอร์วิส ซึ่งสำคัญมาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าที่แต่ละคนก็มีความชอบและสไตล์แตกต่างกัน แต่บอกได้เลยว่าตั้งแต่ลูกค้าเริ่มเดินเข้าร้านมา นั่งโต๊ะ สั่งอาหาร เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม คุณมีเวลาแค่ 45 นาทีถึงชั่วโมงเท่านั้นที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ

ปารีณา บัทเลอร์ เก่ง กล้า แกร่ง คุณแม่ฟูลไทม์

รู้ๆ กันอยู่ธุรกิจร้านอาหารต้องใช้ความละเอียดสูง ไม่ใช่ธุรกิจซื้อมาขายไป ซึ่งมันง่ายกว่า ซื้อมาขายไปอาจจะยากตรงขั้นตอนพัฒนาโปรดักต์ แต่พอพัฒนาได้แล้ว เวลาขายก็ทำมาร์เก็ตติ้ง ประชาสัมพันธ์ เป็นสเต็ป แต่ร้านอาหารมิได้มีกระบวนการแบบนั้น พอลูกค้าเข้ามาร้าน ทั้งโปรดักต์ ทั้งมาร์เก็ตติ้ง ทั้งเซอร์วิสมาในคราวเดียวกัน ความละเอียดจึงเยอะ เลยต้องดูวันต่อวัน”

นอกจากร้านอาหารบังเกอร์ที่เธอดูแลเต็มตัวในฐานะกรรมการผู้จัดการร้านแล้ว ยังช่วยดูธุรกิจร้านอาหารเอสเซนซี (Esenzi) ที่สามีร่วมกับพาร์ตเนอร์เจ้าของโรงแรมหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งร้านดังกล่าวนี้จะไปเปิดสาขาที่ประเทศมอลตาด้วย โดยเธอได้เข้าไปช่วยในขั้นตอนการวางแผน การดีไซน์ร้าน ความเหมาะสมในเรื่องงบประมาณ ภายหลังได้เข้าไปดูเทรนนิ่ง ซึ่งเธอมีประสบการณ์ที่ร้านบังเกอร์อยู่แล้ว

“ปีนี้โรงแรมที่มอลตาน่าจะแล้วเสร็จ แต่กลางปีนี้สามีจะไปทำร้านอาหารป๊อปอัพ (Pop-up Restaurant) ที่มอลตาก่อน เพราะตัวร้านเอสเซนซียังไม่เสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ พาร์ตเนอร์อยากให้ไปทำมาร์เก็ตติ้งก่อนด้วยการทำป๊อปอัพดินเนอร์ขึ้น แต่เปิดจริงน่าจะเดือน ส.ค. ต่อไปพอเปิดแตนก็ต้องเดินทางไปมอลตาบ่อยขึ้น ขณะที่บังเกอร์ก็ต้องดู ซึ่งอาจจะหาคนที่ไว้ใจได้ มีทัศนคติอย่างแตน สามารถเป็นหูเป็นตาแทนเราได้มาช่วยดูแล”

ถึงจะทำงานหนักขนาดนั้น แต่งานหลักของเธอคือการเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ ขณะที่งานพาร์ตไทม์คือการเป็นกรรมการผู้จัดการร้านบังเกอร์ กล่าวคือ ก่อน 6 โมงเธอจะต้องตื่นนอนเพื่อเตรียมไปส่งลูกที่โรงเรียน เสร็จแล้วกลับมาทำกิจธุระส่วนตัว เช่น ออกกำลังกาย อาบน้ำ และดูร้านอาหารที่ภูเก็ต ส่วนใหญ่ดู Cash Flow ตอนบ่ายไปดูร้านบังเกอร์

ปารีณา บัทเลอร์ เก่ง กล้า แกร่ง คุณแม่ฟูลไทม์

“พอบ่ายสองไปรับลูกที่โรงเรียน กลับมาบ้านก็สอนหนังสือ อ่านหนังสือกับลูก พาลูกกินข้าว พาเข้านอน พอตกกลางคืนมานั่งดูงานอีกนิดหนึ่งแล้วเข้านอน ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้ การเลี้ยงลูกของแตนจะไม่ซีเรียสในเรื่องการเรียนว่าต้องไปทุกวัน อย่างเวลาเดินทางไปไหนบางครั้งก็จะเอาลูกไปด้วย ถ้าวันไหนลาเรียนก็จะมาโฮมสกูลให้เขา

แตนว่าการเดินทางเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างหนึ่ง ครั้งหนึ่งตอนพาพวกเขาไปอิตาลี มีห้องข้างๆ เป็นนักท่องเที่ยวมาเคาะประตูห้องเรา ทำไมเสียงดังจัง นอนไม่หลับเลย อะไรประมาณนี้ ลูกๆ ก็จะพูดกับเราว่า หม่ามี้ๆ เราไม่ได้ทำเสียงดังสักหน่อยนะ ทำไมเขาต้องมาเคาะห้องเราด้วย ซึ่งการที่เขามีความคิดและพูดออกมาแบบนี้ แตนมองว่าเขาได้เรียนรู้และเข้าใจโลกมากขึ้น”

นอกจากทำงานและเลี้ยงลูกด้วยความใส่ใจแล้ว ปารีณายังดูแลซัพพอร์ตสามีทุกอย่างไม่มีที่ติ ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ ทั้งการเงิน การแต่งตัว จัดการให้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือการทำอาหารให้รับประทาน

เธอเผยเคล็ดลับสั้นๆ ว่า ต้องยอมรับว่าคนเราไม่ได้เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง บางครั้งการที่คนเราจะให้คนอื่นเป็นฝ่ายปรับทัศนคติ หรือปรับเปลี่ยนความเคยชินของเขาเข้าหาเรา หรือให้ถูกใจเรานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่จะไม่ยากเลยถ้าเราเป็นฝ่ายปรับตัว ปรับทัศนคติของเราเข้าหาเขาเอง ซึ่งง่ายกว่า และเธอเลือกใช้วิธีนี้เพราะรู้ว่าสามีทำงานหนักและก็มีธุรกิจหลายอย่างที่ต้องดูแล

แหม...หลังบ้านเก่ง กล้า แกร่ง อย่างนี้ หน้าบ้านโชคดีมหาศาล