posttoday

ทำความรู้จัก คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค

19 พฤศจิกายน 2560

เยาวเรศ บุนนาค หรือที่ลูกศิษย์สถาบันพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพ เรียกว่า “คุณย่าเยาวเรศ”

โดย วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

เยาวเรศ บุนนาค หรือที่ลูกศิษย์สถาบันพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพ เรียกว่า “คุณย่าเยาวเรศ” คุณย่าต่อสู้กับโรคร้ายบนโลกนี้ด้วยความเชื่อในพลังสมาธิ ที่สามารถเหนี่ยวนำพลังคอสมิกที่อยู่รอบตัว ให้ไหลผ่านเข้าสู่ร่างกาย เพื่อกระตุ้นหรือฟื้นฟูอาการเจ็บไข้ต่างๆ 

คุณย่าอายุ 88 ปีแล้ว หากแม้ในวัยชรา คุณย่าก็ยังแข็งแรง โดยเฉพาะระบบความคิดที่กระฉับกระเฉงว่องไว ผิดแผกกับผู้สูงอายุในวัยเดียวกัน รวมทั้งผิวพรรณที่ผ่องใส (มาก) ปัจจุบันคุณย่าพำนักอยู่ที่อาคารพรสวรรค์ ถนนเทศบาลนิมิตใต้ ซึ่งช้เป็นที่อยู่และที่ทำการของ บริษัท พรสวรรค์เทคนิคอล ซึ่งตั้งมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว

ทำความรู้จัก คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค

คุณย่าใช้อาคารนี้เป็นที่ทำการของสถาบันพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพ และเปิดสอนพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพให้กับผู้คนที่สนใจไปด้วยพร้อมกัน โดยมีบริษัท พรสวรรค์เทคนิคอล ช่วยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายในเวลาทำการเปิดสอนตลอดมา

“ดีใจด้วย ที่ได้เจอกัน” คุณย่าพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งความปรานี หากในประโยคถัดมา คุณย่าก็ช็อกผู้สื่อข่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องส่วนตัว เนื่องจากไม่เห็นประโยชน์ที่จะพูดถึงตัวเอง อีกมิได้รู้สึกเสียหายในประการใด หากใครจะมองหรือเห็น รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ

“การนินทาว่าร้ายเป็นบาปของผู้พูดเอง ย่าได้แต่เมตตาบุคคลเหล่านั้น ที่มัวแต่เพ่งโทษผู้อื่น ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาเรียนหรือทดลองมาเรียนได้ ผู้ที่ได้รับการอบรมไปแล้ว ย่อมพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง”

คุณย่ากล่าวว่า ชีวิตเบื้องหลังของทุกคนนั้น คือ โครงกระดูก ไม่มีอะไรเป็นได้มากกว่านี้ คุณย่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่ใจของใครจะนึกหรือพูด หากสำหรับคุณย่าคือความเชื่อในบาปบุญคุณโทษที่ตัวเองทำ วาจาเป็นลม จะดีหรือชั่วย่อมได้รับผลตามกรรม ที่คุณย่าทำได้คือเมตตา...เมตตาเท่านั้น

อย่างน้อยที่สุด คุณย่าได้เมตตาเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไป ก่อนจะมาเป็นพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพในวันนี้ พลังจักรวาล (Cosmic) ในร่างกายมนุษย์ หลักสูตรเพื่อชาวไทย ที่จะได้นำมาใช้ดูแลสุขภาพร่างกาย เยียวยาเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย

สิ่งที่ทำก่อนเป็นอันดับแรก คือการกำหนดหลักสูตรเรียนรู้พลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพไว้ ทั้งแบบชั้นต้น-ปฐมจักระ ระดับพัฒนาจักระ และระดับกายทิพย์ชั้นสูง ที่ผู้เรียนสามารถถ่ายทอดและกระตุ้นจักระแก่ผู้อื่นต่อไป โดยได้เปิดสอนเป็นวิทยาทานมากว่า 20 ปี แบบไม่คิดเงินผู้เรียนแม้แต่บาทเดียว ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ได้ผู้นำวิชาความรู้ไปใช้ ขจัดโรคภัยที่เบียดเบียน นับจำนวนไม่ถ้วนได้

ทำความรู้จัก คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค

“ย่าเปิดสอนมา 23 ปีแล้ว เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ว่าพลังกายทิพย์ไม่ใช่ไสยศาสตร์ที่ใช้เวทมนตร์ หากเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ในหลักเหตุผล ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาหรือลัทธิใดๆ จนกระทั่งถึงวันนี้ลูกศิษย์สถาบันกายทิพย์ คงต้องกล่าวว่าเป็นหลักแสนคน” คุณย่าเยาวเรศ กล่าว

วิชาพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพนั้น เป็นการศึกษาเพื่อช่วยเหลือตัวเองและเพื่อนมนุษย์ มิใช่เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ วิชานี้ทุกศาสนาทุกลัทธิเรียนได้ แก่นวิชาคือ องค์ความรู้เรื่องจุดจักระทั้งเจ็ดในร่างกายมนุษย์ ที่เมื่อได้รับการกระตุ้นในจุดที่ถูกต้อง ก็จะสามารถรับพลังคอสมิกเข้าสู่ร่างกายได้ เยียวยาการเจ็บป่วยของตัวเองหรือผู้อื่น ก็โดยการใช้มือทั้งสองส่งถ่ายพลังโดยใช้อำนาจจิตในการรักษา

“พลังคอสมิกจะผ่านเข้าสู่ร่างกายไปกระตุ้น ฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ที่บกพร่องให้คืนปกติ”

ในศตวรรษที่ 18 ได้มีผู้ค้นคว้าวิจัยเรื่องอำนาจพลังจิต และได้ค้นพบจักระทั้งเจ็ดที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย จักระนี้สามารถเปิดรับพลังรอบตัว (พลังคอสมิก) เข้าสู่ร่างกาย และสามารถนำไปพัฒนาจิตพัฒนาร่างกายที่เจ็บป่วยได้อย่างน่ามหัศจรรย์

“พลังคอสมิกนี้ เป็นเรื่องของธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนสามารถรู้สัมผัส และมองเห็นได้ด้วยตัวเอง ทดสอบได้ด้วยตัวเอง”

ต้นกำเนิดของวิชาพลังกายทิพย์คือ พระอาจารย์ดาสิรา นาราดา ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ (อั๋น สุวรรณภาณุ) ผู้ถ่ายทอดวิชาพลังกายทิพย์ให้คุณย่าอีกทอดหนึ่ง สำหรับประวัติโดยสังเขปของท่านอาจารย์ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ปรากฏอยู่ในหนังสือหลักสูตรพลังกายทิพย์ฯ

ทำความรู้จัก คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค

“...ท่านอาจารย์เกิดในปี พ.ศ. 2435 ที่ตำบลท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนแพทยาลัย ศิริราช รุ่นที่ 20 สอบได้ประโยคแพทย์ตามหลักสูตรกระทรวงธรรมการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดราชบูรณวรราชมหาวิหาร หรือวัดเลียบ ต่อมาธุดงค์ไปประเทศศรีลังกา และได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ดาสิรา นาราดา ณ วัดวชิระมายา กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา...”

ท่านอาจารย์ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ก่อนจะไปพบท่านพระอาจารย์ดาสิรา นาราดา ที่ศรีลังกานั้น ได้บวชเรียนที่เมืองไทยอยู่ก่อน เป็นศิษย์ขรัวอีโต้ วัดเลียบ ซึ่งเป็นคำที่ชาวบ้านใช้เรียกขานถึงอภินิหารของท่านเจ้าขรัว เมื่อครั้งหนึ่งขว้างมีดอีโต้เหล็กลงน้ำ แต่อีโต้ลอยกลับมาหาท่าน หรือเมื่อครั้งปลุกเสกพระเครื่องโยนลงแม่น้ำไป 3,700 องค์ หากใช้สมาธิเรียกและลอยกลับมากว่า 2,000 องค์

เมื่อไปถึงศรีลังกา ขณะนั้นท่านอาจารย์ดาสิรา นาราดา อายุ 67 ปี ได้ถ่ายทอดวิชากายทิพย์และสมาธิให้แก่ท่านอาจารย์ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ต่อมาท่านได้ลาอุปสมบท และเข้ารับราชการเป็นแพทย์ฝึกหัด ณ โรงศิริราชพยาบาล (โรงพยาบาลศิริราชในปัจจุบัน)

ในปี 2457 ได้บรรจุเป็นแพทย์กองกลาง กรมแพทย์ทหารเรือ ตำแหน่งสุดท้ายคือนายแพทย์ใหญ่ทหารเรือ รับพระราชทานยศเป็นพลเรือตรี เดินทางไปราชการต่างประเทศ 20 ม.ค. 2479-22 พ.ค. 2480 มีโอกาสไปประเทศอียิปต์ และได้รับความรู้เพิ่มเติมในเรื่องกายทิพย์และพลังคอสมิกกลับมาด้วย

คุณย่าได้เล่าถึง พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ว่า ท่านบำเพ็ญแต่คุณประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์มากมาย เป็นผู้บำบัดทุกข์โศกโรคภัยของเพื่อนมนุษย์ เป็นอาจารย์ผู้ให้วิชาแก่ลูกศิษย์ โดยมิได้เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ มีประจักษ์พยานผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านมากมายเหลือที่จะพรรณนาได้หมด

สำหรับคุณย่าเยาวเรศได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ ก็เมื่อครั้งหนึ่งสมัยก่อนนั้นทำธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์ดับเพลิงและสินค้าอื่นๆ จากต่างประเทศ ประสบภาวะขาดทุนถึงขั้นเรียกได้ว่าหายนะ ผู้ใหญ่ที่นับถือกันได้พาไปกราบท่านอาจารย์ และด้วยวิชาหูทิพย์ตาทิพย์ของท่าน ก็ช่วยให้คุณย่า “รอดพ้น” จากวิกฤตนั้นมาได้

ทำความรู้จัก คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค

“ท่าน พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ได้เล็งเห็นด้วยญาณของท่านว่า ย่าจะเป็นผู้นำในหลักวิชากายทิพย์ได้ จะพาผู้คนในสังคมไทยให้หลุดพ้นจากภาวะความเจ็บความไข้ ย่าได้รับปากท่านอาจารย์ว่า จะสืบทอดวิชาของท่าน” คุณย่าเล่า

หลังจากนั้นคุณย่าได้รับการถ่ายทอดวิชาสมาธิเบื้องต้นจากอาจารย์ พล.ร.ต.หลวงสุวิชานแพทย์ จากนั้นเดินทางไปเรียนเพิ่มเติมพลังคอสมิกที่สหรัฐอเมริกา ตอกหมุดองค์ความรู้ก่อนกลับมาร่างหลักสูตรวิชาพลังกายทิพย์ในไทย

จากวันนั้นถึงวันนี้ 33 ปี พลังกายทิพย์ได้เผยแพร่ออกไปสมตามปณิธานท่านอาจารย์ นั่นคือ การพัฒนาพลังสมาธิ เชื่อมต่อน้อมนำพลังคอสมิก เพื่อรักษาสุขภาพ

คุณย่าปรารภว่า อยากให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของปัญหาสุขภาพประชาชนในชาติ เนื่องจากต่อไปในอนาคต สังคมไทยก็จะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงวัย เห็นควรหรือไม่กับการตระหนักรู้ ส่งเสริม และสนับสนุนในสาขาวิชาที่จะเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน นำมาใช้ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ

“ย่าอยากฝากว่า ทหารควรเรียนวิชานี้ที่สุด อยากสอนทหารในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อที่ว่าเมื่อมีปัญหาสุขภาพร่างกายเล็กๆ น้อยๆ ก็จะได้รู้จักที่จะดูแลรักษาตัวเองกันได้ ถ้าอยากได้หลักสูตรเร่งรัด ก็สามารถจัดให้ได้ภายใน 3 วัน จากปกติเป็นหลักสูตร 6 วัน”

ถามคุณย่าถึงความปรารถนาสุดท้าย ที่สุดของความปรารถนา คือ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพใจ สุขภาพกายที่เข้มแข็งแข็งแรงถึงกระทั่งถึงอายุขัย ไม่สร้างภาระและปัญหาให้กับผู้อื่น

ประสงค์เรียนพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพ เปิดอบรมเดือนละ 1 ครั้ง สอบถาม โทร. 02-580-3388 หรือ www.khunya.in.th, Facebook.com/KhunyaYaowares