posttoday

บุญธิดา ชินวงษ์ มีความสุขกับสิ่งที่เหลืออยู่

28 มกราคม 2561

“ตอนยังเด็กเคยถามแม่ว่าทำไมแขนหนูงอกุดไปล่ะ แม่ตอบว่าเดี๋ยวมันก็งอกทุกคนก็เป็นอย่างนี้แหละ”

โดย อณุสรา ทองอุไร/จีรวัฒน์ กล้ากะชีวิต ภาพ : กิจจา อภิชนรจเรข

“ตอนยังเด็กเคยถามแม่ว่าทำไมแขนหนูงอกุดไปล่ะ แม่ตอบว่าเดี๋ยวมันก็งอกทุกคนก็เป็นอย่างนี้แหละ” เด็กหญิงซึ่งไร้เดียงสา ถามแม่ด้วยความสงสัย ก่อนที่คำตอบจะถูกเฉลยเมื่อคราวเธอเติบใหญ่ ว่าแขนนั้นจะไม่งอกออกมาอีกแล้ว แม้ทุกวันนี้เธอมีชีวิตอยู่เยี่ยงคนปกติทั่วไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอคือผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย

น้องฝ้าย-บุญธิดา ชินวงษ์ สาวน้อยวัย 18 ปี ผู้ไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิต เธอเป็นที่รู้จักในแวดวงโซเชียลจากความสามารถพิเศษในการใช้เท้าแต่งหน้า เจ้าของเพจฝ้ายสวย-ใช้เท้าแต่งหน้า แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหน้าม่านที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสนุกสนานต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่ามามากแค่ไหน กว่าที่เธอจะมาถึงจุดนี้ได้หาตัวตนและมีเวทีลงในสื่อโซเชียลจนเริ่มเป็นที่รู้จักในทุกวันนี้ เพราะเธอต้องใช้ความพยายามและความอดทนอย่างมากในการฝึกฝน เพื่อทำในสิ่งที่เธอรักและดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเฉกเช่นมนุษย์โลกทั่วไป เพราะเธอต้องก้าวข้ามข้อจำกัดที่มีอยู่บ่อยครั้งที่หงุดหงิดรำคาญใจกับสิ่งที่อยากจะทำแต่ยังทำไม่ได้

ต้องระวังกระดูกทิ่มปอด

บุญธิดา ชินวงษ์ มีความสุขกับสิ่งที่เหลืออยู่

 

บางครั้งโลกก็ดูเหมือนจะใจร้ายกับเธอมากเกินไป ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเด็กสาวน้อยคิดบวกคนนี้เกือบจะต้องกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงไปตลอดกาล เพียงเพราะวันนั้นเธอกับแม่ตัดสินใจที่จะไม่ผ่าตัดกระดูกสันหลังที่ผิดปกติมาตั้งแต่เกิด เพราะกระดูกสันหลังเธอขดเป็นรูปตัวเอสสามารถทิ่มปอดตอนไหนก็ได้ ที่สำคัญเธอมีปอดเพียงข้างเดียว ดังนั้นการดูแลตัวเองจึงต้องพิเศษกว่าคนทั่วไป “ช่วงไหนอากาศเริ่มเปลี่ยนหนูมักจะเป็นภูมิแพ้และเป็นหวัดง่าย ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีอาการไอเพียงไม่กี่วัน พอไปตรวจกลับพบว่าปอดติดเชื้อ หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าจะมีอายุได้เพียง 16-17 ปี ซึ่งตอนนี้ 18 ปีแล้วก็ยังอยู่แบบสวยๆ (หัวเราะ) หนูทำกายภาพบำบัดที่บ้าน เป็นท่าที่สามารถทำได้เอง อย่างการซิตอัพ และการนอนเงยหลังขึ้น โดยไม่ต้องไปหาหมอ นอกจากเวลาแน่นหน้าอก หมอจะรักษาจากการสแกนเหมือน
เป็นการอัลตราซาวด์แก้อักเสบข้างใน ส่วนอาหารการกินไม่มีข้อจำกัดทานได้ตามปกติ แต่จะไม่ทานเนื้อวัว”

เธอจะยิ้มให้โลกใบนี้

เธอมีพี่สาวอายุห่างกัน 10 ปี ซึ่งพี่สาวเป็นคนปกติ ส่วนเธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด แต่ก็ปรับตัวได้ และก็ไม่ได้เสียใจ ไม่เคยมีอยู่ในหัวเลย เวลาไปเรียนน้าขับรถไปส่งและปล่อยให้อยู่กับเพื่อน เพื่อนๆ ก็จะคอยพาไปห้องน้ำ คอยซื้อข้าวมาให้กินเพราะต้องนั่งวีลแชร์ตลอด อย่างเวลาไปเรียนตึกนาฏศิลป์ ซึ่งไม่มีลิฟต์เพื่อนก็ช่วยกันยกขึ้นชั้นสี่ ทุกคนน่ารักมากไม่มีใครแกล้งเลย

ส่วนครอบครัวจะเลี้ยงให้เธอเป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไป ไม่ได้เลี้ยงให้อยู่กับบ้าน มีช่วงหนึ่งเป็นวัยรุ่นประมาณมัธยมต้นก็อยากจะไปไหนมาไหนเอง จึงขอแม่ไปเที่ยวกับเพื่อนโดยที่ไม่ให้แม่ตามไปด้วย ไปกับเพื่อนที่นั่งวีลแชร์ด้วยกันสองคน เพราะเพื่อนก็ขาลีบแต่ก็ไม่กลัวนะ พยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก็ผ่านมาได้กับการออกนอกบ้านไปคนเดียว

บุญธิดา ชินวงษ์ มีความสุขกับสิ่งที่เหลืออยู่

 

มีแค่ไหนก็ใช้ที่เหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“ตอนนั้นอยากลองอัดคลิปดู เพราะเห็นบิวตี้บล็อกเกอร์คนอื่นใช้มือแต่ง  เธอเลยอยากลองใช้เท้าแต่งบ้าง เพราะชอบแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว ยิ่งตอนนั้นเข้าเรียน ม.4 ใหม่ๆ ยังไม่มีความรู้เรื่องการแต่งหน้า ใช้วิธีศึกษาจากบิวตี้บล็อกเกอร์ฝรั่งแทน พอทำได้ประมาณ 3-4 คลิป ก็พัฒนาฝีมือตัวเองจนเป็นที่รู้จักและเริ่มมีคนติดตาม พอเริ่มมีคนติดตามเยอะขึ้นสปอนเซอร์ต่างทยอยเข้ามา เริ่มมีค่าขนม นอกจากนี้ยังส่งของมาให้รีวิวอีกค่อนข้างเยอะพอสมควรอย่าง พี่นุ่น นพลักษณ์ (บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง) ก็ส่งเครื่องสำอางมาให้ โชคดีที่มีพี่ๆ หลายคนสนับสนุนเอ็นดูเรา” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี

เรียนไปทำงานไป

เธอบอกว่าหลังเลิกเรียนต้องรีบทำการบ้านให้เสร็จ ถึงจะทำคลิปรีวิว แต่ถ้างานไหนที่เจ้าของแบรนด์เร่ง เราก็จะทำให้ก่อนซึ่งตรงนี้ราคาก็จะแตกต่างจากคลิปปกติที่รอทำตอนวันเสาร์-อาทิตย์ หากมีงานถ่ายแบบพี่สาวกับแม่ก็จะพาไป ส่วนใหญ่ที่รับงานมาจะเป็นแบรนด์เครื่องสำอาง อย่างแบรนด์สิวันนา แบรนด์ลิฟคริสตัลฮาร์ด และอีกหลายๆ แบรนด์ ส่วนถ้ามีรายการติดต่อมาและต้องไปถ่ายก็ต้องรีบกลับจากโรงเรียนแล้วไปให้ทัน

บุญธิดา ชินวงษ์ มีความสุขกับสิ่งที่เหลืออยู่

 

ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น บนพื้นฐานของความชอบเธอต้องใช้ความอดทนอย่างมาก เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านร่างกาย ยิ่งกับการแต่งหน้าที่ต้องมีรายละเอียดและขั้นตอนที่วุ่นวายแล้วนั้น ยิ่งเป็นจุดที่ทำให้ใครหลายคนชื่นชมในตัวเธอ หากถามถึงความยากในการแต่งหน้า เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าคิ้วหรือไม่ก็การกรีดอายไลเนอร์ แต่สำหรับน้องฝ้ายแล้วกลับกลายเป็นเรื่องง่าย ส่วนขั้นตอนที่ยากสำหรับเธอดูเหมือนจะเป็นการติดขนตาและการใส่คอนแทคเลนส์ ซึ่งเธอบอกว่าสองสิ่งจะขาดไม่ได้เลยเวลาแต่งหน้า ดังนั้นเธอจึงค่อยเป็นค่อยไป พัฒนาตัวเองอยู่สม่ำเสมอ

นอกจากฝีมือการแต่งหน้าระดับมืออาชีพแล้ว ผลการเรียนของเธอก็เรียกว่าอยู่ในขั้นพอใจ เธอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า วิทย์-คณิตสำหรับเธอเป็นเรื่องยาก เพราะตัวเธอเองชอบทางด้านภาษาและทำคะแนนได้ดีกว่า แต่ที่น่าแปลกใจไปมากกว่านั้นเธอยังมีความสามารถในการใช้เท้าแข่งขันคัดลายมือคว้าอันดับหนึ่งระดับประเทศถึง 3 ปีซ้อนกันเลยทีเดียวไม่เพียงเท่านี้เธอยังสามารถใช้โฟโต้ช็อปออกแบบป้ายไวนิล ในโครงการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จนได้รับรางวัลที่หนึ่งมาแล้ว พร้อมถ่ายทอดวินาทีแห่งความประทับใจว่า “เคยได้มีโอกาสถวายรายงานต่อหน้าพระเทพฯ เกี่ยวกับเรื่องเปลือกโลกและส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งตอนนั้นหนูดันลืมทำชาร์ตส่วนที่เป็นแก่นโลกมา ท่านก็ถามว่า แก่นโลกอยู่ไหน หนูก็เงียบไปสักพัก ท่านก็ยิ้มให้ก่อนจะพูดว่า ลืมทำมาสินะ ถ้างั้นก็ที่เรายืนนี้แหละแก่นโลก”

อยากซื้อบ้านใหม่ให้แม่

แม้รายได้ที่เข้ามาจากการมีชื่อเสียงตอนนี้จะช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง แต่ทุกอย่างย่อมมีระยะเวลาในตัวของมันเอง การตั้งเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ เธอจึงอยากเรียนให้จบปริญญาตรี ทำงานเก็บเงินซื้อบ้านให้แม่ “ตอนนี้สนิทกับพี่เอแคลร์ เพจจือปาก
แล้วก็พี่โทมัสเพื่อนของพี่เอแคลร์ เขามักจะแนะนำงานและส่งงานให้ตามความเหมาะสมพี่เขาน่ารักกับหนูเสมอ ขอบคุณที่เอ็นดูหนู”

ถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำงานพิธีกร เธอช่างพูด ชอบพบปะผู้คน ในอนาคตอันใกล้อยากเพิ่มคอนเทนต์เข้าไปในงาน เพราะรู้สึกว่ายังขาดสีสันและความหลากหลายในการทำคลิปแต่งหน้า ส่วนใหญ่บิวตี้บล็อกเกอร์ทุกวันนี้ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ฉะนั้นการแต่งหน้าที่หลายหลาย อย่าง แฟนซี หรือการแต่งตามโจทย์ต่างๆ จะช่วยดึงดูดให้คนสนใจ จึงอยากพัฒนาฝีมือต่อไป

ตลอดเวลาที่คุยกันดูเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เข้มแข็งและอารมณ์ดีอยู่เสมอ ทั้งสีหน้าแววตา น้ำเสียงการพูดจา มีแต่เสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาไม่ได้ทำให้รู้สึกเลยว่าเธอเป็นเด็กที่ขาดสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้นั่นคือเธอให้เกียรติตัวเอง มองข้ามข้อจำกัดในตัวเองได้เป็นอย่างดีอะไรที่ยากก็พยายามทำให้ได้

บุญธิดา ชินวงษ์ มีความสุขกับสิ่งที่เหลืออยู่

 

“หนูคิดเสมอว่าเราไม่ได้ขาด เราแค่ใช้สิ่งที่เหลืออยู่คือขาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เหมือนบางคนบอกว่าฉันไม่มีฉันทำไม่ได้นะ อันนี้มันเหมือนเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่อยากทำอะไร ยิ่งเวลาเห็นข่าวฆ่าตัวตายหนูจะรู้สึกหดหู่ อยากบอกหลายๆ คนว่าชีวิตเขามีค่ากว่าชีวิตหนูมากนะ เขาเกิดมาโชคดีร่างกายครบสามสิบสอง บางคนหน้าตาก็ดี แล้วมาฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในความรัก ผิดหวังกับเรื่องเรียน ถามว่าหนูเรียนดีไหม หนูก็ไม่ได้เรียนดีมีติดศูนย์บ้างแต่เราก็เรียนไปเรื่อยๆ อย่าไปซีเรียสกับตรงนั้น เพราะชีวิตเรามีอะไรให้ทำเยอะแยะ ไม่ใช่
มัวมาจมปลักกับเรื่องๆ เดียว ซึ่งก่อนหน้านี้หนูเคยโพสต์เรื่องราวของตัวเองลงเฟซบุ๊ก เป็นครั้งแรกที่มีสาระ เพราะส่วนใหญ่จะไร้สาระ (หัวเราะ) ปรากฏว่าโพสต์นั้นคนแชร์ไปเยอะมากคือ หนูอยากให้คนที่อ่านมองย้อนกลับมาทบทวนการใช้ชีวิตของเขา ไม่จำเป็นต้องดูหนูเป็นตัวอย่างดูคนอื่นก็ได้ เพราะคนอื่นที่แย่กว่าหนูก็มี บางคนนอนติดเตียง บางคนพูดไม่ได้”

ข้ามส่วนที่ขาด มองส่วนที่มี

สุดท้ายเธอยังฝากถึงใครที่กำลังรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ขอให้ภูมิใจเพราะคุณโชคดีกว่ามากอย่าคิดแค่ว่าไม่มีเงินก็ออกไปขโมย ไปฆ่าชิงทรัพย์อะไรอย่างงี้ มันเหมือนตัดอนาคตตัวเอง ลองหางานทำดีกว่า หาอะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบ ค้นพบตัวเองให้เจอ สร้างสิ่งที่ขาดให้เป็นจุดเด่นขึ้นมา เหมือนเธอก็ใช้สิ่งที่เหลืออยู่เช่น ขา ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด