posttoday

ชนัตถ์ สรไกรกิติกูล รุ่นใหม่ แพรนด้าจิวเวลรี่

20 มกราคม 2561

"ผมมีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้ธุรกิจของครอบครัวมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ และจะต้องเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป"

"ผมมีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำให้ธุรกิจของครอบครัวมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ และจะต้องเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป"

 นี่คือเป้าหมายของ ชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ (PRANDA) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และค้าปลีกเครื่องประดับอัญมณี โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำด้านการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีของไทย ซึ่งมีการกระจายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคที่สำคัญของโลก  

 ชนัตถ์ หรืออาร์ท ด้วยวัย 38 ปี เขาเข้ามาบริหารและคาดหวังที่จะนำพาให้แพรนด้าฯ ยังคงเป็นธุรกิจและบริษัทของครอบครัวที่จะมีมูลค่าและมีความมั่งคั่งเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต 

 แพรนด้า จิวเวลรี่ เป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นมาจากการก่อตั้งของพี่น้อง 6 คน ตระกูล เตียสุวรรณ์ เมื่อปี 2516 ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นจากกลุ่มพี่น้องที่พี่คนโตของตระกูลรู้ว่าการศึกษาเท่านั้นจะทำให้ครอบครัวของเขาไม่ลำบาก โดยพี่คนโตของตระกูลดั้นด้นที่จะออกไปเรียนต่อที่เมืองนอก

 "ด้วยเป็นคนชอบการค้าขายจึงเริ่มต้นด้วยการเทรดสินค้าก่อน ซึ่งสินค้าที่เทรดตอนนั้นคือ ทองคำ ซึ่งจากทำเล่นๆ จนเป็นเรื่องที่จริงจัง ได้รับกำไรที่ดีจนเป็นที่มาของการก่อตั้งกิจการขึ้นมาและยืนยาวมาต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้" 

 ชนัตถ์ บอกว่า ในรุ่นของเขานั้นถือว่าเป็นเจเนอเรชั่น 1 ครึ่ง เพราะถือว่าเป็นรุ่นที่เข้ามามีส่วนช่วยและบริหารกิจการตั้งแต่ยุคที่คุณลุง คุณป้า คุณอา ก็ยังคงทำงานอยู่ในบริษัท และเป็นกรรมการของบริษัท

ชนัตถ์ สรไกรกิติกูล รุ่นใหม่ แพรนด้าจิวเวลรี่

 "การเข้ามาของผม ก็เพื่อที่จะเชื่อมต่อธุรกิจของตระกูลต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานที่จะเกิดขึ้น และเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปอีก เพราะการเกิดขึ้นของธุรกิจเมื่อมีแล้วก็จะต้องต่อยอดออกไปให้เติบโตอย่างมั่นคง 

 "ผมมีคติพจน์ในการทำงานคือ วางแผนในสิ่งที่คุณต้องการทำด้วยวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน มุ่งมั่นและมุ่งเน้นที่จะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ คำที่ผมชอบมากที่สุดคือ 'ทำไม' เพราะว่าผมไม่ชอบที่จะทำตามวิธีเก่าๆ แบบเดิมๆ โดยไม่เข้าใจว่า 'นั่น' คือวิธีที่ดีที่สุดหรือไม่" 

 ขณะที่วิสัยทัศน์การบริหารงานของเขานั้น สร้างความแตกต่างและการเปลี่ยนแปลง ด้วยพลังของความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจต่อลูกค้าทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อนำพาแพรนด้า จิวเวลรี่ ไปสู่ความสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนกลยุทธ์องค์กรระยะยาวที่วางไว้ 

 ชนัตถ์ บอกว่า เขาเริ่มเข้ามาร่วมงานในบริษัทเมื่อ 10 ปีก่อนหลังจากจบการศึกษาปริญญาตรี Business Administration, Babson College, U.S.A. จบปริญญาโท Accounting, University of Virginia, U.S.A. หลังจบก็เริ่มทำงานที่บริษัท เอิร์นแอนด์ยัง หรืออีวาย ที่สหรัฐ ทำอยู่ 2 ปีจะกลับเข้ามาทำงานที่บริษัทซึ่งเรียนรู้งานในทุกๆ ส่วน รวมถึงไปอยู่ที่บริษัทลูกที่เวียดนาม จนกระทั่งล่าสุดได้ขึ้นมาเป็นประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง ในปัจจุบัน 

 "การทำงานที่สหรัฐอเมริกาขณะนั้นเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตซับไพรม์พอดี ผมมีหน้าที่ในการตรวจบัญชี ดูในเรื่องของงบการเงินของธุรกิจและบริษัท ขณะนั้นซึ่งยอมรับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่ทำให้ผมนำมาใช้ในการเข้ามารับผิดชอบในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการเงินของธุรกิจในปัจจุบัน เพราะทำให้ผมรู้โจทย์และรู้ว่าผมจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทางโครงสร้างทางการเงินของบริษัทอย่างไรให้กลับมาแข็งแกร่ง และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและคล่องตัว รองรับการเติบโตของธุรกิจในทุกๆ ตลาด"  

 เพราะแพรนด้า จิวเวลรี่ ดำเนินธุรกิจผลิต จัดจำหน่าย และค้าปลีกเครื่องประดับอัญมณี ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำด้านการส่งออกเครื่องประดับอัญมณีของไทย มีการกระจายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคที่สำคัญของโลก มีฐานลูกค้าอยู่ในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย ผ่านบริษัทย่อยที่เป็นพื้นฐานการจัดจำหน่ายใน 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอินเดีย และมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ร่วมกับบริษัทในเครือและพันธมิตรคู่ค้าในประเทศสำคัญๆ ทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม อินเดีย และไทย เพื่อกระจายความเสี่ยงทางการตลาดและการขยายตลาดในเวลาเดียวกัน

ชนัตถ์ สรไกรกิติกูล รุ่นใหม่ แพรนด้าจิวเวลรี่

 นอกจากนี้ ยังมีช่องทางในการจัดจำหน่ายผ่านทางผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าปลีก ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ การขายสินค้าทางโทรทัศน์ และการซื้อขายผ่านทางระบบแค็ตตาล็อก ซึ่งเป็นช่องทางการขายที่ทำให้กิจการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

 "บริษัทมีจุดจำหน่ายกว่า 200 แห่ง และมีบริษัทย่อยที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการค้าปลีก ซึ่งรวมถึงการจัดจำหน่ายผ่านระบบแฟรนไชส์ครอบคลุมเอเชียและตะวันออกกลาง เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเครื่องประดับโดยตรง ปัจจุบันมี 4 บริษัทในประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และอังกฤษ (อี-คอมเมิร์ซ) จำหน่ายสินค้าแบรนด์ของตนเอง ได้แก่ Prima Gold, Prima Art, Prima Diamond, Merii, Cai, HGGringoire, Baldessarini" ชนัตถ์ กล่าว

 "สำหรับภารกิจแรกของผมในการรับหน้าที่ด้านการเงิน คือการออกหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 500 ล้านบาทให้กับกองทุนต่างประเทศ ซึ่งยอมรับว่าในการทำโปรเจกต์นี้ผมต้องใช้เวลาในการอธิบายให้กับบอร์ดของบริษัทเข้าใจ เพราะผมก็เข้าใจว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทคงไม่อยากมีใครที่จะอยากให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลง ดังนั้น การหาทางเพิ่มเงินทุนด้วยวิธีการแบบนี้เป็นเรื่องที่ดี และเมื่อได้เงินมาก็จะทำให้โครงสร้างทุนดีขึ้นทำให้ความสามารถที่จะขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ทำได้ดีขึ้นจากก่อนหน้าที่ต้องบอกว่ายากมาก 

 สำหรับเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจของบริษัทต้องชะงักงันหลักๆ มาจากสต๊อกสินค้าที่มีมากไป ซึ่งผมก็ลดและนำมาแปรสภาพเป็นสภาพคล่อง รวมถึงได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง 300 บาทก่อนหน้า และด้วยธุรกิจด้านนี้จะต้องใช้แรงงาน ฝีมือ ดังนั้นต้องยอมรับว่าต้นทุนแพงขึ้น แต่แรงงานฝีมือ ช่างฝีมือ ยังคงมีคุณค่าและจำเป็นมากกับบริษัท

 เรามีโรงงานใน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตประมาณ 10 ล้านชิ้น/ปี อีกทั้งมีศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีช่างฝีมือ ช่างพัฒนาต้นแบบ และดีไซเนอร์ รวมกว่า 3,500 คน ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม" 

 ชนัตถ์ บอกว่า ทุกวันนี้ทำงานเต็มเวลา ประชุมในแต่ละวันเยอะมาก ซึ่งจำเป็นที่จะต้องชัดเจนและมีคำตอบในงานทุกๆ งานที่เกิดขึ้น 

ชนัตถ์ สรไกรกิติกูล รุ่นใหม่ แพรนด้าจิวเวลรี่

 "ยอมรับว่าเวลาของผมส่วนใหญ่จะอยู่กับการทำงาน ดังนั้นในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะใช้เวลากับครอบครัว เพราะตอนนี้ผมมีลูก 2 คน กำลังโตและช่างเรียนรู้ บางครั้งผมก็เจอลูกสาวบ่นว่า พ่อมัวแต่นั่งดูไลน์ ซึ่งจริงๆ  งานผมก็จะดูกันผ่านไลน์ ดังนั้น วันหยุดผมตอนนี้ทั้งหมดจะให้เวลากับลูกๆ เชื่อว่านี่คือช่วงเวลาที่สำคัญสุด เพราะเมื่อเขาโตแล้วก็จะไม่มีเวลาให้ผมแล้ว" ชนัตถ์ กล่าวทิ้งท้าย