posttoday

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พัทธมล เลาหพูนรังษี

16 พฤศจิกายน 2560

หญิงเก่งแห่งอารียา พรอพเพอร์ตี้ พัทธมล


เรื่องของลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นที่สร้างความประทับใจได้เสมอ เช่นเดียวกับพัทธมล เลาหพูนรังษี ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่แบ่งปัน “ลูกไม้” ความดี ความเก่งและความเอาใจใส่ ที่ถอดแบบมาจากบิดา

ได้ชื่อว่าเป็นหญิงเก่งแห่งอารียา พรอพเพอร์ตี้ พัทธมล ในวัย 31 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบการศึกษาระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม (University of Birmingham) ประเทศอังกฤษ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ สาขาการสื่อสารการตลาด และจบหลักสูตรด้านการออกแบบ (Personal Fashion Styling) จากสถาบันแฟชั่นแห่งลอนดอน 

พัทธมลชอบคุยชอบสื่อสาร เลือกเรียนวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เพราะตรงกับบุคลิก จบแล้วบินไปเรียนต่ออังกฤษ เลือกเรียนด้านการสื่อสารการตลาดก็เพราะคิดว่า สนุกน่าค้นหา ที่สำคัญคือเมื่อเรียนจบกลับมาเมืองไทย ต้องได้ใช้แน่กับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของที่บ้าน

“กลัวใจตัวเองเหมือนกัน จึงไม่เลือกเรียนที่ลอนดอน แต่ที่เบอร์มิงแฮมไม่ไกลเท่าไรนักจากเมืองหลวง ถ้านึกสนุกอยากเที่ยวก็มาได้ แต่ก็เรียนจบนะคะ” สาวสวยเล่าด้วยรอยยิ้มสดใส

ไปเรียนอังกฤษ ไกลบ้านไกลครอบครัว ต้องดูแลและกวดขันกับตัวเอง มีวินัยและกำหนดกรอบเข้มๆ ให้กับการเรียนการใช้ชีวิตที่นั่น ต้องขอบคุณเพื่อนสนิทแก๊งชาวไทยและไต้หวัน เพื่อนกลุ่มเล็กๆ 3-4 คนที่เกาะเกี่ยวเหนียวแน่น ทุกคนรวมพลังกันและช่วยกัน ทำให้ผ่านพ้นการเรียนที่ขับเคี่ยว

“ไม่เคยใช้ชีวิตคนเดียวมาก่อน แต่ก็เลือกที่จะอยู่ต่างประเทศคนเดียว ค่าน้ำค่าไฟไม่เหมือนเมืองไทย เราต้องฝึกตัวเอง ต้องฝึกจัดการชีวิตของตัวเอง” พัทธมลเล่า

กลับจากอังกฤษ ใช้เวลาช่วงสั้นๆ หาประสบการณ์การทำงานที่บริษัท โอกิลวี่ รีเลชั่น เวิลด์ไวด์ จากนั้นทำงานที่อารียา พรอพเพอร์ตี้ นับหนึ่งจากงานฝึกขายบ้าน เป็นเซลส์เต็มๆ ตัวก็ช่วงนี้ เนื่องจาก “ใบสั่ง” ของบิดา-วิวัฒน์ เลาหพูนรังษี กรรมการบริหาร บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ระบุว่า อสังหาริมทรัพย์ต้องเริ่มจากงานขาย

 

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พัทธมล เลาหพูนรังษี

 

“ลูกต้องขายก่อน ลูกต้องเริ่มจากงานเซลส์ เพราะไม่มีทางอื่นใดที่เราจะรู้จักลูกค้าของเราได้ดีไปกว่าการขายของให้เขา เขาจะบอกเราเองว่า เขาต้องการอะไร เขาต้องการบ้านแบบไหน” พัทธมลเล่า

บ้านคือก้าวที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของทุกคน สำหรับพัทธมลแล้วงานขายบ้านเป็นงานสนุก เพราะได้ชาเลนจ์หรือท้าทายตัวเองในทุกวัน เหมือนจะรู้หมดแล้วแต่ไม่มีทาง งานขายทำให้ได้เรียนรู้ทุกด้านทุกมุมของธุรกิจนี้ สำคัญที่สุดคือความเชื่อมั่นในตัวสินค้า ที่คนขายต้องมีให้เต็มร้อยก่อนเอ่ยปากขายให้ใคร

ปัจจุบันสาวนักบริหารรับผิดชอบงานด้านการตลาดทั้งหมด ถึงปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว อสังหาริมทรัพย์ในเครือ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ รวมทั้งคอนโดมิเนียมในทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่กลุ่มลูกค้าระดับสูง ระดับกลางและระดับกลางถึงล่าง เช่น โครงการดิ เอวา เรสซิเดนท์, อารียา โคโม่, อารียา แมนดาริน่า, อารียา เดลี่, เดอะ วิลเลจ และเดอะ คัลเลอร์ เป็นต้น 

ถึงวันนี้ อารียา พรอพเพอร์ตี้ได้รับการยอมรับว่า เป็นหนึ่งในสิบของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ความสำเร็จของอารียาฯ พัทธมลเล่าว่า อธิบายเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากบิดาที่มุ่งมั่นและเป็นตัวของตัวเอง ระยะแรกของอารียาฯ คือการพุ่งชนและไขว่คว้าทุกโอกาสที่เข้ามาในมือ

“สนิทกับคุณพ่อมาก ความรู้สึกเหมือนจะกล่าวได้ว่า เหมือนเป็นทั้งพ่อและเป็นเพื่อนด้วยอยู่ในคนเดียว พ่อเคยเล่าถึงชีวิตในอดีตว่า ชีวิตพ่อไม่สุขสบาย เป็นเด็กต่างจังหวัดที่ต้องดิ้นรน ชีวิตของพ่อคือชีวิตที่ไม่ปฏิเสธอะไร ทำทุกอย่างที่ทำได้ เพราะเชื่อว่าถึงไม่ได้เงินก็ได้ประสบการณ์ ความเชื่อนี้ทำให้คุณพ่อเป็นคุณพ่อ” พัทธมลเล่า

ประสบการณ์สร้างคน สร้างบิดาวิวัฒน์ให้เป็นนักพัฒนาที่ดินที่น่าสนใจที่สุดในยุคหนึ่ง รวมทั้งได้สร้างอารียาฯ ให้เป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าในปัจจุบันด้วย พัทธมลเล่าต่อว่า วิวัฒน์ เลาหพูนรังษี เป็นคนดุที่ใจดี ง่ายๆ แต่เนี้ยบ คำอธิบายที่มีความหมายผกผันกันนี้ เป็นคำอธิบายจากทีมลูกน้องของอารียา พรอพเพอร์ตี้ทุกๆ คน ที่รัก “พ่อ”

ขณะที่ไลฟ์สไตล์ของพัทธมล เจ้าตัวอธิบายว่า สไตล์การทำงานของเธอไม่เหมือนพ่อเสียทีเดียวนัก ด้วยวัยวุฒิแล้วเธอ “เข้าหา” พนักงานทุกคน โดยเฉพาะพนักงานอาวุโส ให้ความเคารพและเรียนรู้จากพวกเขา โดยทั่วไปคือความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์ ไม่ต้องเกร็ง พูดกันได้ ไม่แต่งตัว ไม่แต่งหน้า เป็นกันเองและเป็นสาวลุยคนหนึ่ง ที่แน่ๆ ไม่ใช่ “ลูกสาวเถ้าแก่” ที่แตะต้องไม่ได้

“ลูกสาวเถ้าแก่คนนี้ลุยค่ะ บุกไปข้างหน้า แต่ขณะเดียวกันก็อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ทุกคน ลงพื้นที่และทำทุกอย่างที่ลูกน้องทุกคนทำ ชุดทำงานคือเสื้อยืดกางเกงยีนส์ อย่างดีก็ใส่เชิ้ต ชุดเดียวกันนี้ไปทั่วทั้งเข้าออฟฟิศและเมื่อออกไปไซต์งาน ส่วนชุดวันนี้ใส่มาถ่ายรูปลงแมกกาซีน ปกติเป็นอีกลุคและเป็นอีกโลก ถามทีมงานได้”

อนาคตคือการสานต่องานและธุรกิจของบิดา ดำเนินโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดีที่สุด ขณะเดียวกันพัทธมลก็มีความฝัน เธออยากทำธุรกิจโรงแรมของตัวเอง คอนเซ็ปต์คือโรงแรมขนาดเล็กที่อบอุ่น ให้บริการน่าประทับใจ โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมที่ต้องยูนีค มีความพิเศษ มีความเป็นตัวของตัวเอง สถานที่ตั้งอยู่กลางเมือง

“ธุรกิจโรงแรมตั้งเป้า 5 ปีจากนี้ โดยช่วงนี้ก็เก็บเกี่ยวข้อมูลและประสบการณ์ให้มากที่สุด เราจะเป็นโรงแรมที่นักท่องเที่ยวไปแล้วพูดพร้อมกันว่ามาถูกที่ ดีงาม ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยโชว์ได้ สถาปัตยกรรมการตกแต่ง ดีไซน์โรงแรมต้องเป็นเลิศ”

เป็นลูกสาวคนโต ก็ไม่แปลกที่จะได้รับอิทธิพลจากบิดา และไม่แปลกที่ตั้งใจจะสานงานต่อ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครืออารียา พรอพเพอร์ตี้ ในยุคคลื่นลูกใหม่ เชื่อว่าจะเป็นไดนามิกที่สร้างสีสันให้แก่วงการพัฒนาอสังริมทรัพย์ ที่หลายคนกำลังจับตาดูอยู่รวมทั้งหนึ่งในนั้นคือ “คุณพ่อวิวัฒน์” ที่กำลังยิ้มปลาบปลื้ม ติดตามดูอยู่อย่างใกล้ชิดที่สุดนั่นเอง