posttoday

พรทวี หอมเสมอ รักดนตรีไทยต้องเปิดใจให้กว้าง

20 พฤศจิกายน 2560

เสียงขิมของเธอสุดเพราะพริ้ง สะกดอารมณ์ผู้ชมทั่วทั้งโรงละคร ประหนึ่งนั่งฟังในท่ามกลางสวนไผ่ที่สายลมกำลังพัดไหว



เห็นสาวสวยน่ารักมากด้วยความสามารถในการเล่นดนตรีไทย “ไอซ์-พรทวี หอมเสมอ” ขึ้นเป็นสปีกเกอร์และโชว์การเล่นดนตรีไทยด้วยการตีขิม ในงาน TEDxChulalongkornU ปีที่ 3 ซึ่งจัดโดยเหล่าคณาจารย์และนิสิตจิตอาสาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน ต้องกดไลค์รัวๆ

เสียงขิมของเธอสุดเพราะพริ้ง สะกดอารมณ์ผู้ชมทั่วทั้งโรงละคร ประหนึ่งนั่งฟังในท่ามกลางสวนไผ่ที่สายลมกำลังพัดไหว สุนทรีย์สุดๆ ยิ่งบรรเลงกับเครื่องดนตรีอื่น อย่างเช่น กลอง ฉิ่ง ซอ ระนาด กับวงเภตราในชมรมดนตรีไทยของคณะบัญชีจุฬาฯ ที่เธอเคยสังกัดอยู่ ยิ่งทำให้ตื่นตาตื่นใจในพลังดนตรีไทย

ขณะที่คำพูด (Speech) ของเธอก็สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทย เปิดใจรับดนตรีไทยที่กว้างขึ้น โดยที่ไม่อยู่แต่ในกรอบเดิมๆ อันเป็นการจำกัดศักยภาพและเสน่ห์ของดนตรีไทยที่ควรต้องดังไกลในระดับโลก

“สิ่งที่ทุกคนทำได้เพื่อรักษาของดีอย่างดนตรีไทยให้อยู่คู่กับคนไทย ก็คือการฟังดนตรีไทยด้วยหัวใจที่ให้โอกาส ให้ดนตรีไทยมีพื้นที่ในสังคม เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่สามารถรักดนตรีไทยในแบบคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจมีการปรับแต่งให้ร่วมสมัย เล่นได้อย่างมีความสุข มีชีวิตชีวา และส่งต่อคนรุ่นต่อไป

ผู้ใหญ่ควรเลิกตีกรอบว่าจะต้องเล่นดนตรีรูปแบบดั้งเดิมที่ยาก ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเล่น หรือไม่อยากแม้แต่จะเข้าใกล้ และอยากให้สื่อทุกประเภทมีโอกาสสัมผัส หรือทำความรู้จักดนตรีไทยเสียใหม่ เพื่อสื่อภาพลักษณ์ว่าเป็นศิลปะที่บ่งบอกความเป็นชาติ ทรงคุณค่า มีท่วงทำนองสละสลวย แทนการสื่อว่าเป็นเรื่องเชย หรือเป็นแค่ความบันเทิงของคนรุ่นเก่า รุ่นคุณปู่ คุณย่า” คำพูด (Speech) บางส่วนของเธอในวันนั้น

 

พรทวี หอมเสมอ  รักดนตรีไทยต้องเปิดใจให้กว้าง


พรทวีคือใครหรือ?

ถ้าถามว่า “พรทวี” คือใคร ก็ต้องบอกว่าเธอไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นักร้องชื่อดัง แต่ถ้าย้อนไปเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมาสมัยเรียนมัธยม เกียรติประวัติและความสามารถไม่ธรรมดา

เธอเป็นนักดนตรีไทยเจ้าของแชมป์ขิมในรายการคุณพระช่วย 4 สมัย และรางวัลพระราชทานศรทอง (ประเภทขิม) จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบบิตร พร้อมกวาดรางวัลด้านดนตรีอีกมากมาย 

ลองเสิร์ชคำว่า พรทวี หอมเสมอ คุณพระช่วยในยูทูบ ก็ยังพอเห็นคลิปการแสดงของเธอ

ปัจจุบันไอซ์ที่เรียนจบบัญชีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชี (Auditor) และตั้งใจว่าวันหนึ่งจะต้องสอบใบอนุญาตผู้สอบบัญชีที่เรียกกันว่า Certified Public Accountant หรือ CPA ให้ได้

แม้ว่าจะต้องผ่านการทดสอบที่ยากกว่าจะได้ไลเซนส์นี้มาก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่คนเรียนจบด้านบัญชีไม่ว่าใครก็อยากจะได้ ขณะที่การเล่นดนตรีเป็นงานอดิเรกโดยมีวงของตัวเองกับเพื่อนๆ

“ตอนนี้งานบัญชีเป็นอาชีพหลักค่ะ ส่วนดนตรีที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เด็กเป็นงานอดิเรก ก็พยายามเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ทำงานไปก่อน โอกาสเหมาะๆ ค่อยสอบ CPA ถ้าสอบผ่านเมื่อไรเรื่องสานฝันด้านดนตรีในสิ่งที่คิดไว้และอยากทำ รวมถึงเรื่องเรียนต่อด้วยค่อยว่ากัน แต่เวลานี้ต้องการทำอาชีพบัญชีให้มีความมั่นคงไปก่อนค่ะ”

 

พรทวี หอมเสมอ  รักดนตรีไทยต้องเปิดใจให้กว้าง

 

 

มากด้วยพรสวรรค์ด้านดนตรี

พรทวี มิเพียงมีความสามารถในการเล่นดนตรีไทย โดยเฉพาะขิมถือเป็นเอกอุที่เธอเคยโชว์ให้เห็นฝีมือมาแล้วในรายการคุณพระช่วยเท่านั้น

เครื่องดนตรีสากลโดยเฉพาะเปียโนเธอก็เล่นได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นมาจากพรสวรรค์อันเป็นคุณสมบัติพิเศษของเธอที่จับดนตรีอะไรมาเล่น ก็เรียนรู้ได้เร็ว จนครูสอนอดชื่นชมไม่ได้ รวมถึงพรแสวงคือความมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียนและการฝึกฝนอยู่เสมอ

“ไอซ์เรียนดนตรีตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เล่นได้ คือ ขลุ่ย ตอนแรกตั้งใจจะเรียนเปียโนก่อน แต่เหมือนอายุจะยังไม่ถึงหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ และตอนนั้นครูยังไม่มา ก็มีคนบอกให้เล่นขลุ่ยฆ่าเวลาไปก่อน กลายเป็นว่าได้เรียนขลุ่ยก่อนแล้วจึงมาเรียนเปียโน แต่ก็เล่นได้ดีทั้งสองอย่าง

ครูบอกไอซ์เรียนรู้เร็วมาก จากนั้นได้มีโอกาสไปเรียนกู่เจิ้ง ขิม และเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) กับครูตั๊ก (อาจารย์ชนก สาคริก)”

ไอซ์ เล่าว่า การไปเรียนกู่เจิ้งและขิมที่มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะ วันหนึ่งคุณพ่อเดินผ่านร้านแผ่นเสียง แถวท่าพระจันทร์ ได้ยินเพลงไทยเดิมบรรเลงด้วยกู่เจิ้งโดยวงภุมรินทร์ แล้วเกิดประทับใจชื่นชอบในเสียงดนตรีนั้นอย่างมาก จึงซื้อกลับมาฟังที่บ้านและหาข้อมูลจนรู้ว่ามูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะเป็นผู้ผลิตเทปขึ้น จึงพาเธอไปเรียนกู่เจิ้ง ขิม ซอ และเครื่องดนตรีอื่นๆ

“จับเครื่องดนตรีอะไรไอซ์ก็เรียนรู้ได้เร็ว เล่นได้หมด พอเล่นได้ดี เล่นได้เก่งเลยสนุกใหญ่ แถมเพื่อนเยอะอีกด้วย จนเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบดนตรี แต่ถ้าย้อนไปก่อนนั้นยังรู้สึกเฉยๆ พ่อให้เรียนก็เรียน แต่พอมาเรียนที่มูลนิธิหลวงประดิษฐไพเราะรู้เลยว่าหลงรักดนตรีเข้าแล้ว จากนั้นก็เล่นต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนมาถึงจุดหนึ่งตอนเข้าวัยรุ่น เคยไปแข่งตีขิมในรายการคุณพระช่วยครั้งแรก

ตอนนั้นอยู่ ม.1 ก็บอกเพื่อนเราจะออกทีวีนะ เพื่อนๆ ก็อ๋อเหรอ เหมือนแค่รับรู้ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรด้วย คิดไปคิดมาเลยรู้สึกไม่อยากเล่น จึงเริ่มเพลย์เอาต์ไปช่วง ม.ต้น เพลาๆ ลงไม่ถึงกับคลั่งไคล้มาก พอ ม.ปลาย กะทิ้งดนตรีไทยเข้าชมรมดนตรีสากลหวังอยากเป็นนักร้องให้เพื่อนๆ ยอมรับ

แต่อาจารย์ชมรมดนตรีสากลบอกทำไมไม่เอาดนตรีไทยกับสากลมาเล่นด้วยกัน จากจุดนั้นจึงเกิดแรงบันดาลใจและพยายามจะทำ แต่ด้วยสมาชิกที่ไม่ค่อยพร้อมจึงไม่ได้เล่น เลยเหมือนเป็นความอัดอั้นในใจว่า ถ้าวันหนึ่งมีโอกาสจะเอาดนตรีไทยกับสากลมาเล่นด้วยกันให้คนดูและทุกคนยอมรับในดนตรีไทยมากขึ้น”

 

พรทวี หอมเสมอ  รักดนตรีไทยต้องเปิดใจให้กว้าง

 

 

พัฒนาชมรมดนตรีไทย คณะบัญชี จุฬาฯ

กระนั้นในตอนที่เข้ามหาวิทยาลัย เธอก็ยังคิดที่จะเข้าชมรมดนตรีสากลอยู่ แต่พอดีถูกรุ่นพี่ที่เป็นประธานชมรมดนตรีไทยของคณะบัญชีที่รู้ว่าเธอมีความสามารถในการเล่นดนตรีไทย และเคยรู้ว่าเธอแข่งขันตีขิมในรายการคุณพระช่วยมาก่อน จึงชักชวนให้เข้าชมรมดนตรีไทยของคณะ ซึ่งตอนนั้นมีวงอยู่ด้วยชื่อว่าเภตรา

“พี่เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับไอซ์เลยนะ ดูไอซ์เล่นมาตั้งแต่เด็ก ตีขิมเก่งมาก แล้วพยายามชักชวนให้มาอยู่ชมรมดนตรีไทย จะได้ช่วยกันพัฒนาชมรมด้วยกัน ตอนที่พี่เขาชวนไอซ์นึกถึงตอนที่ตัวเองไปซัมเมอร์ที่อเมริกา แล้วถูกเพื่อนต่างชาติถามว่าประเทศไทยมีของดีอะไร เลยเปิดคลิปที่ไอซ์เคยแข่งขันในรายการคุณพระช่วยให้ดู

เขาทึ่งในความสามารถเรามาก ไอซ์ก็เลยเข้าชมรม พอเข้าไปถึงรู้ว่าทำไมพี่เขาอยากให้ไปอยู่ด้วย มันเงียบมากไม่มีชีวิตชีวาเลย เห็นแล้วจึงอยากทำให้ดีขึ้น เลยคุยกับพี่ประธานชมรมว่าเราควรเอาดนตรีไทยไปจอยกับทางชมรมดนตรีสากลที่ตอนนั้นเขาฮอตมาก

วันหนึ่งไอซ์จึงไปหาพี่ๆ ชมรมดนตรีสากลที่กำลังซ้อมกันอยู่เพื่อแสดงในวันรับน้อง บอกพี่เขาว่าปีหน้างานรับน้องขอดนตรีไทยได้ไปเล่นกับดนตรีสากลด้วยนะ พี่เขาถามว่าจะเล่นด้วยกันได้หรือ ไอซ์เลยบอกว่าเอางี้พี่เล่นเพลงอะไรหนูเล่นได้หมด เลยยกขิมมาตีให้เขาฟังตอนนั้น เล่นเพลงที่เขาซ้อมกันเลย พี่เขาเห็นว่าเรามีความสามารถเลยปฏิเสธไม่ได้ ปรากฏเราก็ได้เล่นด้วยกันในวันรับน้อง”

ใครจะคิดว่าการที่เธอประยุกต์การเล่นดนตรีไทยกับดนตรีสากลเข้าด้วยกันได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ในวันรับน้องของมหาวิทยาลัยจะทรงพลังเหนือความคาดหมาย จากชมรมดนตรีไทยของคณะบัญชีที่ตั้งแต่ตั้งมาแทบไม่มีใครรู้จัก ถามถึงเภตราก็ไม่มีใครรู้ แต่รุ่งขึ้นวันถัดมาก็มีน้องๆ นักศึกษาสมัครเข้าชมรมประมาณ 10 กว่าคน เท่ากับว่าเธอได้ปลุกชมรมที่เงียบเหงามาตลอดให้ตื่นจากนิทรา

“ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ประมาณ 7 ปี วงเภตราชมรมดนตรีไทยในคณะบัญชี จุฬาฯ ก็กลายเป็นวงดนตรีไทยโฉมใหม่ที่อวดความเป็นไทยได้อย่างน่าตื่นตา กล่าวคือมีความเป็นไทยเดิมอยู่แต่ก็มีความทันสมัย เนื่องจากมีความสามารถในการคัฟเวอร์เพลงได้หลากหลาย คัฟเวอร์เพลงแบบฝรั่งก็ได้ เล่นกับดนตรีสากลสบายๆ จึงไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ตอนนี้วงเภตรามีชื่อเสียงและงานเยอะค่ะ ถ้าถามความรู้สึกไอซ์กับเภตราที่ก้าวมาถึงจุดนี้บอกเลยว่าภูมิใจ เพราะสิ่งที่ไอซ์และสมาชิกชมรมบุกเบิกในครั้งนั้นได้เปิดให้น้องๆ ได้มีโอกาสโชว์ฝีมือมากขึ้น ซึ่งวิธีการเล่นแบบประยุกต์นี้แหละจะทำให้น้องๆ ที่เล่นดนตรีไทยอยู่แล้ว คิดอยากจะทิ้งเหมือนครั้งหนึ่งที่ไอซ์เคยหยุดไป ไม่กล้าและไม่คิดที่จะทิ้งอีกต่อไป”

ท้ายสุด พรทวียอมรับว่าสำหรับดนตรีไทยแล้วเธอรักความเป็นไทยเดิมตลอดและรักมากด้วย ไม่ได้รักการประยุกต์ถึงขนาดต้องทำลายความเป็นไทยเดิม ซึ่งเป็นของคู่กับดนตรีไทยแต่อย่างใด แต่เธอรู้ว่าถ้ายังรักความเป็นไทยเดิมแบบเดิมๆ ไปตลอด โดยไม่รู้จักประยุกต์วิธีการเล่นให้เป็นไปตามยุคสมัย รวมทั้งผู้ใหญ่ยังตีกรอบว่าจะต้องเล่นดนตรีรูปแบบดั้งเดิมอยู่

ดนตรีไทยจะไม่ก้าวไปถึงไหน และจะยังคงจำกัดอยู่แค่คนรุ่นเก่าๆ เมื่อไรคนรุ่นใหม่จะหันมาสนใจและชื่นชมดนตรีไทย