posttoday

เจมส์ แมกซ์เวลล์ แฮร์ริส ‘วานูอาตู’ เกาะสวรรค์ที่ต้องทำความรู้จัก

09 ธันวาคม 2560

เมื่อไม่นานมานี้ สาธารณรัฐวานูอาตูได้ส่งคณะผู้แทนรัฐบาลมาเยือนไทย เพื่อเปิด “ศูนย์บริการข้อมูลวานูอาตู”

โดย ภาดนุ 

 เมื่อไม่นานมานี้ สาธารณรัฐวานูอาตูได้ส่งคณะผู้แทนรัฐบาลมาเยือนไทย เพื่อเปิด “ศูนย์บริการข้อมูลวานูอาตู” (Vanuatu Information Centre) หรือ VIC ขึ้นที่กรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งเป็นศูนย์บริการข้อมูลการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว พร้อมการขอสัญชาติที่สอง โดยมีเครือข่ายในปัจจุบันทั้งในพอร์ตวิลา ฮ่องกง นครโฮจิมินห์ เวียดนาม และกรุงพนมเปญ กัมพูชา

 เจมส์ แมกซ์เวลล์ แฮร์ริส กรรมการผู้จัดการแห่ง VIC ได้ให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับวานูอาตูไว้อย่างน่าสนใจ

 “สาธารณรัฐวานูอาตู คือประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้ ในยุคล่าอาณานิคมชื่อของประเทศนี้ก็คือ ‘นิวเฮบริดีส์’ ซึ่งเป็นประเทศอาณานิคมที่ถูกปกครองโดยสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส วานูอาตูได้รับเอกราชคืนจากประเทศทั้งสองในปี 2523 อย่างไรก็ตาม สาธารณรัฐวานูอาตูยังคงความเป็นสมาชิกในเครือจักรภพอังกฤษต่อมาจนถึงปัจจุบัน”

 ด้วยระยะทาง 1,300 กิโลเมตร จากทางตอนเหนือจนถึงทางตอนใต้ของหมู่เกาะ ซึ่งมีหมู่เกาะต่างๆ ในพื้นที่ทั้งสิ้น 83 เกาะ (มีคนอาศัยอยู่ 65 เกาะ) ซึ่งจำนวนประชากร 2.85 แสนคนของวานูอาตูได้รับการจัดอันดับว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขติดอันดับ 1 ใน 5 ของสถานที่ที่ประชากรมีความสุขมากที่สุดในโลก

 โดยอ้างอิงจากดัชนีความสุขในปี 2560 ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลายโดยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก วานูอาตูจึงยังคงมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย อาทิ ดำน้ำลึกในทะเลใส กิจกรรมกระดานโต้คลื่น และอื่นๆ เจมส์ ขยายความถึงประเทศวานูอาตูว่า

เจมส์ แมกซ์เวลล์ แฮร์ริส ‘วานูอาตู’ เกาะสวรรค์ที่ต้องทำความรู้จัก

“ถ้าพูดถึงโครงการการให้สัญชาติแห่งสาธารณรัฐวานูอาตู โดยการลงทุนนั้น ได้มีมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยมีโครงการก่อนหน้านี้แล้วชื่อว่า โครงการ Defence Cooperation Program (DCP) และ Vanuatu Economic Rehabilitation Program (VERP) แต่ตอนนี้เรามีโครงการการลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญชาติแห่งสาธารณรัฐวานูอาตู (Development Support Program หรือ DSP) ซึ่งเริ่มโครงการมาตั้งแต่ 1 ม.ค. 2560 การเปิดโครงการนี้รัฐบาลวานูอาตูมองว่า โครงการ DSP นี้จะทำให้ได้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติที่ดีมาเข้าร่วมโครงการ และโครงการนี้จะช่วยระดมทุนเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป

 ตามความรู้สึกของผมในฐานะชาวต่างชาติแล้ว สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหรือนักลงทุนอยากเดินทางไปวานูอานู อย่างแรกเลยก็คือ ความเงียบสงบเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นแดนสวรรค์ที่เพิ่งค้นพบได้เลยทีเดียว ไร้ซึ่งปัญหาความขัดแย้ง ความรุนแรง อาชญากรรม หรือแม้แต่มลพิษ ในปัจจุบันในหลายๆ ประเทศไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ แม้แต่ประเทศที่สวยงามอย่างประเทศไทย ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามากมายในแต่ละปี ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้เช่นกัน”

 แต่ด้วยความที่วานูอาตูเป็นประเทศที่ห่างไกล มีจำนวนประชากรไม่มากนัก จึงยังคงสภาพความเป็นดินแดนแห่งความสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ผู้คนเป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินและเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการธนาคาร ที่เปิดโอกาสมากมายให้นักลงทุนสามารถมาประกอบธุรกิจโดยไม่มีการเสียภาษี

 “ตอนนี้เราก็กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการให้มีการเปิดเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังวานูอาตูด้วย (ปัจจุบันต้องบินไปต่อเครื่องที่ออสเตรเลีย) คาดว่าภายในไม่เกินครึ่งปีนี้จะสำเร็จ และเปิดโอกาสให้ผู้คนเดินทางไปวานูอาตูได้สะดวกยิ่งขึ้น”

 เจมส์ บอกว่า ผู้ที่ต้องการขอสัญชาติวานูอาตู สามารถสมัครและดำเนินการผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการนี้ (เท่านั้น) ได้เลย

เจมส์ แมกซ์เวลล์ แฮร์ริส ‘วานูอาตู’ เกาะสวรรค์ที่ต้องทำความรู้จัก

 “การที่รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลประเทศวานูอาตู (VIC) ขึ้นก็เพื่อให้ศูนย์นี้เป็นหน้าด่านในการส่งเสริมโครงการ DSP และเพื่อจัดเตรียมแพลตฟอร์มให้ตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการนี้นำข้อมูลไปเสนอต่อผู้ที่สนใจ ปัจจุบันมีศูนย์ข้อมูลประเทศวานูอาตูอยู่ 7 แห่งในภูมิภาคเอเชีย และยังมีตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เช่นนี้อยู่ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย จีน และออสเตรเลีย รวมทั้งไทยอีกด้วย”

 การสมัครเพื่อขอสัญชาติแห่งสาธารณรัฐวานูอาตูจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับเชิญ และผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติที่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้อย่างโปร่งใสตามความเป็นจริง โดยมีการคัดเลือกอย่างเคร่งครัดเพื่อให้แน่ใจว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติตรงตามที่วานูอาตูต้องการจริงๆ เจมส์ ชี้ให้เห็นกระบวนการตรงนี้ว่า

 “เรามีหลักเกณฑ์และข้อกำหนดในการมอบสิทธิการเป็นพลเมืองแห่งประเทศวานูอาตู ซึ่ง VIC ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือในการยื่นขอรับสิทธิการเป็นพลเมือง และเป็นตัวแทนให้กับรัฐบาลวานูอาตูในการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของผู้สมัคร ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางการเงิน ประวัติอาชญากรรม ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบเป็นอย่างดี

 เมื่อได้รับสัญชาติแล้วก็จะได้แบบตลอดชีพ ซึ่งการก่อตั้ง VIC ในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพฯ โฮจิมินห์ ฮ่องกง กัมพูชา ลอนดอน ก็เพื่อเป็นแหล่งในการให้ข้อมูลและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว หรือนักลงทุนในการติดต่อกับวานูอาตู โดยเรามีสำนักงาน VIC 6 แห่งในเอเชีย โดยที่กรุงเทพฯ จะเป็นศูนย์กลางหลักในภูมิภาคนี้ เพราะเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญ ซึ่งทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจะให้ความสนใจต่อวานูอาตู”

 เจมส์ กล่าวอีกว่า ถ้าไม่มีสถานทูตของวานูอาตูอยู่ในประเทศของผู้สมัคร ก็ให้สมัครผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการสำหรับโครงการนี้ ซึ่งอาจจะสมัครโดยตรงกับตัวแทนผู้นั้นหรือผ่านทางศูนย์บริการข้อมูลประเทศวานูอาตูก็ได้

เจมส์ แมกซ์เวลล์ แฮร์ริส ‘วานูอาตู’ เกาะสวรรค์ที่ต้องทำความรู้จัก

 “สำหรับผู้สมัครที่มีข้อสงสัยว่า ใบสมัครของตัวเองนั้นถูกส่งไปถูกช่องทางหรือไม่ หรือจะทราบได้อย่างไรว่าทางการได้ออกหนังสือเดินทางของวานูอาตูให้แล้ว ศูนย์บริการข้อมูลฯ ตระหนักดีว่าคุณอาจจะกังวล ว่าจะมีกับดักแฝงอยู่ในการสมัครเพื่อขอสัญชาตินี้หรือไม่ หรือคุณได้ติดต่อเข้าร่วมโครงการนี้ผ่านตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งจริงๆ หรือเปล่า

 ดังนั้น ศูนย์บริการข้อมูลฯ จึงสนับสนุนให้ตัวแทน (ที่ผ่านการตรวจสอบว่าผ่านเกณฑ์ของรัฐบาลแล้ว) แสดงตนว่าเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ โดยการแสดงหนังสือแต่งตั้งจากรัฐบาลว่าเป็นตัวแทนที่มีสิทธินำเสนอโครงการนี้จริงๆ ซึ่งผู้สมัครสามารถขอดูการแต่งตั้งนี้ได้โดยตรงจากคณะกรรมการด้านสัญชาติของรัฐบาลวานูอาตู”

 ผู้ที่สนใจสามารถหารายชื่อของตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ ได้ เจมส์ บอกว่านั่นคือ บริษัท ฮาร์วี่ย์ ลอว์ กรุ๊ป (Harvey Law Group) ซึ่งมี บาสเตียน เทรลแคท เป็นผู้บริหารงาน ซึ่งฮาร์วีย์ฯ เป็นตัวแทนหลักสำหรับโครงการ DSP นี้ และเป็นเจ้าของร่วมในศูนย์บริการข้อมูลประเทศวานูอาตู

“อีกทั้งชื่อของฮาร์วีย์ฯ ก็ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์คณะกรรมการด้านสัญชาติของรัฐบาลวานูอาตูด้วย ซึ่งชื่อของบุคคลธรรมดาที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจะไม่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ เพื่อจะได้ไม่ทำให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ไขว้เขวและติดต่อกับตัวแทนมากกว่า 1 ราย (ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้สับสนเช่นนี้มาแล้ว) ตัวแทนของโครงการนี้จะต้องได้รับการแต่งตั้งและมีหนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่ออกจากรัฐบาลวานูอาตูซึ่งยืนยันการแต่งตั้งได้เท่านั้น”

 เจมส์เสริมว่า การดำเนินการในการสมัครมี 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น เพื่อจะดูว่าผู้สมัครกรอกเอกสาร Nomination Form ครบถ้วนหรือไม่ จากนั้นจึงส่งเอกสารฉบับนี้พร้อมกับเอกสารประกอบอื่นๆ และค่าธรรมเนียมส่วนแรกจำนวน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐเข้าไปที่โครงการ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ค่าธรรมเนียมส่วนแรกที่จ่ายมานี้ไม่สามารถขอรับคืนได้

 “หลังจากที่โครงการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ผู้สมัครมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ขั้นตอนที่สองจะเริ่มจากการส่งเอกสารทั้งหมดพร้อมชำระเงินค่าธรรมเนียมส่วนที่เหลือจนเต็มจำนวน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาดำเนินการ 30-90 วัน ทั้งนี้แล้วแต่ว่าเอกสารที่ส่งมานั้นเป็นอย่างไร โดยปกติแล้วขั้นตอนนี้จะเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน โดยมีผู้แทนจากศูนย์บริการข้อมูลประเทศวานูอาตูคอยให้การช่วยเหลือในการเตรียมเอกสาร

เจมส์ แมกซ์เวลล์ แฮร์ริส ‘วานูอาตู’ เกาะสวรรค์ที่ต้องทำความรู้จัก

 ค่าธรรมเนียมแรกเข้าตอนสมัครคือ 2.8 แสนดอลลาร์ สำหรับการสมัครเป็นครอบครัวที่มีสมาชิกสายตรงทั้งหมด 4 คน ถ้ามีสมาชิกสายตรงในครอบครัวมากกว่านั้น จะคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกคนละ 2.5 หมื่นดอลลาร์ ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้ถือว่าเป็นเงินบริจาคและค่าบริหารจัดการ สามารถตรวจดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของคณะกรรมการด้านสัญชาติของรัฐบาลวานูอาตู”

 ต่อข้อถามที่ว่า หนังสือเดินทางของวานูอาตูนั้นได้รับการจัดอันดับอย่างไร เจมส์บอกว่า ทาง Arton Capital ยังไม่ได้จัดอันดับหนังสือเดินทางของวานูอาตู แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือเดินทางนี้สามารถใช้เดินทางเข้าประเทศต่างๆ โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่า 125 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักรและประเทศที่ใช้เชงเก้นวีซ่าในยุโรป และอาจ จะมีประเทศอื่นเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเจรจาเรื่องของวีซ่าสำหรับผ่านเข้าสหรัฐกันอยู่

 เจมส์ กล่าวอีกว่า มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วอะไรทำให้โครงการเก่าๆ ไม่ประสบความสำเร็จ คำตอบก็คือ เพราะผู้สมัครต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแพงมากในกรณีของ Vanuatu Economic Rehabilitation Program (VERP) ซึ่งมีค่าธรรมเนียมถึง 3.5 แสนดอลลาร์ สำหรับผู้สมัครที่สมัครเดี่ยวๆ และ 4 แสนดอลลาร์ สำหรับการสมัครแบบครอบครัว รวมทั้งการนำเสนอโครงการที่ทำได้ไม่ดีนัก และขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือขาดเอกสารข้อมูลทางการตลาดที่จะแสดงให้เห็นว่าโครงการนี้มีความโปร่งใส

 “โครงการใหม่นี้แตกต่างจากโครงการเดิมตรงที่ ค่าธรรมเนียมลดลงเหลือเพียง 2.8 แสนดอลลาร์ สำหรับการสมัครแบบครอบครัว 4 คนพร้อมกัน จึงพบว่ามีการตอบรับที่ดีกว่าเดิม มีข้อมูลทางการตลาดที่ชัดเจนและเป็นมืออาชีพ ศูนย์บริการข้อมูลประเทศวานูอาตูก็ช่วยส่งเสริมการนำเสนอโครงการนี้ และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลวานูอาตูด้วย โดยผู้ได้รับสัญชาติจะได้สิทธิอาศัยในประเทศวานูอาตู ได้หนังสือเดินทางวานูอาตู และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเช่นเดียวกับผู้เสียภาษีที่มีภูมิลำเนาในประเทศวานูอาตูเลยละ”

 เจมส์ ทิ้งท้ายว่า สิทธิประโยชน์ที่สำคัญก็คือ วานูอาตูถือเป็นสวรรค์ในเรื่องของภาษี นอกจากภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีศุลกากรขาเข้าสำหรับสินค้าบางประเภทแล้ว ประเทศนี้จะไม่มีภาษีอื่นๆ ที่เรียกเก็บจากพลเมือง

 “สำหรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ก็คือ การได้อยู่อาศัยในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความสุขที่สุดในโลก ไม่มีปัญหาด้านอาชญากรรม การก่อการร้าย และเป็นประเทศที่ไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังทางทหารด้วยซ้ำไป จึงเหมาะแก่การลงทุนอย่างมาก ธุรกิจที่แนะนำ ได้แก่ การท่องเที่ยว และการโรงแรม เพราะปัจจุบันวานูอาตูเป็นประเทศที่เหมาะกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่ยังขาดโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีระดับ ซึ่งคนไทยได้ชื่อว่าเก่งและถนัดในเรื่องของธุรกิจการให้บริการเป็นอย่างมาก รวมทั้งพวกศูนย์การค้าต่างๆ หากนักธุรกิจไทยได้มีโอกาสมาลงทุนและดำเนินธุรกิจที่นี่ เชื่อว่าจะต้องประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงแน่นอน”

 เนื่องจากภูมิประเทศของวานูอาตูเป็นหมู่เกาะแปซิฟิกเหมือนกับญี่ปุ่นและอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ในเขตแนววงแหวนแห่งไฟ ดังนั้นการเกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมักจะเกิดในเกาะเล็กๆ ห่างไกล จึงไม่ค่อยมีผลกระทบต่อแผ่นดินหลักเท่าใดนัก

 ส่วนในเรื่องของมาตรการรักษาความปลอดภัย วานูอาตูได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งด้านความรู้ และด้านเทคนิคการเตือนภัยและป้องกันภัยจาก 2 ประเทศเพื่อนบ้านทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ในการช่วยเฝ้าระวังและแจ้งเตือน หากมีสัญญาณว่าจะเกิดเหตุขึ้น ดังนั้นจึงวางใจในเรื่องความปลอดภัยจากภัยทางธรรมชาติได้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.vic.vu

..........โปรย 1..........

 “ตามความรู้สึกของผมในฐานะชาวต่างชาติแล้ว สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหรือนักลงทุนอยากเดินทางไปวานูอานู อย่างแรกเลยก็คือ ความเงียบสงบเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นแดนสวรรค์ที่เพิ่งค้นพบได้เลยทีเดียว ไร้ซึ่งปัญหาความขัดแย้ง ความรุนแรง อาชญากรรม หรือแม้แต่มลพิษ”

..........โปรย 2..........

 “การได้อยู่อาศัยในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความสุขที่สุดในโลก ไม่มีปัญหาด้านอาชญากรรม การก่อการร้าย และเป็นประเทศที่ไม่จำเป็นต้องมีกองกำลังทางทหารด้วยซ้ำไป จึงเหมาะแก่การลงทุนอย่างมาก”