posttoday

เอกชัย สุขุมวิทยา ไปข้างหน้าพร้อมเทคโนโลยี

09 พฤศจิกายน 2560

ยกให้เป็นคนเก่งเกินวัย กับความสามารถและวิสัยทัศน์ของนักบริหารรุ่นใหม่ เอกชัย สุขุมวิทยา วัย 27 ปี ทายาทบริษัทเครือเจมาร์ท


ยกให้เป็นคนเก่งเกินวัย กับความสามารถและวิสัยทัศน์ของนักบริหารรุ่นใหม่ เอกชัย สุขุมวิทยา วัย 27 ปี ทายาทบริษัทเครือเจมาร์ท ที่เริ่มต้นทำงานด้านการเงินหลังจบปริญญาโท ด้านกลยุทธ์การตลาด วิทยาลัยอิมพีเรียล ลอนดอน จากนั้นได้ดูแลผลิตภัณฑ์ของธุรกิจโดยริเริ่มนำสินค้าประเภทอุปกรณ์เสริมมาวางจำหน่าย ไม่นานก็ได้รับหน้าที่เป็น ผู้บริหารสูงสุดด้านการเงิน (ซีเอฟโอ) ของเจเอเอส แอสเซต ธุรกิจให้เช่าพื้นที่และคอมมูนิตี้มอลล์

ล่าสุด เอกชัย ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ดีซีโอ) บริษัท เจเวนเจอร์ส ธุรกิจด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ และร่วมทุนในสตาร์ทอัพเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทในเครือเจมาร์ท

“ปัจจุบันประเทศไทยมีสตาร์ทอัพหลายประเภท หลายรูปแบบ และตลาดนี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็อยากมีส่วนร่วมกับอะไรใหม่ๆ อยากเป็นผู้นำเทรนด์ และอยากเป็นคนสร้างกระแสให้กับวงการเทคโนโลยี”

นอกจากนี้ อีกด้านหนึ่งเจเวนเวอร์สยังเป็นที่ปรึกษาด้านไอดีให้กับบริษัทในเครือ เช่น พัฒนาแอพพลิเคชั่น แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไอที และสนับสนุนเทคโนโลยีให้กับกลุ่มเจมาร์ท

“ในอนาคตถ้าเราเห็นภาพรวมของเทคโนโลยีของทุกบริษัทในเครือแล้ว เราจะทำการทำงานร่วมกัน (Synergy) ได้ง่ายขึ้น แทนที่แต่ละบริษัทจะมีไอทีของตัวเองแล้วต่างคนต่างใช้ต่างทำไปเรื่อยๆ” อย่างตอนนี้เอกชัยกำลังพัฒนาฟังก์ชั่น อี-วอลเล็ต (E-Wallet) ให้เข้าไปอยู่ในแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่บริษัทในเครือมีอยู่

ดีซีโอรุ่นใหม่ยังกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบศึกษาและใช้เทคโนโลยีหรือแกดเจ็ตใหม่ๆ รวมทั้งแอพพลิเคชั่นที่สามารถนำมาประยุกต์กับบริษัท เช่น บล็อกเชน (Blockchain) และแชตบอต (chatbot) เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI-Artificial Intelligence) และนวัตกรรมอื่นๆ ที่ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

 

เอกชัย สุขุมวิทยา ไปข้างหน้าพร้อมเทคโนโลยี

 

เมื่อถามถึงอุปกรณ์ไอทีที่มีอิทธิพลต่อตัวเขามากที่สุด เขายกให้ “สมาร์ทโฟน” อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องงาน ทั้งการจดโน้ตหรือไอเดียใหม่ๆ ได้ทันที คุยงาน เช็กอีเมล ตอบสนองไลฟ์สไตล์ส่วนตัวในเรื่องของการถ่ายภาพโดยเฉพาะอาหารที่มีอินสตาแกรม jsxfoodsnap สำหรับรวบรวมภาพอาหาร ติดตามข่าวสาร และเป็นแหล่งหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย

“สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งที่อยู่กับผมตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน เช้ามาก็ต้องเช็กอีเมล เช็กไลน์ โดยเฉพาะอย่างหลังที่จะมีการแจ้งเตือนมากเป็นพิเศษ เพราะผมจะติดตามไลน์ของแบรนด์อื่นๆ ประมาณ 100 แอ็กเคาต์ เพื่อดูอาร์ตเวิร์ก ดูลูกเล่นใหม่ๆ ให้รู้เขารู้เรา จนทุกวันนี้ไม่ว่าจะไปไหนจะมีสิ่งของที่พกติดตัวอยู่ 2 อย่างคือ มือถือกับกระเป๋าสตางค์

อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ ทำให้จับเทรนด์ได้เร็วขึ้น ติดตามงาน ติดตามข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจทำให้มีสมาธิสั้นลง และเวลาอยู่กับคนอื่น สมาร์ทโฟนอาจทำให้เสียสมาธิได้ง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ ไลฟ์ไซเคิลของเทคโนโลยีที่เคยมีอายุนานถึง 7 ปี ปัจจุบันเขาคิดว่าน่าจะลดลงเหลือแค่ 3 ปี เพราะนักพัฒนาแอพและซอฟต์แวร์แข่งขันกันจนทำให้เทคโนโลยีใหม่มีอายุสั้นลง ด้านผู้ใช้งานจึงต้องติดตามและคัดสรรเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับเวลาและการใช้งานผู้บริหารเจเวนเจอร์ส มองว่า บริษัทในเครือเจมาร์ทมีเป้าหมายเดียวกันคือ เป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีและเป็นดิจิทัลเต็มตัว ดังนั้นบทบาทของบริษัทเจเวนเจอร์สจึงสำคัญต่อเป้าหมายของกลุ่ม ซึ่งเป็นความท้าทายของผู้บริหารในบริษัทที่เปิดตัวได้เพียง 6 เดือน

“นอกจากการหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปขับเคลื่อนบริษัทในเครือ เรายังต้องโน้มน้าวแต่ละบริษัทให้เชื่อก่อนว่า เทคโนโลยีจะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพและศักยภาพ เพราะส่วนใหญ่ยังเป็นกึ่งอะนาล็อกและโตมากับความดั้งเดิม การให้เขามาลงทุนกับเทคโนโลยีจึงเป็นความท้าทาย ผมจึงใช้ระบบแชร์ริ่งคือ เจเวนเจอร์สลงทุนสร้างเทคโนโลยีให้ก่อน ถ้าบริษัทนั้นได้อะไรกลับมาก็มาแชร์กัน เพื่อให้ทั้งบริษัทก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเทคโนโลยีซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในโลกปัจจุบัน” เขากล่าวทิ้งท้าย