posttoday

กุศลิน ลัญจกรกุล เริ่มธุรกิจเมื่อมองเห็นโอกาส

08 มกราคม 2561

ว่าน-กุศลิน ลัญจกรกุล ผู้บริหารของศูนย์สุขภาพลินนา ศูนย์สุขภาพผมและความงามครบวงจร

 

มีโอกาสได้สัมภาษณ์หญิงสาววัย 20 ปลายๆ รูปร่างผอมสูงหน้าตายิ้มแย้ม ที่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วก็คิดว่าช่างเหมาะสมกับธุรกิจสุขภาพความงามแบบครบวงจรที่เธอเป็นเจ้าของอยู่ ว่าน-กุศลิน ลัญจกรกุล ผู้บริหารของศูนย์สุขภาพลินนา ศูนย์สุขภาพผมและความงามครบวงจร

“ตอนที่เริ่มธุรกิจตอนนั้นอายุไม่ถึง 27 ปีเต็มเลย ก็ไม่ได้คิดว่าเร็วไปหรือเปล่า เพียงแต่คิดว่าถึงเวลาที่เราควรจะเริ่มธุรกิจของตัวเองได้แล้ว ทำงานมา 5-6 ปี มีประสบการณ์มาพอสมควร ยังมีแรงกำลังก็ทำให้เต็มที่ หากจะผิดพลาดอะไรบ้างข้อดีคือ อายุยังน้อย ถ้าล้มก็ยังมีเวลาลุกขึ้นสู้ได้อีกหลายครั้ง

ถ้าเริ่มธุรกิจตอนอายุเยอะแล้ว หากพลาดจะไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ งั้นก็ลุยตอนที่อายุน้อยดีกว่า (หัวเราะ) เพราะเรามั่นใจว่ามองเห็นโอกาสอยู่ก็เริ่มเลย ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะให้พร้อม 100% ถ้าสัก 80% ที่เราเชื่อว่าไปได้ก็ลุยเลยแล้วกัน” เธอเล่าถึงการตัดสินใจเริ่มทำธุรกิจ

เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นเทรนด์ของอนาคต เนื่องจากกระแสสุขภาพมาแรง คนยุคใหม่นี้หันมาสนใจสุขภาพ และไม่อยากแก่ก่อนวัย ทุกคนต้องการดูดีอ่อนกว่าวัย รวมทั้งประเทศไทยเองก็มีจุดเด่นในเรื่องการบริการที่ดี และภาครัฐเองก็พร้อมที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฮับของสุขภาพ

เธอมั่นใจว่ามาทำธุรกิจที่มีอนาคตน่าจะมาถูกทาง อีกทั้งเธอและคุณแม่ก็มีความสนใจด้านนี้ร่วมกัน ตัวเธอเองก็ทำงานหาประสบการณ์ด้านนี้มาพอสมควร

“เราหาข้อมูลมาพอสมควร พอมาเจอทำเลย่านคริสตัลพาร์คที่เป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นหลักอายุระหว่าง 25-45 ปี จุดเด่นของศูนย์แห่งนี้ก็คือตั้งใจให้เป็นศูนย์สุขภาพผมที่ใหญ่ที่สุด เพื่อแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง บำรุงเส้นผม หนังศีรษะ ผมแห้ง ผมมัน ผมแพ้ง่ายจากการทำสีผมที่มากเกินไป

ครบทั้งทางด้านสุขภาพ ที่มีแพทย์ทางด้านแอนไทน์เอจจิ้งและสกินแคร์มาให้คำปรึกษา เรื่องการใช้ยา อาหารเสริม ครีมบำรุง เพื่อสุขภาพผมและความงาม ให้ครบวงจรที่สุดของประเทศไทย โดยเน้นอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ มีเครื่องมือเป็นตัวช่วยในการเช็กฮอร์โมน ปรับสมดุลในร่างกาย เป็นโปรแกรมเฉพาะบุคคล”

ทางด้านการศึกษานั้น เธอจบมัธยมปลายจากโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย แล้วไปต่อปริญญาตรีที่ประเทศออสเตรเลียทางด้านคอมพิวเตอร์ดีไซน์ และไปต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษทางด้านบริหารธุรกิจ

 

กุศลิน ลัญจกรกุล เริ่มธุรกิจเมื่อมองเห็นโอกาส

  

ส่วนครอบครัวของเธอนั้น ทำธุรกิจทางด้านโรงแรมขนาดกลางอยู่ที่พัทยานานกว่า 10 ปี ในฐานะพี่สาวคนโต เธออยากสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง เธอจึงชักชวนคุณแม่ที่เป็นนักกายภาพบำบัดและมีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพ จึงเปิดธุรกิจลินนา ศูนย์ความงามครบวงจรทั้งศูนย์สุขภาพผม ทำเล็บ ความงามและสปา ซึ่งเปิดมาได้เกือบปี

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการโครงการให้กับศูนย์สุขภาพของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง สั่งสมประสบการณ์มาพอสมควร จึงคิดว่าในวัย 20 ปลายๆ ถึงเวลาที่ควรจะได้เริ่มธุรกิจเป็นของตัวเอง ประกอบกับคุณแม่ของเธอสนใจเรื่องสุขภาพเช่นกัน ก็เลยมาเปิดศูนย์สุขภาพและความงามครบวงจร

แน่นอนว่าในการเริ่มธุรกิจใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนมากและเป็นธุรกิจแรกที่ทำด้วยตัวเอง บางครั้งอาจจะมีความเครียดเพราะงาน เมื่อเจอปัญหาอุปสรรคเธอจึงพยายามนำหลักธรรมะมาใช้ในการดูแลจิตใจ

“ตอนที่เป็นผู้จัดการโครงการสุขภาพให้กับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในวัย 25 ปี ที่มีทั้งความเครียดและกดดันหลายอย่างในขณะที่อายุยังน้อยจึงเกิดความเครียดสะสม เธอจึงเริ่มหาหนังสือธรรมะมาอ่าน เธอเริ่มใจเย็นลง รู้จักที่จะปล่อยวาง มีความเข้าใจในปัญหามากขึ้น ทำให้เปลี่ยนมุมมองที่หลากหลายขึ้น มีความคิดที่เป็นระบบยิ่งขึ้น ความเครียดและกดดันต่างๆ เริ่มลดลงไปบ้าง” เธอเล่าอย่างใจเย็น

พอมาทำธุรกิจของตัวเองก็เกิดความกดดันขึ้นอีกครั้งในฐานะผู้นำองค์กรของตัวเอง เพราะอยากให้สิ่งที่สร้างมาเติบโตอย่างมั่นคง เธอจึงเริ่มไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม เพื่อให้เกิดสมาธิ สงบและเกิดปัญญา เพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหาให้เหมาะสมดีขึ้น

หลักการบริหารงานของเธอก็คือให้ความสำคัญกับทีมงาน มีความยุติธรรมให้ความเท่าเทียมกับพนักงานทุกคนในองค์กร ไม่แบ่งชั้นเลือกข้าง ที่สำคัญควรมีเมตตาธรรมให้กับทีมงาน ถ้าทีมมีความสุขเขาก็จะทำงานให้อย่างเต็มที่ และอย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง รับฟังปัญหาของทีมงาน โดยบุคคลที่เป็นต้นแบบในการทำงานของเธอคือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงทำงานหนัก ขยันอดทน เป็นผู้ให้และมีเมตตาธรรมสูงมาก

“ที่สำคัญอย่าอีโก้มากเกินไป ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง ความมั่นใจเกินไปจะทำให้ประมาทได้ง่าย อย่าคิดว่าเราเก่งที่สุด เลิศที่สุด เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ”

สำหรับแผนงานในอนาคต ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้านี้ เธออยากจะขยายสาขาเพิ่มอีก 1 สาขา

“เราไม่ได้อยากมีสาขามากมาย ตั้งใจไว้ไม่เกิน 3 สาขา ภายใน 5 ปีนี้ เป็นสาขาที่เราขยายเอง และควบคุมคุณภาพได้อย่างทั่วถึง” เธอกล่าวอย่างมุ่งมั่น

แม้ว่าจะมุ่งมั่นทำงานหนักเพียงใด แต่เธอก็พยายามหาเวลาให้ตัวเองได้ไปพักผ่อนบ้าง ด้วยการนอนพักในวันหยุด รับประทานอาหารให้ตรงเวลา เนื่องจากทุกวันนี้แทบจะกินอาหารไม่ตรงเวลา บางครั้งก็เคร่งเครียดจริงจังจนแทบจะไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย

หากมีวันหยุดยาว เธอจะพยายามเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่แปลกใหม่ ไปดูชีวิตผู้คน ไปดูวิถีชุมชน เพื่อไปหาแรงบันดาลใจ เพื่อชาร์จพลังในการทำงาน โดยประเทศที่ชอบไปที่สุดคือ ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากใช้เวลาบินไม่นานแค่ 4-5 ชั่วโมง อากาศดี อาหารอร่อย ผู้คนน่ารัก และมีหลายเมืองที่บรรยากาศแตกต่างกันไป และเป็นประเทศที่มีทั้งความเก่าและใหม่อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืนพอดิบพอดี

 “ฝันไว้ว่าจะลองเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียวไกลๆ ดูสักครั้ง อยากนั่งรถไฟชิลๆ ลองทำอะไรคนเดียว กินคนเดียว เดินทางไปเรื่อยๆ สัก 7-8 วัน เพราะการเดินทางคนเดียวกับไปกับหมู่คณะมันให้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่าง ได้เจอสังคม ผู้คน และวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป ที่สำคัญอยากไปดูงานศิลปะ เมื่อก่อนเคยไปเรียนเครื่องปั้นดินเผาเพราะชอบ ให้ความสวยงาม ความสุข และสร้างสมาธิได้ดี แต่ระยะหลังพองานยุ่งก็ไม่ค่อยมีเวลาได้ทำอีกเลย” เธอกล่าวทิ้งท้าย