posttoday

ผศ.นพ.ก่อพงศ์ รุกขพันธ์ สร้างคนและพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน

09 มกราคม 2561

คำว่าสูงสุดคืนสู่สามัญคงเอามาเปรียบเทียบได้กับชีวิตและการทำงานของคุณหมอผู้นี้

 

คำว่าสูงสุดคืนสู่สามัญคงเอามาเปรียบเทียบได้กับชีวิตและการทำงานของคุณหมอผู้นี้ ผศ.นพ.ก่อพงศ์ รุกขพันธ์ ผู้บริหารในเครือโรงพยาบาลปากน้ำโพ และเป็นอาจารย์สอนที่สถาบัน HMTDI ซึ่งเป็นสถาบันพัฒนาและฝึกอบรมผู้บริหารเพื่อมาบริหารโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ทั้งผู้ที่จบแพทย์ หรือไม่ใช่แพทย์ แต่จะมาเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลโดยเฉพาะควรจะมีความรู้ในสาขาอาชีพนี้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องจรรยาบรรณ คุณธรรม เมตตาธรรมที่ควรจะมีให้มากๆ ในธุรกิจนี้

“คนที่จะมาเป็นผู้บริหารโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ แต่ต้องมีคุณธรรม มีเมตตาธรรม และมีความเข้าใจในธรรมชาติของธุรกิจนี้ ไม่ใช่มาเปิดโรงพยาบาลแล้วมองเรื่องธุรกิจและผลกำไรเป็นตัวตั้งเพียงอย่างเดียว ตอนนี้มีนักธุรกิจใหญ่ๆ หลายคนที่จะเข้ามาเปิดโรงพยาบาล โดยที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับงานโรงพยาบาลมาก่อนเลย ทำธุรกิจด้านอื่นๆ กันมาแต่มองเห็นโอกาสตรงนี้ ซึ่งน่าเป็นห่วงมากเพราะเขาก็คงมองเรื่องกำไรขาดทุนเป็นตัวตั้ง”

สำหรับหลักสูตรการสอนของสถาบันนี้ มีทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว มีห้องพักแพทย์ ห้องพักคนไข้ จำลองรูปแบบการสอนใกล้เคียงกับโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ โดยสถาบันการสอนตั้งอยู่ในย่านถนนสุขุมวิท ซึ่งเพิ่งเปิดสอนมาได้เพียง 1 ปี

เมื่อปีที่แล้ว ทางสถาบันได้เปิดสอนฟรีให้กับผู้บริหารจากโรงพยาบาลและผู้อำนวยการศูนย์สาธารณสุข ที่อยู่ต่างจังหวัดทั่วประเทศจาก 72 จังหวัด จำนวน 290 คน โดยร่วมมือกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนและกระทรวงสาธารณสุขในการคัดเลือกผู้นำเพื่อเข้าร่วมอบรมฟรี 9 รุ่น รุ่นละ 30 คน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9  

“เป็นหลักสูตรระยะสั้น 5 วันกินนอนอยู่ที่สถาบันอบรมเลย เป็น 5 วันที่อบรมเต็มที่ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ส่วนหลักสูตรระยะยาวของเราคือ 3 เดือน เป็นการสอนเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการเรียนรู้สำหรับผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารขององค์กรทางการแพทย์ เพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ขจัดอุปสรรคที่จะมีให้น้อยลงไป เป็นส่วนหนึ่งในการให้ จากประสบการณ์ในวิชาชีพของเรา” คุณหมอ กล่าวด้วยความตั้งใจ

ก่อนหน้านี้หลายปีเขาเป็นผู้บริหารของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังย่านสุขุมวิทถึง 2 แห่ง ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้บริหารจากต่างประเทศ จนถึงได้เป็นถึงระดับ CEO และ COO เรียกว่าขึ้นสู่การเป็นผู้บริหารสูงสุดในวัยไม่ถึง 40 ปี แต่แล้วเขาก็อยากมีชีวิตเรียบง่าย อยู่ท่ามกลางธรรมชาติไม่ต้องฝ่าฟันรถติดวันละหลายชั่วโมงในเมืองหลวง

แม้คุณหมอจะเคยเป็นถึงผู้บริหารเบอร์สองของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่บริหารคู่กับฝรั่งมานานถึง 2 โรงพยาบาล แต่คุณหมอก็ไม่ได้ยึดติด เมื่อถึงวันที่สั่งสมประสบการณ์มาจนถึงจุดอิ่มตัวก็อยากจะมาบริหารโรงพยาบาลขนาดเล็กในต่างจังหวัดให้มีศักยภาพทัดเทียมกับโรงพยาบาลอกชนในกรุงเทพฯ เพราะคิดว่าโรงพยาบาลที่ต่างจังหวัดควรได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น

“ผมลาออกจากโรงพยาบาลใหญ่ๆ เขาก็อยู่ได้ ฝรั่งเขาก็บริหารงานเก่งอยู่แล้ว ผมออกเขาก็หาฝรั่งมาแทนเขาจ้างใครก็ได้เพราะเงินเยอะ แต่โรงพยาบาลเล็กๆ ที่ยังขาดโอกาสต้องการคนไทยไปช่วยเพราะงบก็น้อยอยู่แล้ว  ทำงานมา 20 กว่าปี ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ มามากพอแล้ว ชีวิตที่เหลืออยากไปอยู่ต่างจังหวัด ต่อจากนี้ไปถือว่าเป็นกำไรชีวิต เรามาจากบ้านนอก (หัวเราะ) เราก็อยากกลับไปอยู่บ้านนอกในช่วงบั้นปลายชีวิต อยู่กับธรรมชาติต้นไม้ใบหญ้าอากาศดีๆ มีเวลาเหลือๆ ใช้ชีวิตสบายไม่เร่งรีบไม่รถติดให้หงุดหงิดใจ” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ผศ.นพ.ก่อพงศ์ รุกขพันธ์ สร้างคนและพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน

 

 

ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจไปเป็นผู้บริหารให้กับโรงพยาบาลเล็กๆ ที่ต่างจังหวัดขนาด 100 กว่าเตียง ได้เกือบ 5 ปี และพัฒนานำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ จนได้รับรางวัลที่ประเทศสิงคโปร์และจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ และมีโรงพยาบาลใหญ่ๆ หลายแห่งทั้งจากรัฐบาลและเอกชนมาดูงานที่โรงพยาบาลปากน้ำโพแห่งนี้

“เราเตรียมพร้อมตรงนี้เพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพราะในอนาคตบุคลากรทางการแพทย์จะขาดแคลนในเกือบทุกภาคส่วน การนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อให้งานไม่สะดุดและต่อเนื่อง เป็นการปรับตัวไว้แต่เนิ่นๆ และการใช้ไอทีเข้ามาก็ทำให้ระบบการทำงานมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้นด้วย เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลใหญ่ในเมืองหลวงยังขึ้นมาชักชวนเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดไปทำงานกันเยอะ การขาดแคลนพนักงานทางการแพทย์จึงเป็นเรื่องที่ต้องเจอและเตรียมตั้งรับเอาไว้ เพื่อไม่ให้งานสะดุด”

หลักในการทำงานของคุณหมอก็คือพยายามทำงานเพื่อสร้างคนและพัฒนาองค์กรให้มากที่สุด แบ่งปันทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต เพราะมันไม่ได้การันตีว่าคุณจะสำเร็จได้ในอนาคต เวลาเปลี่ยนโลกก็เปลี่ยนไปเร็วมาก คนเราจึงต้องปรับตัวอยู่เรื่อยๆ และมีความเป็นตัวของตัวเองอย่าลอกเลียนแบบใครจนสูญเสียความเป็นตัวเอง

ดังนั้น ชีวิตจึงต้องมีการเรียนรู้อยู่เสมอ รู้จักธุรกิจที่คุณทำอย่างแท้จริง รู้ลึก รู้จริง ไม่ใช่ครูพักลักจำอย่างเดียว ต้องมีความเป็นมืออาชีพ มีจรรยาบรรณในอาชีพเป็นตัวกำกับการทำงาน โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคน

สำหรับผู้บริหารที่ดีในความเห็นของคุณหมอก็คือ ต้องมีความเป็นมืออาชีพ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลให้โอกาสลูกน้องในการพัฒนางานอยู่เสมอ และต้องให้ความสำคัญกับทีมงานเพราะไม่มีใครเก่งและทำงานได้โดยลำพังตัวคนเดียว ทุกคนต้องมีทีม

แม้จะทำงานมากมายหลายสิ่ง แต่คุณหมอจะมีงานอดิเรกก็คือการเดินทางไปชื่นชมธรรมชาติทั้งในและต่างประเทศ “อย่างน้อยปีละ 2 ครั้งผมจะไปเดินป่าบ้าง ไปตั้งแคมป์ ปลีกวิเวก ชมนกชมไม้ ไปทะเลบ้าง ไปเดินป่าบ้าง นอนอ่านหนังสือ ส่วนใหญ่จะเที่ยวอยู่ที่เมืองไทยเป็นหลัก แต่ปีหน้าตั้งใจจะไปไบคาล ประเทศรัสเซีย เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาก็ไปมองโกเลียมาเกือบ 10 ครั้ง เมื่อก่อนจะไปบ่อยเพราะโรงพยาบาลเอกชนที่ผมเคยทำงาน เขามีสาขาที่มองโกเลีย ผมต้องไปช่วยทำงานอยู่หลายครั้งไปแล้วก็ชอบมากมีความเป็นธรรมชาติ อากาศดี เมืองก็ไม่วุ่นวายด้วย ชอบประเทศที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ชอบอารยธรรม ชอบความเป็นธรรมชาติมันเป็นการชาร์จพลังที่ดีมากเวลาได้ไปเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติ เบื่อความวุ่นวายแล้วไม่ไปประเทศที่เจริญมากๆ คนเยอะๆ เบื่อแล้ว (หัวเราะ)” คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย